24 มกราคม นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงการลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ เป็นวันที่ 55 นับตั้งแต่เปิดลงทะเบียนเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2566 เป็นต้นมา โดยจากข้อมูลของสำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง เมื่อเวลา 15.00 น. มีมูลหนี้รวม 8,966.132 ล้านบาท ประชาชนลงทะเบียนแล้ว 134,164 ราย เป็นการลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ 114,067 ราย และการลงทะเบียน ณ ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ 20,097 ราย รวมจำนวนเจ้าหนี้ 100,376 ราย มีพื้นที่/จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนมากที่สุด 5 ลำดับแรก 1.กรุงเทพมหานคร ยังคงมากที่สุด มีผู้ลงทะเบียน 11,054 ราย เจ้าหนี้ 7,186 ราย มูลหนี้ 795.601 ล้านบาท 2.จังหวัดนครศรีธรรมราช มีผู้ลงทะเบียน 5,466 ราย เจ้าหนี้ 4,874 ราย มูลหนี้ 365.292 ล้านบาท 3.จังหวัดสงขลา มีผู้ลงทะเบียน 4,959 ราย เจ้าหนี้ 3,809 ราย มูลหนี้ 326.288 ล้านบาท 4.จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ลงทะเบียน 4,928 ราย เจ้าหนี้ 3,433 ราย มูลหนี้ 382.992 ล้านบาท 5.จังหวัดขอนแก่น มีผู้ลงทะเบียน 3,510 ราย เจ้าหนี้ 2,887 ราย มูลหนี้ 297.606 ล้านบาท ขณะที่จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนน้อยที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ 1.จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีผู้ลงทะเบียน 213 ราย เจ้าหนี้ 222 ราย มูลหนี้ 12.044 ล้านบาท 2.จังหวัดระนอง มีผู้ลงทะเบียน 293 ราย เจ้าหนี้ 206 ราย มูลหนี้ 19.638 ล้านบาท 3.จังหวัดสมุทรสงคราม มีผู้ลงทะเบียน 351 ราย เจ้าหนี้ 272 ราย มูลหนี้ 11.386 ล้านบาท 4.จังหวัดตราด มีผู้ลงทะเบียน 431 ราย เจ้าหนี้ 329 ราย มูลหนี้ 18.315 ล้านบาท และ 5.จังหวัดสิงห์บุรี มีผู้ลงทะเบียน 460 ราย เจ้าหนี้ 330 ราย มูลหนี้ 23.075 ล้านบาท
“สำหรับข้อมูลการไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบทั่วประเทศพบว่า มีลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยแล้ว 13,465 ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 7,297 ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนไกล่เกลี่ย 1.343.810 ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย 774.720 ล้านบาท มูลหนี้ลดลง 569.090 ล้านบาท และจังหวัดที่สามารถนำลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยได้มากที่สุดยังคงเป็นจังหวัดนครสวรรค์เช่นเดิม โดยมีลูกหนี้ที่เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย 3,018 ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 164 ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนไกล่เกลี่ย 234.050 ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย 12.053 ล้านบาท ทำให้มูลหนี้ของพี่น้องประชาชนในจังหวัดนครสวรรค์ลดลง 221.997 ล้านบาท สำหรับกรณีที่ไม่ได้รับความร่วมมือกระทั่งไม่สามารถดำเนินการไกล่เกลี่ยได้ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการส่งสำนวนแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจในพื้นที่ มีการดำเนินคดีไปแล้ว 151 คดี ใน 28 จังหวัด” นายสุทธิพงษ์ กล่าว
ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่ออีกว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบนโยบายและแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบทั้งในระดับจังหวัด/อำเภอ ในการประชุมติดตามการขับเคลื่อนงานตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย ที่อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา ที่ผ่านมา โดยขอให้นายอำเภอดำเนินการเรื่องแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ให้ใช้มาตรการทางภาษีและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ปัญหาหนี้นอกระบบหมดไป รวมทั้งเพิ่มความเข้มงวดในเรื่องการข่มขู่หรือทำร้ายร่างกายลูกหนี้ไม่ให้เกิดขึ้น ซึ่งทั้งหมดมีเป้าหมายเดียวกัน คือ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างความอุดมสมบูรณ์พูนสุขโดยถ้วนหน้าให้กับพี่น้องประชาชน”
“นอกจากนี้ ท่าน มท.1 ยังได้กำชับกับทุกภาคส่วนอีกว่า กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการรับฟังเสียงสะท้อนจากพี่น้องประชาชนผู้เดือดร้อนในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ เราต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ครอบคลุมทุกฝ่ายทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ดังนั้นจึงขอเน้นย้ำไปยังทุกจังหวัดให้ดำเนินกระบวนการเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้สินโดยเร็วที่สุดหลังจากที่ได้รับลงทะเบียน เพื่อให้ลูกหนี้และเจ้าหนี้ที่ลงทะเบียนไว้ได้รับการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว รวมทั้งขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอใช้กลไกระดับพื้นที่ประชาสัมพันธ์ในเรื่องการลงทะเบียนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบได้เข้ามาลงทะเบียนขอรับการช่วยเหลือจากทางภาครัฐอย่างครอบคลุมและทั่วถึง โดยจะรับลงทะเบียนถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567” นายสุทธิพงษ์กล่าวเพิ่มเติม
นายสุทธิพงษ์กล่าวในช่วงท้ายว่า กระทรวงมหาดไทยยังคงเปิดรับลงทะเบียนพี่น้องประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้นอกระบบ ทั้งทางระบบออนไลน์ที่ https://debt.dopa.go.th หรือลงทะเบียนได้ ณ ที่ว่าการอำเภอ หรือสำนักงานเขตทั่วประเทศ โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง
ข่าวจาก : มติชน
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ