23 กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่ากรมการค้าภายในได้พิจารณาให้ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมกว่า 10 รายปรับขึ้นราคาสินค้าเฉลี่ย 50 สตางค์ ขึ้นอยู่ขนาดและผลิตภัณฑ์ของสินค้า โดยคาดว่าจะเริ่มปรับราคาได้ประมาณ 1-2 สัปดาห์จากนี้ เนื่องจากผู้ประกอบการยังคงมีสต๊อกสินค้าเดิมที่ค้างอยู่
อย่างไรก็ดี กรมได้กำชับให้ห้างค้าส่ง-ค้าปลีก ห้างท้องถิ่นทั่วประเทศห้ามขึ้นก่อนที่จะได้รับอนุญาตหรือฉวยโอกาสขึ้นราคา ต้องขึ้นตามข้อมูลต้องเช็คหนังสื่ออนุญาตให้ถูกต้อง
ตามที่คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม ประกาศปรับราคาน้ำนมดิบขึ้นจาก 20.50 บาทต่อกก. เป็น 22.75 บาทต่อกก. หรือเพิ่มขึ้น กก.ละ 2.25 บาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งมีผลกระทบให้ผู้ผลิตนมสดพร้อมดื่มมีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นไปด้วย โดยผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมที่ใช้น้ำนมดิบ ได้ทำหนังสือแจ้งไปที่กรมการค้าภายในมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 เพื่อขอปรับขึ้นราคาขายปลีกผลิตภัณฑ์นม โดยทยอยยื่นอย่างต่อเนื่องกว่า 20 รายแล้ว
ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กรมการค้าภายในได้อนุญาตให้ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นม ขึ้นราคาสินค้า เมื่อสัปดาห์ก่อนจำนวน 6 ราย ล่าสุดให้ขึ้นราคาสินค้าปัจจุบันรวมกว่า 10 ราย ทั้งนมยูเอชที นมพลาสเจอไรซ์ นมสเตอริไลซ์ โดยการปรับขึ้นราคาขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้นมนมดิบเฉลี่ย 50 สตางค์ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้านมที่ได้รับความนิยม เช่น ขนาด 180-225 ซีซี ขึ้นเฉลี่ย 50 สตางค์ นอกจากนี้ ยังมีอีกว่า 10 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมในตลาดมีประมาณ 20 ราย
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจภายหลังที่กรมอนุญาตให้ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมขึ้นราคาสินค้า พบยังไม่มีการปรับขึ้นราคา ราคายังคงจำหน่ายในราคาเดิม เนื่องจากยังมีสต๊อกเก่าอยู่ โดยคาดว่าราคาใหม่จะปรับขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์นี้
ทั้งนี้ การปรับขึ้นราคาย้ำว่าห้างค้าปลีก-ค่าส่ง จะต้องดูหนังสืออนุญาตให้ชัดเจน ว่าสินค้านั้น ๆ ได้รับอนุญาตให้ขึ้นราคาถูกต้องหรือไม่ หากพบว่ามีการจำหน่ายไม่สอดคล้องกับต้นทุน จะมีความผิดตามกฎหมาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากผู้บริโภคพบเห็นหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมให้ร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569
“เกณฑ์การพิจารณาการขึ้นราคาผลิตภัณฑ์นมสดพร้อมดื่ม กรมการค้าภายใน ได้อนุญาตให้ขึ้นเฉพาะในส่วนของต้นทุนน้ำนมดิบที่เพิ่มเท่านั้น ไม่รวมต้นทุนอื่น เช่น ค่าแรง ค่าไฟฟ้า ค่าขนส่ง แม้ทางผู้ประกอบการจะขอมาก็ตาม เพราะเป้าหมายของกรมการค้าภายใน คือ ต้องการดูแลผู้บริโภคให้ได้รับผลกระทบจากขึ้นราคาให้น้อยที่สุด ขณะเดียวกันผู้ประกอบการต้องอยู่ได้ และเกษตรกรได้ประโยชน์”
ที่สำคัญในการพิจารณาปรับราคา ผู้ประกอบการจะต้องแสดงให้เห็นถึงข้อมูลเอกสารสำคัญใช้ประกอบการขอขึ้นราคา ได้แก่ เอกสารเกี่ยวกับการรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกร ในอัตราที่มีการปรับขึ้นใหม่แล้วที่ กก.ละ 22.75 บาท และข้อมูลเกี่ยวกับสูตรการผลิต ที่มีสัดส่วนการใช้น้ำนมดิบในการผลิตสินค้านมกล่อง หรือนมขวดของประเภทนั้น ๆ ที่แตกต่างกัน เช่น ถ้านมรสจืดที่ผสมนมดิบ 100% จะได้ขึ้นราคามากกว่า
แต่ถ้าเป็นนมปรุงแต่งมีส่วนผสมอื่นก็จะขึ้นตามสัดส่วนการใช้นมดิบ ขณะที่สินค้าที่ใช้นมผงจะไม่เกี่ยวข้อง รวมถึงสินค้านมเปรี้ยว และโยเกิร์ตด้วย ซึ่งเป็นสินค้าทางเลือกไม่ต้องขออนุญาต
ข่าวจาก : prachachat
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ