10 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. โดยผู้ยื่นแบบเอกสารหรือกระดาษ ผ่านสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่งใกล้บ้าน ยื่นได้ถึงสิ้นเดือน มี.ค. ส่วนการยื่นภาษีออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร www.rd.go.th ให้ถึงวันที่ 9 เม.ย. 2567
สำหรับผู้ที่มีสิทธิจะได้เงินภาษีคืนจะต้องถูกหักภาษีเกินกว่าที่ต้องจ่าย ที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่ายไปล่วงหน้า เมื่อคำนวณภาษีเรียบร้อยแล้ว สามารถยื่นขอเงินภาษีคืนได้ โดยมีรายละเอียด และช่องทางการติดตามสถานะคืนเงิน โดย “ประชาชาติธุรกิจ” ได้รวบรวมมาให้ดังนี้
เช็กสถานะคืนเงินภาษี
1. เว็บไซต์กรมสรรพากร www.rd.go.th
2. เลือกเมนู My Tax Account ตรวจสอบข้อมูลทางภาษี
3.กรอกข้อมูลเพื่อเข้าระบบ ใส่เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (เลขบัตรประจำตัวประชาชน) และรหัสผ่านเดียวกันกับระบบ e-Filing ใส่เลข Laser ID หลังบัตรประชาชนและกด “เข้าสู่ระบบ”
4. หน้าจอจะปรากฏให้ยืนยันตัวตน ระบบจะส่งรหัส OTP พร้อมรหัสอ้างอิงไปยังหมายเลขโทรศัพท์ที่ระบบได้ให้ไว้ กรอกเลขรหัสที่ได้รับภายในเวลา 5 นาที
5. ติดตามสถานะและส่งเอกสาร
นอกจากนี้ ยังสามารถตรวจสอบสถานะคืนเงินภาษีได้อีก 2 ช่องทาง ได้แก่
- ศูนย์บริการข้อมูลสรรพากร (RD Call Center) : 1161
- สำนักงานสรรพากรพื้นที่ตามภูมิลำเนาที่ปรากฏตามการยื่นแบบ
เคล็ดลับได้เงินคืนภาษีให้รวดเร็วขึ้น
สิ่งสำคัญเวลายื่นภาษีคือ ความถูกต้องครบถ้วนของเอกสาร และ ช่องทางการรับเงินคืนภาษี เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว สิ่งที่เราต้องคอยตรวจสอบและเตรียมพร้อมตั้งแต่ต้นปีจะมีทั้งหมด 3 ข้อ
1. เตรียมความพร้อมด้านเอกสารหลักฐาน
เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันตัวเลขรายรับ รายจ่าย ค่าลดหย่อนต่าง ๆ หากยื่นเอกสารไม่ครบถ้วน ตามตัวเลขที่แจ้งไว้ ทางสรรพกรก็อาจขอเรียกดูเอกสารเพิ่มเติม และใช้เวลานานขึ้นกว่าที่ได้รับคืนเงินภาษี
เอกสารที่ควรเตรียมพร้อมทุกครั้งที่ยื่นภาษีมีดังนี้
- หนังสือรับรองเงินเดือน
- การหักภาษี ณ ที่จ่าย (ใบทวิ 50)
- ข้อมูลเอกสารเกี่ยวกับค่าลดหย่อน
2.อัพโหลดเอกสารเพิ่มเติมบนเว็บไซต์กรมสรรพากร
เมื่อมียอดภาษีที่ถูกหักไว้มากกว่าจำนวนภาษีที่คำนวณได้ จะต้องมีนำส่งเอกสารให้สรรพากรเพิ่มเติม
โดยเข้าไปที่ระบบ E-Refund แล้วคลิกที่ “นำส่งเอกสารประกอบพิจารณาการคืนเงินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” แล้วอัพโหลดเอกสารที่เกี่ยวข้องเข้าไป
โดยการอัพโหลดเอกสารต้องไฟล์สามารถ Upload ได้จะต้องเป็นสกุล JPG, BMP, PNG, TIFF, PDF ที่ขนาดของไฟล์ไม่เกิน 3 MB ขนาดของไฟล์รวมกันแต่ละครั้งไม่เกิน 20 MB และสามารถนำส่งได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ทั้งนี้ ระบบไม่รองรับไฟล์ PDF ที่มี Password นั่นเอง
3. รับผ่านพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชน
หากผู้เสียภาษีผูกพร้อมเพย์กับบัญชีธนาคาร โดยต้องทำการเชื่อมพร้อมเพย์กับบัตรประชาชน และหากผ่านการพิจารณาคืนภาษี กรมสรรพากรก็จะโอนเงินภาษีนั้นคืนใน 3-5 วันทำการ
หากไม่ได้ผูกพร้อมเพย์ไว้ ทางสรรพากรจะออกหนังสือแจ้งคืนเงินภาษี (ค.21) ส่งทางไปรษณีย์ สำหรับเป็นหลักฐานเพื่อนำไปติดต่อรับเงินคืนได้ที่ธนาคารกรุงไทย (KTB) หรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ใช้เวลาประมาณ 15 วัน
กรณีที่ยื่นขอคืนเงินภาษีไปแล้ว แต่พบว่ายอดคืนภาษีไม่ตรงกับยอดที่ยื่นไปที่ควรจะได้รับ และไม่เห็นด้วย ก็สามารถอุทธรณ์ต่อกรมสรรพากรได้เช่นกัน
ช่องทางขอเงินภาษีคืน
- บัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวบัตรประชาชน 13 หลัก
- บัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทยและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
- ผู้ขอคืนที่ไม่สามารถลงทะเบียนพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก กรมสรรพากรจะออกหนังสือ ค.21 (หนังสือแจ้งคืนเงินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา) พร้อมเช็ก โดยจัดส่งทางไปรษณีย์ตามที่อยู่บนแบบแสดงรายการให้ผู้ขอคืน เพื่อนำไปเข้าบัญชีเงินฝากที่สาขาธนาคารเท่านั้น
สรรพากร แจง ระยะเวลาขอรับเงินคืนภาษี
ทั้งนี้ นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ รองอธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร เผยถึงกรณีการขอคืนภาษี จะสามารถได้รับเงินคืนเร็วสุดกี่วัน โดยจะขึ้นอยู่เกณฑ์ความเสี่ยงของผู้ยื่น หากไม่พบปัญหา จะได้คืนภาษีภายใน 3-4 วัน
“ในปีนี้มีคนขอยื่นภาษีเยอะ เรามีการวิเคราะห์ข้อมูล ผ่าน data analytics ของกรมสรรพากร หากผู้ยื่นไม่มีข้อมูลซับซ้อน แล้วก็ไม่เข้าเกณฑ์ความเสี่ยง ก็จะได้รับเงินคืนเร็วแน่นอน” นายวินิจกล่าว
ข่าวจาก : ประชาชาติธุรกิจ
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ