เปิดดีลยักษ์ 5 กาสิโนโลกบุกไทย “สถานบันเทิงครบวงจร”





ความเคลื่อนไหวล่าสุดในวงการธุรกิจบันเทิงและการท่องเที่ยวของไทย กำลังจับตามองไปที่ความพยายามของรัฐบาลในการผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์” ซึ่งจะเปิดทางให้มีการจัดตั้งกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทยเป็นครั้งแรก

แหล่งข่าวในวงการอุตสาหกรรมระบุว่า มีบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการกาสิโนระดับโลกอย่างน้อย 5 รายที่แสดงความสนใจเข้ามาลงทุนในโครงการสถานบันเทิงครบวงจรของไทย ประกอบด้วย 1. กลุ่ม Las Vegas Sands Corporation 2. กลุ่ม Wynn Resorts 3. กลุ่ม Caesars Entertainment 4. กลุ่ม MGM China Holdings Limited 5. กลุ่ม Hard Rock Cafe

โดย 5 กลุ่มได้มีการสอบถามข้อมูลมายังหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาล รวมทั้งประสานงานกับกลุ่มทุนไทยรายใหญ่หลายกลุ่ม เพื่อหาโอกาสในการร่วมลงทุนในธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรที่รัฐบาลกำลังผลักดัน

เบื้องต้นกลุ่มทุนเหล่านี้ไม่ติดขัดในเงื่อนไขที่รัฐบาลกำหนดทั้งในเรื่องของคุณสมบัติผู้ประกอบการ ที่ต้องเป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่จดทะเบียนในประเทศไทย มีทุนชำระแล้วไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท ระยะเวลาและค่าธรรมเนียมอายุ 30 ปี สามารถต่ออายุได้คราวละไม่เกิน 10 ปี โดยค่าธรรมเนียมการขอรับใบอนุญาตครั้งละ 100,000 บาท ค่าใบอนุญาตครั้งแรก 5,000 ล้านบาท และรายปีปีละ 1,000 ล้านบาท

ขณะที่ข้อกำหนดเรื่องพื้นที่ประกอบกิจการที่กำหนดให้ต้องธุรกิจบันเทิงตามบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร อย่างน้อย 4 ประเภท ร่วมกับธุรกิจกาสิโน ทางเอกชนทั้ง 5 รายไม่ก็ติดขัด โดยมองว่าการประกอบธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์ ใช้พื้นที่สำหรับกาสิโนเพียง 10-20% ของพื้นที่ทั้งหมดเท่านั้น แต่รายได้จากกาสิโนจะอยู่ที่ 80% ของรายได้รวม

แต่ยังไม่เห็นด้วยกับพื้นที่ที่รัฐบาลจะกำหนดให้จัดตั้งเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์ ว่าต้องเป็นพื้นที่ที่ประกาศกำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา ซึ่งเบื้องต้นจากการหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องระบุว่าจะมีการกำหนดไว้ 5 จุด ตามภาคต่างๆ ซึ่งนักลงทุนเห็นว่าควรให้นักลงทุนเป็นผู้จัดหาพื้นที่เอง เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจ

สำหรับโปรไฟล์กลุ่มทุนกาสิโนโลก 5 รายที่ให้ความสนใจลงทุนในโครงการเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์ในประเทศไทย แต่ละบริษัทมีความน่าสนใจ ดังนี้

เปิดบูม“Las Vegas Sands” ยักษ์กาสิโนสหรัฐ

สำหรับ Las Vegas Sands Corporation (แซนด์) เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมรีสอร์ทและกาสิโนระดับโลก ก่อตั้งในปี 1988 โดย Sheldon Adelson โดยเริ่มจากการซื้อ Sands Hotel ในลาสเวกัส ด้วยมูลค่า 128 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้เติบโตเป็นอาณาจักรธุรกิจที่มีมูลค่าตลาดกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 1999 เมื่อบริษัทเปิดตัว The Venetian ในลาสเวกัส ซึ่งกลายเป็นต้นแบบของรีสอร์ทแบบครบวงจร ที่รวมกาสิโน โรงแรม ร้านอาหาร และศูนย์การค้าไว้ในที่เดียว

Las Vegas Sands ขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดมาเก๊าในปี 2004 ด้วยการเปิด Sands Macao และตามมาด้วย The Venetian Macao ในปี 2007 ซึ่งเป็นกาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ บริษัทยังเปิด Marina Bay Sands ในสิงคโปร์ในปี 2010 ซึ่งมีมูลค่าการก่อสร้างสูงที่สุดในโลก

Las Vegas Sands จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ตั้งแต่ปี 2004 ภายใต้สัญลักษณ์ LVS และเป็นส่วนหนึ่งของดัชนี S&P 500 โครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัทยังคงมีครอบครัว Adelson เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ด้วยสัดส่วนประมาณ 57%

รายได้หลักของบริษัทมาจากธุรกิจกาสิโน 60-70% ตามมาด้วยธุรกิจโรงแรมและที่พัก 15-20% ร้านอาหารและร้านค้าปลีก 5-10% และการจัดประชุมและนิทรรศการ 5-10% แม้ว่า Sheldon Adelson จะเสียชีวิตในปี 2021 แต่ครอบครัว Adelson ยังคงมีบทบาทสำคัญในการบริหารบริษัท ทำให้ Las Vegas Sands ยังคงเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้

โมเดลธุรกิจ“Wyn” แน้นรีสอร์ทหรูผสมผสานการพนัน

ด้าน Wynn Resorts เป็นบริษัทพัฒนาและดำเนินการกาสิโนรีสอร์ทหรูหราระดับโลก ก่อตั้งในปี 2002 โดย Steve Wynn ด้วยวิสัยทัศน์ในการสร้างรีสอร์ทหรูที่ผสมผสานการพนัน ความบันเทิง และการพักผ่อนเข้าด้วยกัน

Wynn Resorts มีการลงทุนที่สำคัญในลาสเวกัส ได้แก่ Wynn Las Vegas และ Encore Las Vegas มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ยังมี Encore Boston Harbor ในรัฐแมสซาชูเซตส์ มูลค่า 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในต่างประเทศ Wynn Resorts ประสบความสำเร็จในมาเก๊าด้วยโครงการ Wynn Macau และ Wynn Palace มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ Wynn Resorts จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ด้วยสัญลักษณ์ WYNN

ธุรกิจกาสิโนของ Wynn Resorts แบ่งออกเป็นสามกลุ่มคือ สหรัฐอเมริกา Wynn Las Vegas, Encore Las Vegas, Encore Boston Harbor มาเก๊า Wynn Macau, Wynn Palace และ Wynn Interactive ซึ่งเป็นธุรกิจการพนันออนไลน์และการเดิมพันกีฬา

Wynn Resorts มุ่งเน้นการลงทุนที่มุ่งเน้นตลาดระดับบน ด้วยการออกแบบและตกแต่งอย่างหรูหรา เน้นคุณภาพการบริการระดับสูง และผสมผสานความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการลงทุนในเทคโนโลยีทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน

“Caesars”ยักษ์กาสิโนใหญ่สุดในสหรัฐ

ส่วน Caesars Entertainment เป็นหนึ่งในบริษัทกาสิโนและความบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีประวัติยาวนานกว่า 80 ปี โดยก่อตั้งในปี 1937 ที่เมือง Reno รัฐเนวาดา ปัจจุบันบริษัทมีทรัพย์สินมากกว่า 55 แห่งใน 16 รัฐของสหรัฐอเมริกาและอีก 4 ประเทศทั่วโลก รวมถึงแบรนด์ที่มีชื่อเสียงอย่าง Caesars Palace, Harrah’s และ Horseshoe

หลังจากการควบรวมกิจการกับ Eldorado Resorts มูลค่า 1.73 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 Caesars Entertainment กลายเป็นบริษัทกาสิโนและความบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ด้วยมูลค่าสินทรัพย์รวมประมาณ 3.7-3.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

ธุรกิจกาสิโนของ Caesars Entertainment แบ่งออกเป็นสี่กลุ่มหลักคือ ลาสเวกัส aesars Palace, Flamingo, Paris Las Vegas แอตแลนติกซิตี Caesars Atlantic City, Harrah’s Resort Atlantic City, Tropicana Atlantic City รัฐอื่นๆ ในสหรัฐอเมริกา และต่างประเทศ เช่น สหราชอาณาจักรและแคนาดา Caesars Palace Dubai เป็นโครงการโรงแรมหรูที่ไม่มีกาสิโนในดูไบ

Caesars Entertainment จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ภายใต้สัญลักษณ์ CZR การจดทะเบียนนี้ทำให้บริษัทสามารถระดมทุนจากนักลงทุน เพิ่มสภาพคล่องให้กับหุ้นของบริษัท และสร้างโอกาสในการเติบโตและขยายธุรกิจ รวมถึงใช้หุ้นเป็นเครื่องมือในการควบรวมกิจการหรือเข้าซื้อกิจการอื่นๆ

เปิดโปรไฟล์ “MGM”ของอดิตราชากาสิโนมาเก๊า

ด้าน MGM China Holdings Limited เป็นบริษัทลูกของ MGM Resorts International ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทกาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลก MGM China ก่อตั้งในปี 2004 จากการร่วมทุนระหว่าง MGM Resorts International และ Pansy Ho ลูกสาวของ Stanley Ho ราชากาสิโนมาเก๊า

MGM China มีการดำเนินการหลักในมาเก๊า ประกอบด้วย MGM Macau และ MGM Cotai ซึ่งเป็นรีสอร์ทกาสิโนหรูในเขต Macau Peninsula และ Cotai Strip ตามลำดับ MGM China เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงในปี 2011 ภายใต้รหัสหลักทรัพย์ 2282.HK

MGM China ดำเนินธุรกิจกาสิโนเฉพาะในมาเก๊าเท่านั้น โดย MGM Macau มีพื้นที่กาสิโน 35,000 ตารางเมตร และ MGM Cotai มีพื้นที่กาสิโน 27,000 ตารางเมตร MGM China มุ่งเน้นการพัฒนารีสอร์ทแบบครบวงจร ที่นอกจากกาสิโนแล้วยังมีโรงแรม ร้านอาหาร ศูนย์การค้า และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ นอกจากนี้บริษัทยังให้ความสำคัญกับการดึงดูดลูกค้าระดับพรีเมียมและตลาดทั่วไป

“Hard Rock”เจ้าของร้านอาหาร โรงแรม กาสิโนดัง

Hard Rock International (ฮาร์ดร็อค) เป็นเจ้าของแบรนด์ Hard Rock Cafe และยังดำเนินธุรกิจกาสิโนในหลายประเทศทั่วโลก Hard Rock ก่อตั้งในปี 1971 ที่ลอนดอน โดย Isaac Tigrett และ Peter Morton โดยแนวคิดเริ่มต้นคือการสร้างร้านอาหารที่มีบรรยากาศสบายๆ และเสิร์ฟอาหารอเมริกันแท้ๆ

ปัจจุบัน Hard Rock Cafe ขยายสาขาไปยังเมืองต่างๆ กว่า 180 แห่งใน 74 ประเทศทั่วโลก ในปี 2007 Seminole Tribe of Florida ได้ซื้อกิจการทั้งหมดของ Hard Rock

ธุรกิจของ Hard Rock แบ่งออกเป็นสี่กลุ่มหลักคือ ร้านอาหาร Hard Rock Cafe, โรงแรม Hard Rock Hotels, ร้านค้าจำหน่ายสินค้าที่ระลึก, และการจัดคอนเสิร์ตและอีเวนต์ Hard Rock มีกาสิโนในหลายรัฐของสหรัฐอเมริกา เช่น ฟลอริดา เนวาดา นิวเจอร์ซีย์ อินเดียนา และมิสซิสซิปปี นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในกาสิโนในต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์และฟิลิปปินส์

แม้ว่า Hard Rock Cafe จะไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โดยตรง แต่ก่อนที่จะถูกซื้อโดย Seminole Tribe of Florida ในปี 2007 Hard Rock เคยเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทจดทะเบียนชื่อ Rank Group plc ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน

 

ข่าวจาก : ฐานเศรษฐกิจ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: