7 กันยายน มีรายงานว่า ที่ลานอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว 3 เครือข่ายต้านระบอบทักษิณ ประกอบด้ว ยกลุ่มนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศ หรือ คปท. นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล นายนัสเซอร์ ยีหมะ กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน หรือ ศปปส. นำโดยนายอานนท์ กลิ่นแก้ว และกลุ่มกองทัพธรรม สันติอโศก นำโดย ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ นายใจเพชร กล้าจน นัดหมายชุมนุมเปิดโปงระบอบชินวัตร 1 “หยุดระบอบชินวัตร ครม.ญาติกา”
สำหรับการชุมนุมในครั้งนี้ ถือเป็นการคิกออฟนับหนึ่งก่อนการลงถนน โดยชุมนุมบริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ข้างทำเนียบรัฐบาลตามที่ได้เคยประกาศไว้ ท่ามกลางบรรยากาศอันคึกคักไปด้วยเหล่าแกนนำและมวลชนที่เคยมีประสบการณ์ร่วมชุมนุมไล่ระบอบทักษิณ ตั้งแต่ยุคม็อบพันธมิตรและม็อบ กปปส. ส่วนใหญ่จึงเป็นผู้ชุมนุมสูงวัย บางคนรื้อเสื้อเหลืองที่เคยใส่ในการชุมนุมพันธมิตรมาสวม และมีการนำ “มือตบ” มาใช้ในการชุมนุมด้วย
กิจกรรมเริ่มขึ้นโดย นายประกอบกิจ อินทร์ทอง และนางพรจนา จำเนียร พิธีกรกล่าวเปิดเวที จากนั้นมีเหล่านักปราศรัยต้านระบอบทักษิณ สลับกันขึ้นเวที อาทิ นายสมบูรณ์ ทองบุราณ อดีต สว. นายพานสุวรรณ ณ แก้ว ผู้ประสานภาคีเครือข่ายปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ นายทศพล แก้วทิมา อดีตผู้สมัคร สส. ประชาธิปัตย์ ผศ.ดร.รัตนาภรณ์ ธรรมโกศล อดีตหัวหน้าพรรคสร้างชาติ ฯลฯ เนื้อหาโดยสรุปเป็นการโจมตีตระกูลชินวัตร เรื่องการทุจริต ไล่มาตั้งแต่นายทักษิณ ถึงนายกฯ แพทองธาร สลับการแสดงดนตรีปลุกใจ
โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงประเมินหน้างาน เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ว่า มีผู้เข้าร่วมชุมนุมราว 200 คน และทยอยเข้าร่วมเพิ่มขึ้นในช่วงเย็น ส่วนบริเวณรอบพื้นที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา มีเต็นท์บริการแจกจ่ายอาหารมังสวิรัติของกองทัพธรรม และจำหน่ายสินค้าสัญลักษณ์ของกลุ่ม ศปปส. เช่น ริบบิ้นลายธงชาติ มือตบ และหมวก
ต่อมา เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. อ่านแถลงการณ์ฉบับที่ 1 หยุดระบอบชินวัตร ใจความสรุปว่า การปรากฏตัวขึ้นเวทีแสดงวิสัยทัศน์ประเทศไทยในวันที่ 22 ส.ค. ของนายทักษิณ เสมือนตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี เท่ากับเป็นการสร้างสิ่งที่เรียกว่า ระบอบชินวัตร ขึ้นมาในระบบการเมืองไทย โดยมีนายทักษิณคอยครอบครอง น.ส.แพทองธาร นายกรัฐมนตรีอีกชั้นหนึ่ง ยิ่งการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ก็เป็นบทสะท้อนให้เห็นถึงการคำนึงถึงแต่เครือญาติและคนใกล้ชิดมาเป็นรัฐมนตรี เหมือนการสืบทอดอำนาจแก่พวกพ้องของตน จึงขอแถลงว่า
1. จะติดตามตรวจสอบรัฐบาลต่อเนื่องระบอบชินวัตรอย่างเข้มข้น เนื่องจากเราเห็นว่านี่เป็นการสืบต่ออำนาจจากรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ที่เราได้ติดตามตรวจสอบนโยบายและไม่เห็นด้วยกับหลายนโยบายมาก่อนหน้านี้
2. เรายังติดตามเร่งรัดให้มีการตรวจสอบกรณีที่มีข้าราชการร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในการไม่บังคับโทษให้นายทักษิณเข้าเรือนจำแม้แต่วันเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ น.ส.แพทองธารมาเป็นนายกรัฐมนตรี เราเกรงว่าอำนาจรัฐจะเข้าไปแทรกแซง กดดันข้าราชการให้ได้ช่วยกันทำลายหลักฐาน ทำลายข้อเท็จจริงต่าง ๆ ทางคดี ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการสอบข้อเท็จจริง ป.ป.ช. ซึ่งต้องเรียกข้าราชการและเอกสารทางการแพทย์มาตรวจสอบ
3. เรายังคัดค้านนโยบายที่จะเป็นโยบายต่อเนื่องของรัฐบาล เช่น เราคัดค้านนโยบายบ่อนกาสิโน นิรโทษกรรมแบบสุดซอย ไม่นิรโทษการกระทำผิดตามมาตรา 112 คดีทุจริตคอร์รัปชัน คดีอาญาร้ายแรง คัดค้านนโยบายแจกเงินดิจิทัล
4. เราไม่เห็นด้วยที่การเมืองไทยกำลังกลับไปสู่ระบบญาติกา ถูกผูกขาดโดยคนไม่กี่ตระกูล ที่คอยถูกครอบงำแทรกแซง สั่งการ ซึ่งอาจนำไปสู่การทุจริตในระบอบพวกพ้อง และเป็นการให้คนที่มาบริหารประเทศไม่ตรงกับความสามารถ แต่เป็นการแบ่งโควตากันตามตระกูล ซึ่งไม่นำมาสู่การปฏิรูปการเมืองที่ประชาชนมีส่วนร่วม
5. เรายังเดินหน้าเรียกร้องให้มีการปฏิรูปประเทศไทยอย่างแท้จริง พบกัน ครม. นัดแรก วันอังคารที่ 17 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล
ข่าวจาก : มติชน
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ