“สนธิญา” ยื่นศาล รธน.เพิ่ม ขอให้วินิจฉัย “ดิจิทัลวอลเล็ต”





9 ธ.ค.67 ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสนธิญา สวัสดี นำเอกสารเพิ่มเติมเข้ายื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญจากครั้งที่เคยยื่นไว้เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. กรณีขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ที่รัฐบาลดำเนินโครงการแจกเงิน 10,000 บาท แตกต่างจากนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่พรรคเพื่อไทยได้หาเสียงในการเลือกตั้งเมื่อปี 2566

โดยมีการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์การแจกและกลุ่มบุคคล ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการการเลือกตั้ง ส.ส.2561 และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีหรือไม่ และหากศาลรับเรื่องไว้พิจารณาวินิจฉัย ขอให้สั่งให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยุติการปฏิบัติหน้าที่ไปจนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย

นายสนธิญากล่าวว่า เอกสารเพิ่มเติมที่นำมายื่นต่อศาลในวันนี้เป็นหลักฐานที่ทำให้ศาลเห็นว่านโยบายดิจิทัล 10,000 บาท รัฐบาลไม่ได้ทำแม้แต่ประการเดียว ที่ผ่านมาทำในรูปแบบการแจกเงินโดยใช้รูปแบบเดียวกับรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ซึ่งขณะนั้นการแจกเงินทำเพราะเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ขณะนี้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นกลับคืนขึ้นมาแล้ว นักท่องเที่ยว 31 ล้านคน

ตนจึงไม่เห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินในโครงการดังกล่าว ที่สำคัญกลุ่มคนตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไปที่พรรคเพื่อไทยเคยประกาศว่าจะได้รับเงินตามนโยบายดิจิทัล 10,000 บาทนั้น วันนี้คนกลุ่มนี้ผิดหวังไปแล้ว 40 ล้านคน จากจำนวนคนที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย 56 ล้านคน และการแจกของรัฐบาลไม่ตรงปก จึงขัดต่อยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และรัฐธรรมนูญมาตรา 258 พ.ร.ป.ว่าด้วยการการเลือกตั้ง ส.ส. 2561

“ผู้ตรวจการแผ่นดินยังไม่ชัดเจนว่าประเด็นนี้ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะรัฐบาลแจกเงินหมื่นและแจกให้เฉพาะผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่นโยบายที่หาเสียงไว้คือจะแจกเป็นเงินดิจิทัลผ่านระบบสื่อสารออนไลน์และให้ประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไป ใช้จ่ายในรัศมี 4 กิโลเมตร เขาก็กำลังพยายามสืบเสาะหาเอกสาร แต่เนื่องจากมันจะเกินระยะเวลา 60 วันที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจะทำให้ผู้ร้องเสียโอกาสในการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ทางผู้ตรวจการแผ่นดินจึงมีหนังสือแจ้งกลับมาให้ผมยื่นคำร้องตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญเลย” นายสนธิญาระบุ

นายสนธิญากล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้ กกต.ระบุว่าได้มีการสอบถามพรรคเพื่อไทยไปแล้ว และเห็นว่าพรรคเพื่อไทยทำถูกต้อง แต่ตนอยากถามกลับไปว่ากรณีที่ น.ส.แพทองธารออกมายืนยันว่าจะทำดิจิทัลวอลเล็ตต่อไปแล้วทำไม่ได้ กกต.จะรับผิดชอบอย่างไร หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าพรรคเพื่อไทยกระทำการที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ กกต.ก็ต้องรับผิดชอบด้วย เพราะไม่เช่นนั้นในการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่ละพรรคก็จะแข่งกันประกาศนโยบายที่พอถึงเวลาแล้วก็ทำให้เป็นจริงไม่ได้ สุดท้ายประชาชนก็เบื่อหน่ายการเมือง เพราะนักการเมืองโกหก

“ผมไปดูข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่าช่วงอายุของคนที่มากที่สุดในขณะนี้คือ 20-45 ปี มีจำนวนเกือบ 35 ล้านคน ซึ่งคนกลุ่มนี้นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตไม่ได้ให้เขาเลย ไม่รวมคนอายุ 16-24 ปีซึ่งมี 7 ล้านคน ถ้ารวมคนกลุ่มนี้แล้ว จะอยู่ที่ 37 – 40 ล้านคน คนกลุ่มนี้ไม่ได้เงินตามที่นโยบายของพรรคเพื่อไทยประกาศเท่ากับว่าหลอกเขา ถามว่าคนเหล่านี้ได้เลือกพรรคเพื่อไทยไปแล้วทำอย่างไร คนที่ได้เงินไปแล้ว ผมแสดงความยินดีด้วยแต่คนที่ไม่ได้ รัฐหรือพรรคเพื่อไทยจะชดเชยอย่างไร” นายสนธิญากล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เอกสารที่นายสนธิญานำมายื่นวันนี้เป็นคำร้อง 4 ฉบับที่เคยยื่นต่อ กกต.และผู้ตรวจการแผ่นดินในช่วงก่อนการเลือกตั้งปี 2566 เพื่อให้ตรวจสอบนโยบายหาเสียงดังกล่าว รวมถึงหนังสือตอบกลับจากผู้ตรวจการแผ่นดินที่นายสนธิญามองว่าทำให้ตนใช้สิทธิยื่นคำร้องตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้

ข่าวจาก มติชนออนไลน์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: