จากกรณี รถเก๋งขับไม่ยอมหลบรถกู้ชีพเทศบาลนครสมุทรปราการ แถมเบรกใส่ ในขณะที่รถกู้ชีพต้องรีบไปรับผู้ป่วยหมดสติ เจ้าหน้าที่ใช้ทั้งเสียง ทั้งไฟ แถมประกาศออกไมค์ และยังบีบแตร์ ก็ยังไม่หลบขับแบบสบายใจ จนรถกู้ชีพต้องเบี่ยงซ้ายหลบไปเอง บริเวณปากซอยพุฒสี (ปากซอย 7 แพรกษา) จนนำมาซึ่งความสูญเสีย เมื่อช่วงหัวค่ำ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2567
4 พ.ย.67 เมื่อช่วงบ่าย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้ทราบตัวผู้ครอบครองรถคันดังกล่าวแล้ว โดยเจ้าของได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาแล้วเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่าน หลังจากสอบปากคำเสร็จเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ได้นำตัวหญิงคนดังกล่าวไปเอารถที่ขับขี่เมื่อคืนที่บ้านพักในย่านคลองขุด พร้อมกล่าวขอโทษกับทางเจ้าหน้าที่กู้ชีพเทศบาลนครสมุทรปราการ
โดยนางเอ(นามสมมุติ) อายุ 50 ปี ผู้ขับขี่เก๋งคันดังกล่าวได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนขับรถกลับจากงานศพและกำลังจะขับกลับบ้าน พอถึงบริเวณดังกล่าวตนได้ยินเสียงสัญญาณของรถพยาบาลแต่คิดว่าเป็นเสียงที่อยู่อีกฝั่ง และพอทราบว่ารถฉุกเฉินอยู่ด้านหลัง ก็คิดว่าทำไมถึงไม่เบี่ยงซ้ายไป ตนจึงไม่ได้หลบ ตนอาจจะคิดน้อยไปหน่อย ตนไม่ได้มีเจตนาที่จะขับขวางเลย ตนก็อยากขอโทษกับสังคม ที่เราอาจจะทำให้ไปขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ ทำให้การล่าช้า อยากให้ทุกคนเคร่งครัด อย่าคิดน้อยเหมือนตน
นายครินทร์ รัตนประภาสชลา เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพของเทศบาลนครสมุทรปราการได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่าได้รับแจ้งจากศูนย์สั่งการ ว่ามีผู้ป่วยท้องเสีย ตนได้โทรหาคนไข้ญาติคนไข้ แจ้งว่าคนไข้หมดสติตนจึงรีบเดินทางไป พอถึงช่วงโค้งลงแก้วปราการ ได้มีรถเก๋งขวางอยู่ทางด้านขวา ทางด้านซ้ายตนไม่สามารถไปได้เพราะติดมอเตอร์ไซค์ ตนได้ทำการบีบแตรไล่ ตั้งแต่โค้งลงแก้วจนถึงปากซอยพุดสี แต่รถคันดังกล่าวไม่มีทีท่าว่าจะหลบ และมีการเหยียบเบรค รถ เก๋งขับแช่อยู่ประมาณ 1 นาที พอถึงปากซอย 7 ตนเห็นว่ามีทางที่จะหลบออกไปได้ จึงได้ขับออกไป ทางด้านซ้ายมันว่างแค่ช่วงระยะหนึ่ง
ถ้าอย่างน้อยเขาเบี่ยงออกซ้ายไปเขายังชะลอตัวได้ ถ้าตนเบี่ยงซ้ายออกไปแล้วชะลอตัวรถหลังก็จะชน จากที่ตนมองเมื่อวานมันมืด ตนอาจจะมองไม่ชัดเจน ทางฝ่ายรถเก๋งไม่มีการลดกระจกลงมามีแต่ตนที่รถกระจก ทั้งสองข้างเพื่อจะโบกขอทางตลอด ตนยังไม่แน่ใจว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเป็นคนขับกันแน่ วันนี้ที่เจอกันเขายังไม่ได้พูดคุยอะไรกับตน มีแต่ญาติมาบอกว่าเขายังขับรถไม่ค่อยแข็ง พอไปถึงบ้านคนไข้ก็ไม่หายใจแล้ว โดยปกติแล้วคนไข้ที่หมดสติหยุดหายใจต้องไม่เกิน 5 นาที แต่ครั้งนี้ไปถึงล่าช้า
ส่วนด้านข้อกฎหมายของกรณีการขับรถกีดขวางเส้นทางรถพยาบาลนั้นเข้าข่ายผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกมาตรา 76 ที่ระบุไว้ว่า “เมื่อเห็นรถฉุกเฉินในขณะปฏิบัติหน้าที่ ใช้ไฟสัญญาณแสงวับวาบหรือได้ยินเสียงสัญญาณไซเรน จะต้องให้รถฉุกเฉินผ่านไปก่อน หากฝ่าฝืนมีโทษเปรียบเทียบปรับไม่เกิน 500 บาท”
ข่าวจาก เรื่องเล่าเช้านี้, ch3plus
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ