วันที่ 6 ธ.ค. 2567 นายสมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา เปิดเผยว่า ขณะนี้ อินโดนีเซีย กำลังลงทุนครั้งใหญ่เพื่อเด็กและเยาวชนที่เป็นอนาคตของประเทศ คือ การลงทุน ให้เด็กได้ทานอาหารเช้า และกลางวัน ซึ่งอินโดนีเซียอาจจะเป็นประเทศแรกในอาเซียน มองว่าแนวคิดนี้หากทำแล้วประสบความสำเร็จ จะแก้ปัญหาหลายเรื่อง เช่น ความหิวโหย ความสมบูรณ์ของร่างกาย และจิตใจ เป็นต้น ซึ่งหลายประเทศเริ่มทำแล้ว เช่น สวีเดน เนปาล เป็นต้น
นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับประเทศไทย มีหน่วยงานที่เริ่มต้นทำแล้ว คือ กรุงเทพมหานคร ที่ให้อาหารเช้า และอาหารกลางวัน ช่วยทำให้เด็กยากจนมาโรงเรียนสม่ำเสมอขึ้น น้ำหนักดีขึ้น ผลการเรียนก็ดีขึ้น
นอกจากนี้ จ.สกลนคร จ.เพชรบูรณ์ จ.แม่ฮ่องสอน และ จ.ยะลา เริ่มนำร่องทดลองทำแล้ว ผลปรากฏว่า เด็กมีน้ำหนักและส่วนสูงเพิ่มมากขึ้น มีระดับ IQ และ EQ ดีขึ้น แสดงให้เห็นว่าผลการทดลองดังกล่าวส่งผลในแง่สติปัญญาของดีดีขึ้นตามลำดับ มีความสุข มีพัฒนาการทางอารมณ์ จิตใจดีขึ้น
นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า การให้เด็กทานอาหารเช้าและกลางวันในประเทศไทย เกิดขึ้นเพียงบางจุดเท่านั้น มองว่า ถ้ากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ต้องการให้เด็กผู้ชายสูง 180 ซม. และเด็กผู้หญิง สูง 170 ซม. ถือว่าเป็นเป้าหมายที่ดี แต่ตนมองว่าหากจะทุ่มไปที่อาหารกลางวันให้ครบ 5 หมู่ ไม่เพียงพอ เพราะคุณภาพอาหารกลางวันในปัจจุบันนั้น กินแค่ไม่ให้หิวเท่านั้น
นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า คุณภาพ เนื้อสัตว์ การได้สารอาหารครบ 5 หมู่นนั้นยังห่างไกล ตนคิดว่ารัฐบาลโดยเฉพาะ ศธ. หาดตั้งเป้าหมายให้เด็กไทยสูงขึ้น ต้องมาทำ “อาหารเช้า” “อาหารกลางวัน” และ “เสริมด้วยนม” เด็กในสังคมไทย เป็นเด็กเปราะบาง ยากจน ประมาณ 1.2 ล้านคน 30-40% ไม่ได้กินอาหารเช้า ซึ่งเราจะเห็นเด็กไทยจำนวนไม่น้อย ผอม น้ำหนักส่วนสูงไม่ดี เตี้ย แคระแกรน ผิวเหลือง หน้าตา จิตใจไม่แจ่มใส สาเหตุมาจากพ่อแม่เด็กเหล่านี้ยากจน ต้องรีบไปทำงานตั้งแต่เช้า ทำให้เด็กไม่ได้กินอาหารเช้า หรืออาจจะได้ทานอาหารเช้า แค่ข้าวเหนียวกับปลาตัวนึง
ส่วนเด็กในเมืองก็กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นี่คือภาพส่วนใหญ่ของสังคมไทย ซึ่งอาหารเหล่านี้ไม่ได้ช่วยประทังท้องให้เด็ก เมื่อใกล้ 10 โมงครึ่ง เด็กจะหลับฟุบกับโต๊ะ สมาธิไม่ดี กระวนกระวายรอให้ถึงอาหารกลางวัน
“ถ้าจะแก้ปัญหาให้ตรงจุด คิดว่าที่เราลงทุนกับเรื่องอื่นมากมายมหาศาล หากเราลงทุนกับเด็ก 30% ที่ไม่ได้กินอาหารเช้าได้หรือไม่ ซึ่งผมเชื่อว่า ถ้าผลักดันอาหารเช้า อาหารกลางวัน และเสริมด้วยนมให้ดี ความสูงเด็กไทยถึง 170-180 ซม. ไม่ไกลเกินฝัน หาก ศธ.บอกว่าไม่มีงบ มองว่า ศธ.กำลังจะทำ พ.ร.บ.การศึกษาเท่าเทียม ก็ขอให้พิจารณาเรื่องดังกล่าวด้วย เพราะอาหารเป็นเรื่องที่คนไม่พูดถึงเลย”
นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า มองว่าควรให้ท้องถิ่น เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เข้ามาร่วมทำด้วย เพราะปัจจุบัน อปท.เป็นหน่วยงานที่อนุมัติอาหารกลางวันอยู่ ทั้งนี้มองว่า อปท.เข้ามาดูแลลูกหลานของตนด้วย ปัจจุบันการคัดกรองเด็กแม่นยำขึ้นมาก ดังนั้นการจะหาเด็กเปราะบางประมาณ 30% ที่ไม่ได้กินข้าวเช้าอาจจะหาเจอ
หากผลักดันให้เด็กได้กินอาหารเช้าทั้งประเทศก็จะดีมาก เพราะเป็นการลงทุนที่เห็นอนาคตของประเทศ ที่เราจะมีเด็กที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ เพราะถ้าเด็กได้เรียนรู้อย่างมีสมาธิ ระดับสติปัญญาจะเพิ่มขึ้น ปัญหาสังคมจะลดลง
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ