เขื่อนป่าสักเหลือน้ำแค่ 15% ของความจุ ขอเกษตรกรชะลอเพาะปลูกไว้ก่อน รอเข้าฤดูฝน





สถานการณ์ภัยแล้ง เขื่อนป่าสักฯ ล่าสุดขณะนี้เหลือน้ำอยู่เพียงร้อยละ 15 ของความจุ ขณะที่ ผอ.เขื่อนฯ ยืนยัน การบริหารจัดการน้ำยังคงเป็นไปตามแผน ไม่ส่งผลกระทบต่อน้ำอุปโภคบริโภคแน่นอน ส่วนน้ำภาคการเกษตร ขอให้เกษตรกรชะลอการเพาะปลูกไว้ก่อน รอจนกว่ากรมอุตุวิทยา จะประกาศเข้าสู่ฤดูฝน อย่างเป็นทางการ

เมื่อวันที่ 3 พฤศภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ภัยแล้งฝนตกน้อย ฝนทิ้งช่วง ทำให้หลายพื้นที่ต้องประสบภัยแล้ง ไม่มีน้ำในการประกอบอาชีพทางการเกษตร บางพื้นที่ต้องมีมาตรการประหยัดน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค

ข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำ ของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ต.หนองบัว อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ซึ่งหากมองด้วยตาเปล่า และภาพถ่ายจากมุมสูง เหนือประตูระบายน้ำ ของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งเป็นเขื่อนเก็บกักน้ำ 1 ใน 4 เขื่อนหลัก ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา จะเห็นว่า ปริมาณน้ำที่เห็นนั้น น่าเป็นห่วง อย่างที่หลายฝ่ายวิตกกังวล เนื่องจากระดับน้ำที่ลดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเที่ยบกับปี 2566 ที่ผ่านมา โดยในช่วงฤดูฝนปี 2566 เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์สามารถเก็บกักน้ำ ได้ประมาณ 1,019 ล้านลูกบาศก์เมตร(ล้าน ลบ.ม.) หรือคิดเป็นร้อยละ 106 ของความจุอ่างฯ

ซึ่งปริมาณน้ำดังกล่าวจะเป็นน้ำต้นทุน เพื่อใช้ในกิจกรรมต่างๆ ตลอดช่วงฤดูแล้งปี 2566/67 รวมระยะเวลาทั้งสิ้น กว่า 6 เดือน (1 พฤศจิกายน 2566 – 30 เมษายน 2567) รวมไปถึงเป็นน้ำต้นทุน เพื่อสำรองไว้ใช้ในช่วงต้นฤดูฝน กรณีที่เกิดฝนทิ้งช่วงหรือฝนยังตกไม่สม่ำเสมอ ในช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2567

ทั้งนี้ การบริหารจัดการน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในช่วงฤดูแล้งปี 2566/67 เพื่อสนับสนุนการอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศน์ การเกษตร การอุตสาหกรรม และอื่นๆ รวมปริมาณน้ำทั้งสิ้นกว่า 800 ล้าน ลบ.ม. เนื่องจากมีการใช้น้ำตลอดช่วงฤดูแล้ง รวมทั้งสิ้นกว่า 6 เดือน ประกอบกับสภาพอากาศที่มีความร้อนสูง จึงทำให้ปริมาณน้ำลดลงตามลำดับ

 

ข่าวจาก : มติชน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: