25 ต.ค.67 ฐานเศรษฐกิจ รายงานว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงแนวทางการบริการจัดการกองทุนประกันสังคมในการเสวนาหัวข้อ “เพราะกองทุนเป็นของพวกเราทุกคน(SSO Sustainable for All) ว่า ปี 2567 มีจำนวนผู้ประกันตน มาตรา 33,39 และ 40 ที่ส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม มีอยู่ราว 24.82 ล้านคน เป็นผู้ประกันตนคนไทย 23.32 ล้านคน ผู้ประกันตนต่างชาติ 1.5 ล้านคน เงินกองทุนประมาณ 2.6 ล้านล้านบาท
สำหรับปัญหาปัจจุบันที่กำลังถูกพูดถึงกันมาก คือ ม.40 ที่ประสบปัญหาเรื่องการรักษาพยาบาลค่อนข้างมากโดยต้องให้ไปใช้สิทธิจาก สปสช.ก่อน (บัตรทอง) หลังจากนั้นจึงจะเข้าไปดูแลหลังจากที่ออกจาก รพ.แล้ว จ่ายชดเชยให้ช่วงที่ว่างงาน หรือกรณีทุพพลภาพที่จะเข้าไปดูแลตลอดชีวิตรวมถึงเมื่อได้เสียชีวิตแล้ว
วันนี้มีการตั้งคำถามกันว่า แล้วผู้ประกันตนที่จ่ายเงินตาม ม.33 และ ม.39 การบริการไม่ดีเท่าบัตรทอง ซึ่งไม่เป็นความจริง โดยให้สิทธิความคุ้มครองอย่างเต็มที่โดยเฉพาะกรณีการรักษามะเร็งนั้นให้เป็นกรณีพิเศษเมื่อตรวจพบภายใน 15 วัน สามารถเข้ารับการรักษาหรือเข้าผ่าตัดได้เลยโดยโรคมะเร็งเป็น 1 ใน 5 โรคที่หากตรวจพบเจอ ทางประกันสังคมจะเข้าไปดูแลทันที
ส่วนกระแสข่าวว่า มีโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งเตรียมออกจากการเป็นคู่สัญญากับประกันสังคมเนื่องจากขาดทุนนั้น นายพิพัฒน์ กล่าวว่า มีการร้องเรียนเข้ามาซึ่งตนเองนั้น ได้มีการหารือกับปลัดกระทรวง และเลขาฯ ประกันสังคม โดยได้มีการประชุมเรื่องนี้ไปแล้วหลายครั้งและอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับงบประมาณส่วนนี้ซึ่งเป็นของประกันสังคมเองเพื่อบริการจัดการให้ได้ดีที่สุด
เมื่อพูดถึงการลงทุนนั้น ตามพ.ร.บ.ประกันสังคม เราสามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่ถูกกำหนดว่า ไม่เสี่ยง เช่น ซื้อพันธบัตร ฝากธนาคารของรัฐ 60% หรือ ลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงน้อย หรือ โอกาสเสี่ยง สัดส่วน คือ 40% แต่วันนี้เราใช้ไม่ถึงอยู่ที่ประมาณ 70 ต่อ 30 ซึ่งกฎหมายกำหนดว่า หากจะลงทุนในสินทรัพย์ที่มีโอกาสเสี่ยงต้องเรตติ้ง ทริปเปิล A เท่านั้น
บอร์ดประกันสังคมชุดใหม่มองว่า ควรจะไปลงทุนในต่างประเทศซึ่งได้เริ่มไปลงทุนในภาคพื้นยุโรป และอเมริกา วันนี้ได้ดอกผลอยู่ที่ประมาณ 6-7% เมื่อเฉลี่ยกับที่อยู่ประเทศไทยปี 2566 จะได้ดอกผลอยู่ที่ประมาณ 2.7-2.8 % ทั้งนี้ สำหรับการลงทุนในต่างประเทศช่วงที่ผ่านมานั้น โดยเฉพาะในอเมริกาจะมีผลตอบแทนเกือบ 20%
ในช่วงสิบปีนี้เรามีเวลาในการแก้ปัญหาซึ่งหากเราเริ่มต้นแก้ปัญหาตั้งแต่วันนี้หากทำได้ตามเป้าหมายผมเชื่อว่า เมื่อถึงปี 2585 เราจะไมได้บริการกองทุนฯเพียง 6 ล้านล้านบาทแต่เราอาจจะบริการกองทุน 7-8 ล้านล้าน รวมถึงการเดินหน้ามาตรการต่าง ๆ เช่น การขยายการเกษียณอายุจาก 55-60 ปี หรือ ขยับขึ้นไปอีกเป็น 61 ปีในปีถัดไปได้หรือไม่ เป็นต้น บุคคลกลุ่มนี้ยังมีความสามารถและมีสุขภาพที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ได้มีการหารือกันว่า จะนำแรงงานต่างด้าวเข้าระบบประกันสังคมให้อยู่ใน มาตรา 33 ซึ่งปัจจุบันมีการลงทะเบียนกับกรมการจัดหางานประมาณ 3 ล้านคนแต่อยู่ในระบบมาตรา 33 เพียง 1.5 ล้านคน โดยกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ต้องสูญเสียรายได้ในการรักษาแรงงานต่างด้าวที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคมสูงถึง 2,000-3,000 ล้านบาทต่อปี ดังนั้น หากนำคนกลุ่มนี้เข้าสู่ระบบประกันสังคมมาตรา 33 เพื่อให้กองทุนประกันสังคมดูแลและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไป
อย่างไรก็ดี ในส่วนนี้ต้องมีการแก้กฎกระทรวงกรณีอาชีพที่ได้รับการยกเว้นที่ไปส่งผลกระทบกับการรักษาพยาบาลในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงการประสานการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น กระทรวงมหาดไทย ถ้าจะมีการประกาศให้มาขึ้นทะเบียนใหม่หลังจากนั้นเมื่อปิดการขึ้นทะเบียนแล้วจะต้องการป้องปราบและปราบปรามขั้นเด็ดขาด ดังนั้น จึงต้องช่วยกันแก้ทั้งระบบ เชื่อว่า ภายในปี 2567 -2568 จะแก้ปัญหาเรื่องนี้จบ
อ่านต่อ : https://www.thansettakij.com/business/economy/610175
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ