20 พ.ค. 67 – ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวในการแถลงข่าวผลการตรวจข้าวที่ได้รับจากกระทรวงพาณิชย์ ทางด้านสารเคมีตกค้าง การปนเปื้อนสารพิษจากเชื้อรา และคุณภาพของข้าวด้านสารอาหารและอื่นๆ ด้วยระบบคุณภาพมาตรฐาน ISO/IEC 17025 ว่า
ขณะนี้ข้าวในสต็อกของรัฐบาลจากโครงการรับจำนำข้าว เหลืออยู่ทั้งหมด 2 คลัง ใน จ.สุรินทร์ คือ คลังกิตติชัย จำนวน 11,665.65 ตัน คิดเป็น 112,711 กระสอบ และคลังพูนผล 3,356.59 ตัน คิดเป็น 32,879 กระสอบ รวมทั้งหมด 15,013.24 ตัน คิดเป็น 145,590 กระสอบ ซึ่งเป็นข้าวสารในสต็อกรัฐบาลล็อตสุดท้ายแล้ว
ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการว่าข้าวเก็บมานาน มีค่าใช้จ่ายที่เป็นภาระของผู้ประกอบการในการรมยา ดูแลรักษา และไม่สามารถนำพื้นที่ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้จึงเป็นที่มาว่ากระทรวงพาณิชย์ อยากจะระบายข้าวและนำเงินกลับมาคืนเป็นรายได้ของรัฐเอง
นายวัฒนศักย์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ที่ผ่านมา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้าวในคลัง พร้อมทั้งเก็บตัวอย่างข้าว ที่กระทรวงฯ ได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนเป็นผู้ดำเนินการ (Surveyor) คือ บริษัท โคเทคนา อินสเปคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ขึ้นทะเบียนกับกรมการค้าต่างประเทศ มีสำนักงานใหญ่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นบริษัทที่มีมาตรฐานในการปฏิบัติ โดยการเก็บตัวอย่างข้าวจะมีการผ่ากรอง 15 ชั้น เพื่อให้ได้ตัวอย่างที่ใกล้เคียงที่สุด ซึ่งเราผ่าทุกกรองและเก็บตัวอย่างมาเพื่อให้มีความมั่นใจ ทุกขั้นตอนมีการเปิดเผยในสายตาของสื่อมวลชน มีความโปร่งใส จากนั้นจึงได้ส่งตัวอย่างมาตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
ขณะที่ นายกฤษณรักษ์ ใจดี รักษาการผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า หลังจากที่มีผลการตรวจสอบคุณภาพข้าวที่มีการเก็บรักษาไว้ใน 2 คลังดังกล่าวออกมาว่า มีคุณภาพนั้น ขณะนี้อยู่ในกระบวนการของคณะกรรมการตรวจสอบ และวางกรอบการทำงาน เพื่อการประกาศขายข้าว ทั้งหมด 15,013.24 ตัน คาดว่า ไม่เกินสิ้นเดือน พ.ค. นี้ ทาง อคส.จะประกาศจำหน่ายข้าวในสต็อกเป็นการทั่วไป
เมื่อถามว่า หากมีการจำหน่ายทั่วไปแล้ว ในทางกฎหมายจะสามารถระบุไว้บนบรรจุภัณฑ์ว่าเป็นข้าวล็อต 10 ปีได้หรือไม่ นายวัฒนศักย์กล่าวว่า ทาง อคส. ต้องไปดูรายละเอียด แต่อย่างที่มีการรายงานผลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่พบว่าคุณภาพข้าวที่มาจากคลังสินค้า และข้าวใหม่ในตลาดไม่มีความแตกต่างกันนั้น อย่างไรก็ตามคงต้องไปดูในรายละเอียดอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม หากจะมีการนำข้าวดังกล่าวมาจำหน่ายต้องมีขั้นตอนการปรับปรุงคุณภาพข้าว นำสิ่งแปลกปลอมที่ปนอยู่ออกก่อน จึงจะนำมาจำหน่ายได้ ส่วนจะสามารถส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศได้หรือไม่นั้น กรมการค้าต่างประเทศจะต้องเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งอาจจะมีการตรวจหาสารเคมีซ้ำหรือไม่ ก็ต้องไปดูรายละเอียด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทางกรมวิทย์มีการตรวจสอบอายุของข้าวที่กระทรวงพาณิชย์ส่งมาตรวจหรือไม่ นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เป็นเรื่องแรกที่ตนได้ถามกับผู้อำนวยการสำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร (สคอ.) ว่าจะมีเทคโนโลยีใดที่สามารถยืนยันอายุของข้าวได้ ซึ่งท่าน ผอ.สคอ. ก็ไปค้นข้อมูลวิชาการ แต่วันนี้ก็ยังไม่พบข้อมูลที่ระบุวิธีในการบอกอายุของข้าวได้ เพราะข้าวส่วนใหญ่เก็บเอาไว้อายุสั้นๆ ไม่กี่ปี ก็บริโภคหมด ดังนั้นเรายังหาวิธีตรวจไม่ได้ แต่วันหนึ่งเราจะตรวจได้ ซึ่งตนได้มอบให้นักวิทยาศาสตร์ของกรมวิทย์ไปหาวิธีมาเพื่อโอกาสในอนาคต
เมื่อถามว่า กลิ่นของข้าวที่ได้รับตัวอย่างจากกระทรวงพาณิชย์มีกลิ่นอย่างไร นพ.ยงยศ กล่าวว่า จริงๆ ต้องไปตามนักวิทยาศาสตร์ในแล็บ แต่ที่ได้รับรายงานมาพบว่ามีกลิ่นอับ แต่ในกลิ่นข้าว 2 ตัวอย่างที่ซื้อมาเป็นกลิ่นข้าวปกติ ส่วนกลิ่นของข้าวเก่าก็อาจเกิดจากซากแมลงที่ปนอยู่ก็ทำให้มีกลิ่นได้
เมื่อถามต่อว่า ประชาชนกังวลว่าการกินข้าวที่เก็บมานานอาจก่อเชื้อมะเร็งได้ นพ.ยงยศ กล่าวว่า คงไม่เกี่ยวกับข้าว เพราะคนเป็นมะเร็งมีหลายสาเหตุ แต่คงไม่เกี่ยวกับข้าว
เมื่อถามย้ำว่าข้าวที่เก็บมานานนั้น ผลการตรวจออกมาว่าไม่มีสารปนเปื้อน ยังสามารถกินได้ใช่หรือไม่ นพ.ยงยศกล่าวว่า นำไปทำความสะอาด เอามอด เอาแมลง เอาฝุ่นออกให้หมด ก็กินได้ ส่วนสารตกค้างที่พบในข้าวนั้น เป็นการพบปริมาณน้อย อยู่ในระดับที่สามารถนำไปล้างก็จะลดปริมาณสารลงได้ เช่น สารหนู ผักที่เรากินทุกวันมีมากกว่าข้าวที่เราตรวจเยอะ และข้าวที่ได้รับตัวอย่างมาพบปริมาณสารต่ำกว่าค่ามาตรฐาน 200 เท่า
ข่าวจาก : ข่าวสด
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ