ตาวัย 64 ปี เป็นหนี้กว่า 20 ล้านต้องคดีล้มละลายไม่รู้ตัว แถมโดนธนาคารอายัดเบี้ยผู้สูงอายุ





(6 มิถุนายน 2567) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ อำเภอท่าตะเกียบ พบนายพงษ์ชัย อายุ 46 ปี สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าตะเกียบ หลังรับเรื่องร้องทุกข์มีชาวบ้านต้องคดีล้มละลายตกเป็นหนี้กว่า 20 ล้านบาท ธนาคารอายัดเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจนไม่มีข้าวจะกิน

เมื่อไปถึงที่บ้านของนายบุญยืน อายุ 63 ปี ในหมู่ที่ 11 บ้านน้อยนาดี ต.ท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมภรรยาในวัยเดียวกันที่กำลังจะก่อเตาฟืนเพื่อจะต้มน้ำหุงข้าวต้ม ทันที่ผู้นำท้องถิ่น และผู้นำชุมชน พาผู้สื่อข่าวไปพบ คุณน้าบุญยืน ก็หลั่งน้ำตาโอดยิ้มด้วยความดีใจที่กำลังจะมีคนมาช่วย

คุณน้าบุญยืน วัย 63 ปี เล่าในอาการที่เครียดมากว่า ตนได้เกิดความสงสัยว่า เงินจากรัฐบาลจัดสรรตามสิทธิในฐานะประชาชนคนไทย เบี้ยผู้สูงอายุครบ 60 ปี เดือนละ 600 บาท จากองค์การบริหารส่วนตำบลท่าตะเกียบ โอนเข้าบัญชี ธกส. ของตน ทุกเดือน ตลอด 3 ปี เป็นเงินจำนวนรวมกว่า 2 หมื่นบาทไม่เคยเบิกเป็นเงินสดมาใช้ได้สักครั้ง

และสุดช้ำใจ เมื่อจู่ ๆ มีหนังสือหมายเรียกฯคดีล้มละลายกลางมาเมื่อช่วงสิ้นเดือนพฤษภาคม 2567 คดีล้มละลายระหว่าง กรมสรรพากร กับ นายบุญยืน (ลูกหนี้) มีใจความว่า ด้วยคดีนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ประกาศนัดประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกในวันที่ 17 กรกฎาคม 2567 เวลา 10.00 น. รายละเอียดปรากฏตามประกาศพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แนบท้าย คือแจ้งให้ตนไปพบที่ กองบังคับคดีล้มละลาย3 กรมบังคับคดี กรุงเทพ ถ้าไม่ปฏิบัติตามหมายนี้อาจมีโทษทางอาญา

ตนเองตกใจและเครียดมากไหนจะป่วยหลังยอก ขาบวมเดินแทบไม่ไหว ตนจึงได้ไปปรึกผู้นำท้องถิ่นคือษานายพงษ์ชัย นามไพ (ส.อบต.) ในทุกข์นี้ บอกทั้งน้ำตาว่าตนกับภรรยาจะอดตายแล้ว ข้าวสารไม่มีจกหม้อ หวังเพียงได้เงินตามสิทธิประชาชนคนไทยที่รัฐบาลให้ผ่าน อบต.ท่าตะเกียบ มาได้เบิกใช้ซื้อข้าว

ผู้สื่อข่าวถามไปว่า ก่อนหน้าเกิดอะไรขึ้น น้าบุญยืนเล่าว่า เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วไปรับจ้างทำงานก่อสร้างที่ จ.จันทบุรี และมีนักธุรกิจที่เป็นนายจ้างมาขอให้ตนส่งชื่อไปเป็นผู้ประมูลงานรับเหมา ตนก็ไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งกลับมาอยู่บ้านได้ 10 ปีแล้ว จนมาทราบเรื่องราวดังกล่าวว่าตนตกเป็นหนี้กรมสรรพากรกว่า 20 ล้านบาท ตกใจกลัวมาก เครียดจนป่วย ที่สำคัญเงินผู้สูงอายุมาถูกอายัด ไม่มีข้าวจะกิน

ด้านนายพงษ์ชัย นามไพ (ส.อบต.) เล่าว่า หลังรับทราบเรื่องครั้งแรกว่าน้าบุญยืน เบิกเงินไม่ได้ จึงพาไปปรับสมุดที่ ธกส. พบว่ามียอดเงินกว่าสองหมื่นบาท แต่ทำไมเบิกไม่ได้ จึงสอบถามเจ้าหน้าที่ ธกส.ท่าตะเกียบ ทราบว่า มีหนังสือจากกองบังคับคดีฯ ให้อายัดเงิน เพราะต้องคดีล้มละลาย ตนก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะนี่เป็นเงินตามสิทธิคนไทย จึงพาไปที่กองบังคับคดีที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อสอบถามหาทางช่วย แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่บอกว่าให้ไปหาหลักฐานมาว่าเงินมาจากสิทธิผู้สูงอายุ ตนก็พากันกลับมาขอเอกสารต้นเรื่องที่ อบต.ท่าตะเกียบ ย้อนยอดไปตั้งแต่มีสิทธิรับเงินผู้สูงวัย 600 บาท ต่อเดือน รวม 3 ปี กว่า 2 หมื่นบาท นำไปให้เจ้าหน้าที่กองบังคับคดีที่ฉะเชิงเทราแต่ก็เงียบ

ขณะที่น้าบุญยืน ในวัย 63 ปี ก็ยิ้มทั้งน้ำตายืนยันว่าวอนคุณสรยุทธ คุณหนุ่มกรรชัย ใครก็ได้ช่วยทีขอเพียงได้เบิกเงินตามสิทธิประชาชนคนไทยเบี้ยยังชีพผู้สูงวัย เพื่อจะได้ไม่อดมื้อกินมื้อ อยากมีข้าวสารมากรอกหม้อหุงกิน ร่างกายก็เจ็บออด ๆ แอด ๆ ออกไปหารับจ้างไม่ค่อยไหวแล้ว พร้อมบอกผู้สื่อข่าวว่าหากจะต้องคดีติดคุกก็สุดแล้วแต่เวรแต่กรรม แต่ตอนนี้ขอเพียงมีข้าว อาหารกินก็พอ

ด้านผู้นำก็ฝากผ่านสื่อถึงหน่วยงานต่างๆ หรือใครพอจะช่วยเหลือชาวบ้านที่จนยากไร้ ที่นอนเก่าๆ หุงข้าวเตาฟืน จนขนาดนี้ ต้องมาถูกความไม่ยุติธรรมวิงวอนมาช่วยด้วยเถิด

ล่าสุดขณะที่ผู้สื่อข่าวบันทึกภาพข่าวสัมภาษณ์อยู่นั้นก็เห็นน้ำตาลูกผู้ชายอย่างน้าบุญยืน ที่ไหล พร้อมบอกมาว่าหากต้องติดคุกไม่เป็นไรปล่อยไปตามสุดแต่เวรแต่กรรม แต่ตอนนี้ขอวิงวอนใครก็ได้มาช่วยให้ตนมีสิทธิเบิกเงินเบี้ยผู้สูงวัยที สงสารตนและภรรยาที่อดมื้อกินมื้อ

ผู้สื่อข่าวจึงโทรศัพท์สายตรงไปหาผู้ใหญ่ใจดีคือท่าน สจ.อุดร เทพวาที ประธานสภา อบจ.ฉะเชิงเทรา เพื่อขอข้าวสารอาหารแห้ง ช่วยชาวบ้านยากไร้ ท่าน สจ.อุดร ตอบให้รับให้การช่วยเหลือทันที ทั้งข้าวสาร อาหารแห้ง และเงินสดจำนวนหนึ่งพอบรรเทาไปได้ระยะหนึ่ง

 

ข่าวจาก : ch3plus

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: