10 ต.ค. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) มีการประชุม สส.พรรคเพื่อไทย นำโดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล รักษาการหัวหน้าพรรค นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานสส.พรรค นายอดิศร เพียงเกษ ประธานวิปรัฐบาล นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เข้าร่วมประชุมด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งมี สส.พรรคเพื่อไทยหลายคนสอบถาม รมช.คลัง เกี่ยวกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท พร้อมสะท้อนความเห็นประชาชนในพื้นที่ ว่าทุกคนต่างเฝ้ารอนโยบายดังกล่าว อยากให้เริ่มโครงการได้โดยเร็วที่สุด และต้องการให้ขยายรัศมีในการใช้เงินมากกว่า 4 กิโลเมตร เพราะในบางพื้นที่ลำบากในการเดินทางใช้จ่าย เช่น พื้นที่บนเขาบนดอย รวมทั้งผู้สูงอายุที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือหรืออินเตอร์เน็ต จะสามารถใช้เงินในโครงการนี้ได้หรือไม่
นายจุลพันธ์ ชี้แจงว่า เบื้องต้นขอชี้แจงว่ารัฐบาลรับฟังเสียงทั้งเห็นด้วยและคัดค้าน ทั้งเห็นด้วยอยากให้เดินหน้าโครงการให้เรียบร้อย และอีกส่วนหนึ่งก็ขอให้ยับยั้งได้หรือไม่ ในฐานะรัฐบาลเรารับฟังทั้งหมด แต่ในภาคเอกชนที่รับฟังมาอยากเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายนี้ ส่วนประชาชนได้สะท้อนเป็นเสียงเดียวกันอย่างเป็นเอกฉันท์ ว่าให้เดินหน้าโครงการเพื่อให้เงินตัวนี้ต่อยอดชีวิตของเขา
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่เข้มแข็ง มุมมองที่เสนอออกมาหลายมุมมอง แม้จะเป็นอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็เป็นมุมมองรักษาเสถียรภาพ แต่กลไกที่เป็นเครื่องมือในการบริหารเศรษฐกิจ มีทั้งกลไกทางการเงินและกลไกทางการคลัง ซึ่งกลไกทางการเงินอยู่ในมือ ธปท. เป็นหลักในการรักษาเสถียรภาพระบบเศรษฐกิจ
แต่กลไกในการคลังอยู่ในกระทรวงการคลังและรัฐบาล เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจเติบโต ขณะนี้ทุกคนรู้ว่าประเทศไทยอยู่ในสถานะของสังคมผู้สูงอายุ และมีความเสี่ยงต่อระบบการเงินการคลังของประเทศถ้าปล่อยแบบนี้ต่อไปประเทศไทยจะเติบโตเหมือนกับ 10 ปีที่ผ่านมา โตไม่ถึง 2% จะถึงจุดที่แตกหัก คือรายรับของรัฐและงบประมาณของรัฐไม่สามารถเติบโตไปกับสวัสดิการที่จะให้กับประชาชน ทั้งผู้สูงอายุหรือใครก็ตามซึ่งเป็นความเสี่ยง
ฉะนั้น รัฐบาลมองเห็นแล้วว่าการเติบโตของประเทศไทยใน 10 ปีที่ผ่านมา ไม่สามารถโตได้เต็มศักยภาพ เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เรายังโตเพียงแค่ปีละ 3% กว่าๆ ซึ่งต่ำกว่าภูมิภาคมากมาย
นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้เราจึงมีความจำเป็นที่จะต้องดึงประเทศไทยให้กลับมาเติบโตเหมาะสมกับศักยภาพและคนในประเทศ รัฐบาลจึงมองว่าการเติบโตในระดับ 5% เป็นระดับที่มีความเหมาะสมเป็นอย่างต่ำ กลไกที่จะใช้หนึ่งในนั้น คือ นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งรัฐบาลที่นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง มีความครอบคลุมหลายมิติ
เมื่อไปเปิดดูนโยบายเร่งด่วนที่เราแถลงนโยบายไปเมื่อเดือนกว่าๆ เราทำไปเกือบหมดแล้ว และปีหน้าคิดอยู่ว่าทำอะไร เพราะเราทำไปหมดเล่มแล้ว นี่คือสิ่งที่เราต้องรีบแก้ไขให้กับประชาชน สิ่งที่เราทำนอกจากการเดินหน้านโยบายเงินดิจิทัล คือ การลดค่าใช้จ่ายของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคาไฟฟ้าที่เหลือ 3.99 บาท ราคาน้ำมันดีเซล วีซ่าฟรีให้กับนักท่องเที่ยวบางประเทศ ซึ่งตอนนี้ยอดการจอง ยอดการเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
นโยบายที่เราไปกิโยตินกฎหมายที่เป็นข้อกำจัดต่างๆ ในการดำรงชีวิตและประกอบอาชีพของประชาชน เราเดินหน้าหมด ซึ่งเวลาเราดูเราต้องดูเป็นแพ็กเกจใหญ่ ยืนยันว่านโยบายนี้จะทำให้ชีวิตพี่น้องประชาชนดีขึ้น
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่เรากำลังเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ขณะนี้มีความเข้าใจค่อนข้างสับสน บางส่วนอาจจะเป็นเรื่องของมุมมองทางการเมืองที่ต้องการโจมตีในตัวนโยบายหรือบุคคลของเราก็ตาม แต่ทุกอย่างชี้แจงได้ จึงขอฝากสส.ช่วยรัฐบาลชี้แจงความเข้าใจในหลายหลายประเด็น
เงินเฟ้อถามว่าห่วงหรือไม่ ยืนยันว่าไม่กระทบมาก เพราะเงินเฟ้อช่วงที่ผ่านมามีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.25 เป็น 2.50 เพิ่มมา 5 จุด สามารถหยุดยั้งเงินเฟ้อในระดับที่น่าพึงพอใจ ซึ่งเป็นนโยบายของ ธปท. เงินเฟ้อจาก 5% ขณะนี้เหลือ 0.3% ต่อให้มีนโยบายนี้เข้ามา เราก็มีกลไกควบคุมดูแลให้ความเหมาะสม แต่เรามีความจำเป็นที่จะต้องขยายฐานขยายเศรษฐกิจให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เรื่องที่ 2 ที่มีการกล่าวหาว่านโยบายนี้จะไปซื้อคริปโตจากต่างประเทศมาแจกประชาชน นี่เป็นความเข้าใจผิด เราไม่ได้แจกเงินเหรียญคริปโต เงินนี้คือเงินบาทเดิม เพราะเงินบาทที่ไปอยู่ในรูปแบบของดิจิทัลวอลเล็ตทุกบาท จะต้องถูกแบ็กด้วยเงินบาทของไทยจริงๆ มันจะไม่มีการเปลี่ยนค่าหรือเก็งกำไรได้ มันคือเงินบาทในรูปแบบดิจิทัล
คิดง่ายๆ คือเปรียบเสมือนเป็นคูปองที่เทียบเท่ากับเงินบาทจำนวนเงิน 10,000 บาท แต่เขียนเงื่อนไขลงไปในคูปองด้วย เพราะเราต้องการให้เงินนี้มันกระตุ้นเศรษฐกิจจริงๆ เกิดการหมุนเวียนในเศรษฐกิจจริงๆ ถึงได้กำหนดว่าต้องใช้ภายในหกเดือน ต้องใช้กรอบระยะทางที่กำหนด และห้ามเอาไปใช้ในบางประเภท
“นโยบายนี้จะเป็นนโยบายแรกที่จะหมุนเวียนเศรษฐกิจมากกว่านโยบายใดๆ ก็ตามที่ประเทศไทยเคยใช้มา ทั้งนี้ ไม่กล้าไปเทียบกับในโลก แต่อาจจะมากที่สุดในโลกก็ได้ เพราะในโลกไม่เคยมีกลไกนี้ ในการส่งเม็ดเงินไปยังประชาชนแล้วเขียนกลไกให้มันเกิดการหมุนเวียนลงทุนและการใช้จ่าย เราเห็นประชาชนในหลายจังหวัดเตรียมรอรับนโยบายนี้ ด้วยการเตรียมการลงทุนในภาคการผลิต ไปจ้างงาน ไปซื้อสินค้าประเภททุนมารองรับ เมื่อเงินมาถึงก็สามารถนำเงินส่วนนี้มาลงทุนในการประกอบอาชีพ” นายจุลพันธ์ กล่าว
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า เม็ดเงินเหล่านี้จะไม่ได้ลงเพียงแค่นี้ เพราะเราได้พูดคุยกับสถาบันการเงินของรัฐบางแห่ง เช่น ธกส. ธนาคารออมสิน สิ่งที่เขาต้องการทำ คือ เมื่อประชาชนจะนำเม็ดเงินที่มาจากดิจิทัลวอลเล็ต และมีแผนลงทุนในการประกอบอาชีพที่ชัดเจน แล้วไปคุยกับธนาคารของรัฐ ก็พร้อมที่จะให้กู้เงินเพิ่มเติมเพื่อไปประกอบอาชีพ
นี่คือการสร้างเม็ดเงินมหาศาลในกระบวนการลงทุนและเม็ดเงินในประเทศไทย ทั้งนี้ สิ่งที่เราเดินหน้ามาขณะนี้เราเห็นแสงที่ปลายอุโมงค์ เราเห็นโอกาส เห็นความหวังของประชาชนว่าเขาจะสามารถนำเม็ดเงินเหล่านี้ไปต่ออายุ ไปยื้อชีวิต ไปประกอบอาชีพสร้างการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ
นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า เราพร้อมที่จะผ่อนปรนในเรื่องพื้นที่ อนุกรรมการขับเคลื่อนเรารับฟังและมีการพูดคุยกันในสัปดาห์นี้ โดยอาจจะขยับเพิ่มจากสี่กิโลเมตร เป็นตำบลเป็นอำเภอก็ได้ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง ตนเชื่อว่าการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจจะมีเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ กลไกทำนโยบายต้องมีการยืนยันตัวตนระดับหนึ่ง ถ้าใครไม่ยืนยันตัวตนถือว่าสละสิทธิ์ แต่เรากำลังดูอยู่และขอข้อมูลแล้วว่า ถ้าจะหาเกณฑ์ในการบอกว่าใครรวย ใครจน จะใช้เกณฑ์อย่างไร เช่น รายได้ที่ไปยื่นแบบต่อสรรพากรหรือบัญชีเงินฝากว่ามีเงินเท่าไหร่ แต่เราต้องหาตัวเลขที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนคำถามเรื่องผู้สูงอายุและผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้นั้นจะแก้ไขอย่างไร เบื้องต้นตอนที่เราคิดโครงการ เราคิดว่าจะให้เขาต้องไปยืนยันตัวตนที่ธนาคารของรัฐ เมื่อยืนยันตัวตนแล้วอาจจะมีกระดาษมาหนึ่งใบ และมีคิวอาร์โค้ดให้ไปซื้อของแลกเปลี่ยนกับคนที่มีแอปพลิเคชั่น หรือคนที่มีสมาร์ทโฟนได้เลย
แต่เรากำลังหาหนทางที่จะทำให้ดีกว่านี้ คือเมื่อยืนยันตัวตนแล้วจะบันทึกในบัตรประชาชน แล้วนำใช้บัตรประชาชนกับแอปพลิเคชั่นของอีกคนหนึ่ง เพื่อทำการแลกเปลี่ยนได้ แต่ต้องมีการยืนยันใบหน้า เพื่อไม่ให้สามารถให้ใครไปแอบอ้างหรือใช้บัตรประชาชนของท่านไปขึ้นเงินได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://www.khaosod.co.th/politics/news_7909808
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ