6 พฤศจิกายน ที่กระทรวงพาณิชย์ นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย เดือนตุลาคม 2566 เท่ากับ 107.72 เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2565 ซึ่งเท่ากับ 108.06 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง -0.31% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า และเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 25 เดือน
สาเหตุจากการลดลงของราคาสินค้ากลุ่มพลังงาน และสินค้าอุปโภค-บริโภค เนื่องจากมาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐ รวมทั้งเนื้อสุกรและผักสดที่ราคาต่ำกว่าปีที่ผ่านมา สำหรับเงินเฟ้อพื้นฐาน เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก สูงขึ้น 0.66% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายพูนพงษ์กล่าวว่า สำหรับอัตราเงินเฟ้อของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ข้อมูลล่าสุดเดือนกันยายน 2566 พบว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยสูงขึ้น 0.30% อยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยอยู่ระดับต่ำอันดับ 8 จาก 130 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และยังคงต่ำที่สุดในอาเซียนจาก 7 ประเทศที่ประกาศตัวเลข (สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย) โดยอัตราเงินเฟ้อในหลายประเทศทั่วโลกมีแนวโน้มชะลอตัว และเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ
“กรณีเงินเฟ้อลดลงครั้งแรกในรอบ 25 เดือนนั้นไม่ได้กังวลแต่อย่างไร และไม่มีประเด็นเรื่องเงินฝืดอย่างแน่นอน เพราะเศรษฐกิจยังไปได้ หากดูจากภาคการท่องเที่ยวยังคงเติบโต กำลังซื้อยังมี รวมถึงการคาดการณ์การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจยังขยายตัวได้ดี” นายพูนพงษ์กล่าว
ขณะที่ น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เนื่องจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้ความสำคัญกับการยกระดับกิจกรรมและอีเวนต์จากงานที่จัดกันระดับท้องถิ่นไปสู่ระดับอินเตอร์เนชั่นแนลให้มากขึ้น ทำให้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมนี้ ททท.มีจำนวนกิจกรรมและอีเวนต์ระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ และระดับอินเตอร์ รวมกว่า 3,000 กิจกรรมทั่วประเทศ ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนเป็นผู้จัด ควบคู่ไปกับการกระตุ้นตลาดต่างชาติเที่ยวไทย โดยล่าสุดได้เดินทางไปทำตลาดที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ผ่านแคมเปญ Amazing Thailand Bus เป็นสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์เคลื่อนที่ ซึ่ง ททท.ได้ตกแต่งติดรถโดยสารประจำทางสองชั้นของกรุงลอนดอน และวิ่งบริการผ่านแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในกรุงลอนดอน เป็นเครื่องมือและสื่อโฆษณาเคลื่อนที่ เพื่อสร้างการรับรู้ ตอกย้ำและสร้างภาพจำใหม่ ดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวมากขึ้น
รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงานแจ้งว่า วันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ ผู้ค้าน้ำมันนำโดยพีทีทีสเตชั่นและบางจาก จะลดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินทุกประเภท 0.80-2.50 บาทต่อลิตร ดังนี้ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ลดลง 2.50 บาทต่อลิตร น้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ลดลงประมาณ 1 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล์อี20 และอี85 ลดลงประมาณ 0.80 บาทต่อลิตร
โดยการลดราคาดังกล่าวมาจากการลดอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันประเภทน้ำมันเบนซินลง 0.15-1 บาทต่อลิตร ตามสัดส่วนเนื้อน้ำมันเบนซินที่ผสมและใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอุดหนุนเพิ่มเติมทำให้ราคากลุ่มเบนซินลดทั้งสิ้น 0.80-2.50 บาทต่อลิตร
รายงานข่าวระบุว่า การลดราคากลุ่มเบนซินจะทำให้กองทุนน้ำมันฯมีภาระเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอุดหนุนดีเซลและแอลพีจี โดยฐานะ ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2566 ติดลบ 75,625 ล้านบาท แบ่งเป็น ติดลบจากบัญชีน้ำมัน 30,185 ล้านบาท บัญชีก๊าซแอลพีจี 45,440 ล้านบาท
ข่าวจาก : มติชน
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ