นี่คือเรื่องจริงของผู้หญิงวัย 60 ปี ในประเทศสิงคโปร์ ขณะที่เดินอยู่บนถนนจู่ๆ เธอก็ถูกดึงดูดโดยป้ายโฆษณาของร้านน้ำชานมพร้อมคำเชิญชวนน่าดึงดูดใจ “สแกนคิวอาร์โค้ด ร่วมตอบแบบสอบถาม รับชานมฟรี 1 แก้ว” ด้วยเครื่องดื่มที่ยอดนิยมที่จะได้มาดื่มแบบไม่ต้องเสียเงิน ทำให้บางคนไม่เข้าร่วมโปรแกรมส่งเสริมการขายนี้ทันทีอย่างไม่คิดอะไรมาก
เธอสแกนคิวอาร์โค้ดที่แนบมากับสติกเกอร์ของร้าน และดาวน์โหลดแอปของบุคคลที่สามลงในโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ Android จากนั้นจึงเริ่มทำ “แบบสำรวจ” ให้เสร็จสิ้น ทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามปกติ และเธอยังได้รับการแจ้งเตือนว่าอีกไม่นานบัตรกำนัลชานมจะถูกส่งไปยังบัญชีส่วนตัวของเธอ อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วนี่กลายเป็น “ชานมที่แพงที่สุด” สำหรับเธอเธอ เมื่อต้องจ่ายด้วยจำนวนเงินทั้งหมดในบัญชีธนาคาร เงินมูลค่า 20,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (มากกว่า 5 แสนบาท) ถูกดูดหายไปจนเกลี้ยง
หลังจากพบว่าเงินออมในบัญชีธนาคารหายไปทั้งหมด เธอจึงรีบติดต่อกับธนาคารและตำรวจสิงคโปร์ อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงจุดนี้ เธอจึงตระหนักได้ว่าตนเองถูกหลอก และพบว่ามีคดีฉ้อโกงในรูปแบบเดียวกันมากกว่า 100 คดี มูลค่าความเสียหายรวม 445,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (มากกว่า 11 ล้านบาท)
เปิดเผยการหลอกลวงที่ซับซ้อนได้
ประการแรก นักต้มตุ๋นล่อเหยื่อให้ติดตั้งแอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายบนโทรศัพท์ของตน พร้อมคำเชิญให้ทำแบบสำรวจและสแกนคิวอาร์โค้ด โดยใช้รางวัลที่จะได้รับเป็นสิ่งจูงใจ ดังเช่น “ชานมฟรี” ที่เป็นเพียงกลโกงหนึ่งเท่านั้น
หลังจากหลอกเหยื่อให้ติดตั้งแอปพลิเคชันที่มีมัลแวร์บนโทรศัพท์แล้ว พวกเขาจะส่งคำขอเพื่อเปิดใช้งานบริการการเข้าถึงของระบบ Android ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับผู้พิการบนอุปกรณ์ แต่ในขณะคุณสมบัตินี้ยังช่วยให้มิจฉาชีพสามารถดูและควบคุมหน้าจออุปกรณ์ของเหยื่อได้
เมื่อเหยื่อใช้แอปธนาคาร มิจฉาชีพจะสามารถบันทึกข้อมูลการเข้าสู่ระบบและรหัสผ่านได้ นอกจากนั้น พวกเขายังปิดการใช้งานลายนิ้วมือ หรือการเข้าสู่ระบบด้วยใบหน้าได้อีกด้วย เมื่อมาถึงจุดนี้มิจฉาชีพก็สามารถถอนเงินจากบัญชีธนาคารทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
โดยปกติแล้ว เหยื่อจำนวนมากมักจะติดตั้งโค้ดที่เป็นอันตรายบนโทรศัพท์โดยไม่รู้ตัว มิจฉาชีพยังสามารถเข้าถึงกล้องเพื่อติดตามและทราบเวลาที่เหมาะสมที่เจ้าของเครื่องจะไม่ใช่โทรศัพท์ โดยส่วนใหญ่มักจะเลือก “ในเวลากลางคืน” เป็นเวลาที่เข้าควบคุมโทรศัพท์ของเหยื่อ และดูดเงินออกจากบัญชีธนาคาร
ตามที่ Mr.Beaver Chua หัวหน้าแผนกป้องกันการฉ้อโกงทางการเงินของธนาคาร OCBC กล่าว “กลโกงนี้ร้ายกาจอย่างยิ่ง เนื่องจากผู้ฉ้อโกงเข้าควบคุมโทรศัพท์ของเหยื่ออย่างเงียบๆ และเนื่องจากเหยื่อสูญเสียการควบคุมบัญชีธนาคารทางออนไลน์ของตน พวกเขาจึงไม่แม้แต่จะรู้ว่าเมื่อใดที่เงินในบัญชีออมทรัพย์จะหมดลง”
ทั้งนี้ ตามรายงานยังระบุด้วยว่า ปัจจุบันรูปแบบการฉ้อโกงนี้เข้ามักถูกใช้กับระบบปฏิบัติการ Android เป็นหลัก เนื่องจากการหลอกให้ติดตั้งบนอุปกรณ์เพื่อติดตามกิจกรรม หรือการค้นหาและใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ด้านความปลอดภัยในอุปกรณ์บน iOS นั้นทำได้ยากกว่า เนื่องจาก Apple อนุญาตให้ติดตั้งแอปพลิเคชันจาก Apple App Store เท่านั้น อย่างไรก็ตาม นักหลอกลวงสามารถสร้างรูปแบบการฉ้อโกงรูปแบบใหม่ได้ต่อไป และผู้ใช้ iPhone ก็ต้องระมัดระวังเช่นกัน
ข่าวจาก : sanook
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ