อย่าง ‘อินโดนีเซีย’ ที่แม้ในปี 2566 จะเกินดุลการค้าจีนอยู่ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ในครึ่งแรกของปีนี้กลับขาดดุลการค้าจากจีนในกลุ่มสินค้าที่ไม่ใช่น้ำมันและแก๊สไปแล้วกว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ส่วน ‘มาเลเซีย’ ปีที่แล้วขาดดุลการค้าจีน 1.42 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขาดดุลเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปี 2563 ที่ขาดดุลการค้าจีนราว 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ ‘ไทย’ ขาดดุลการค้าจีนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2566 โดยขาดดุลมากถึง 3.66 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือราว 1.3 ล้านล้านบาท) และในครึ่งแรกของปี 2567 นี้ยังนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้น 7.12% ทำให้ 6 เดือนแรกขาดดุลการค้าจีนไปแล้ว 1.99 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขาดดุลเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 15%
จึงไม่แปลกที่ชาติอาเซียนทั้ง 3 ประเทศจะเริ่มวาง ‘มาตรการภาษี’ รับมือสินค้าจีนทะลัก อย่างตอนนี้ ‘มาเลเซีย’ ได้กลับมาเก็บภาษีสินค้านำเข้าที่ซื้อผ่านออนไลน์ที่มีราคาต่ำกว่า 500 ริงกิต ซึ่งเคยยกเว้นมาตลอดแล้ว
เช่นเดียวกับ ‘ไทย’ ที่รัฐบาลกลับมาเก็บภาษี 7% สำหรับสินค้านำเข้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท ด้าน ‘อินโดนีเซีย’ เองก็ประกาศเตรียมตั้งกำแพงภาษีสินค้าจากจีนสูงสุดถึง 200%
BrandInside ชวนสำรวจความแตกต่างระหว่างมูลค่าการนำเข้าจากจีนและมูลค่าการส่งออกไปจีนของชาติอาเซียน 3 ประเทศอย่างอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย
ข้อมูลจาก : brandinside
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ