29 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารกสิกรไทย ได้บันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่าง ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กับ สหภาพแรงงานธนาคารกสิกรไทย และสหภาพแรงงานผู้บังคับบัญชาธนาคารกสิกรไทย เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2567 เกี่ยวกับสวัสดิการและสภาพการจ้างงานพนักงาน รายละเอียดดังนี้
จากข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างฉบับนี้ทำขึ้นระหว่าง ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กับสหภาพแรงงานธนาคารกสิกรไทย และสหภาพแรงงานผู้บังคับบัญชาธนาคารกสิกรไทย ตามหนังสือแจ้งข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงานฯ ที่ สร.004/2567 ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งทั้งสองฝ่ายไห้ดำเนินการเจรจากันบนพื้นฐานของความเข้าใจ และเป็นไปตามหลักของแรงงานสัมพันธ์ที่ดี ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 และสามารถตกลงกันได้ ดังนี้
ข้อ 1.ธนาคารจะจ่ายเงินช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพนักงานในภาวะที่สินค้าอุปโภคบริโภค ตลอดจนน้ำมันเชื้อเพลิงมีราคาสูงขึ้นมาก โดยมีลักษณะเป็นการจ่าย “เฉพาะคราว (One Time)” จำนวนเงินคนละ 10,000 บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) ให้แก่พนักงานที่มีตำแหน่งองค์กรไม่สูงกว่า “รองผู้อำนวยการฝ่าย” ที่มีสถานภาพเป็นพนักงานของธนาคารอยู่ในวันจ่ายเงินดังกล่าว
ยกเว้น พนักงานที่กระทำความผิดร้ายแรง หรืออยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัยร้ายแรง โดยกำหนดวันจ่ายเงินในเดือนกรกฎาคม 2567 ซึ่งจะได้มีประกาศแจ้งให้ทราบต่อไป
ช้อ 2. ธนาคารตกลงแก้ไขเปลี่ยนแปลงวงเงินและดอกเบี้ยเงินกู้สวัสดิการเพื่อที่อยู่อาศัย โดยขยายวงเงินกู้ในแต่ละช่วงให้กว้างขึ้น พร้อมทั้งลดดอกเบี้ยลง ดังนี้
-วงเงินกู้ 1-1,500,000 บาท ดอกเบี้ย MLR-5.50%
-วงเงินกู้ 1,500,001-3,000,000 บาท ดอกเบี้ย MLR-3.75% และกรณีติดตั้ง Solar Cell Roottop(3K ขึ้นไป) ลดดอกเบี้ยเพิ่ม 1%
-วงเงินกู้ 3,000,001-5,000,000 บาท ดอกเบี้ย MLR-2.00% และกรณีติดตั้ง Solar Cell Roottop
(3K ขึ้นไป) ลดดอกเบี้ยเพิ่ม 1%
อนึ่ง เนื่องจากมีพนักงานที่ใช้สวัสดิการนี้และอยู่ระหว่างการผ่อนชำระเป็นจำนวนมาก ทำให้จำเป็นต้องใช้เวลาในการปรับแก้ไขวงเงินกู้และดอกเบี้ยให้เป็นไปตามข้างต้น จึงให้ข้อตกลงฯ ข้อนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2567 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ระเบียบ หลักเกณฑ์ และวิธีปฏิบัติอื่นๆ ให้เป็นไปตามที่ถือปฏิบัติอยู่เดิม
ข้อ 3.ธนาคารยืนยันการปฏิบัติตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ฉบับลงวันที่ 30 กันยายน 2558
เรื่องสิทธิการเบิกคำรักษาพยาบาล โดยยังคงปฏิบัติตามระเบียบและอัตราการเบิกในแต่ละประเภทตามที่ธนาคารกำหนด แต่ไม่เกินปีละ 250,000 บาท (สองแสนห้าหมื่นบาทถ้วน) และสามารถนำวงเงินส่วนที่เหลือยกสะสมไปใช้ในปีถัดไปได้อีกไม่เกิน 1 ปี เหมือนเช่นเดิม
ข้อ 4. ธนาคารจะพิจารณาปรับตำแหน่งให้กับพนักงานบริการ ที่มีผลการปฏิบัติงาน PM Grade B ขึ้นไป มีวุฒิการศึกษาปริญญาตรี หรือผู้บริหารสายงานรับรองว่ามีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานในตำแหน่งที่สูงกว่าเดิมซึ่งได้ทดลองมอบหมายให้ทำงานใหม่มาก่อนหน้าแล้ว ให้ได้รับการเลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น ภายใต้เงื่อนไขที่ต้องมีตำแหน่งงานรองรับ และพนักงานมีความประสงค์ขอเปลี่ยนไปทำงานดังกล่าว
ข้อ 5.ขยายขอบเขตวัตถุประสงค์เงินกู้เพื่อบรรเทาทุกข์ ให้ครอบคลุมถึงการกู้เงินบรรเทาทุกข์ เพื่อชำระหนี้สินส่วนตัวของพนักงานที่มีต่อบริษัทหรือสถาบันการเงินอื่น โดยมีหลักฐานเอกสารการติดตามหนี้จากสำนักงานทนายความ หรือหมายฟ้องคดีจากศาล หรืออื่นๆ ตามที่ธนาคารเห็นสมควร ในวงเงินกู้ตามภาระหนี้จริงแต่ไม่เกิน 300,000 บาท (สามแสนบาทถ้วน) อัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี ผ่อนชำระไม่เกิน 4 ปี และพนักงานผู้ขอกู้ต้องมีอายุงานตั้งแต่ 2 ปี ขึ้นไป ทั้งนี้ เงื่อนไขอื่นๆ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์เงินกู้สวัสดิการพนักงาน
ข้อ 6.บรรดาประกาศ คำสั่ง ระเบียบ รวมทั้งข้อตกลงอื่นๆ ที่เกี่ยวกับสภาพการจ้างที่ยังใช้อยู่ในปัจจุบันให้คงมีผลบังคับใช้ต่อไป และธนาคารมีสิทธิที่จะปรับปรุงแก้ไขหรือเพิ่มเติมประกาศ คำสั่ง ระเบียบ ที่เกี่ยวกับสภาพการจ้างดังกล่าวได้ แต่ต้องไม่ขัดหรือแย้งกับข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่มีอยู่เดิม
ข่าวจาก : prachachat
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ