ตามที่องค์การยูเนสโกขึ้นบัญชีมรดกโลกเพิ่มอีก 26 แห่ง แบ่งเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม 20 แห่ง มรดกโลกทางธรรมชาติ 5 แห่ง และมรดกโลกแบบผสมผสานอีก 1 ไปเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน แล้วนั้น Eduzones ได้นำข้อมูลที่น่าทึ่งมานำเสนอไปแล้ว 13 แห่ง คลิกดู 13 แห่งแรก ได้ที่นี่ (ขอบคุณข้อมูลจากไทยรัฐออนไลน์)
และนี่คือ มรดกโลกแห่งใหม่ประจำปี 2013 อีก 13 แห่งค่ะ
14. ไร่องุ่นในภูมิภาคแลงกี โรเอโร และมอนแฟร์ราโต แห่งแคว้นปีเอมอนเต (อิตาลี)
ไร่องุ่นในภูมิภาคแลงกี โรเอโร และมอนแฟร์ราโต แห่งแคว้นปีเอมอนเต
สถานที่แห่งนี้ครอบคลุมไร่องุ่นที่มีภูมิทัศน์โดดเด่น 5 แห่ง รวมทั้งปราสาทแห่งกาวูร์ ชื่อที่เป็นสัญลักษณ์ทั้งในการพัฒนาไร่องุ่นและในประวัติศาสตร์ของอิตาลี มรดกโลกแห่งนี้ตั้งอยู่ในภาคใต้ของแคว้นปีเอมอนเต ระหว่างแม่น้ำ โป กับเทือกเขาแอเพนไนน์ และรวมเอาไว้ด้วยกระบวนการทางเศรษฐกิจและเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับการปลูกองุ่นและการทำไวน์ ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของภูมิภาคมานานหลายศตวรรษ
ไร่แห่งนี้ได้รับการบุกเบิกตั้งแต่ช่วง 500 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อแคว้นปีเอมอนเตเป็นสถานที่สำหรับติดต่อและค้าขายระหว่างอารยธรรมอีทรัสคัน (ชาวอิตาลีโบราณ) และชาวเซลติก และในยุคจักรวรรดิโรมัน พลินิผู้อาวุโส หรือ กาเอียส พลินิอัส เซคันดัส แม่ทัพและนักธรรมชาติวิทยา กล่าวว่า ภูมิภาคปีเอมอนเตแห่งนี้ เป็นหนึ่งในภูมิประเทศที่ดีที่สุดในการปลูกองุ่นในอิตาลียุคโบราณ
15. ถ้ำมาเรชา และถ้ำเบต กุฟริน (อิสราเอล)
ถ้ำมาเรชาและถ้ำ เบต กุฟริน
ถ้ำมาเรชาและถ้ำ เบต กุฟริน หรือเรียกอย่างเป็นทางการว่า อุทยานแห่งชาติเบต กุฟริน-มาเรชา คือเมืองใต้เมือง เป็นถ้ำที่มนุษย์สร้างขึ้นจากการขุดชั้นหินชอล์ก ในพื้นที่ตอนใต้ของภูเขาจูเดีย ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเวสต์แบงก์ ภายในถ้ำมีห้องและเครือข่ายหลากหลายรูปแบบ ตั้งอยู่ใต้เมืองแฝดโบราณมาเรชาและ เบต กุฟริน ซึ่งเป็นพยานความสำเร็จของการขุดอุโมงค์ในยุคประวัติศาสตร์ และมีการใช้งานมานานกว่า 2,000 ปี ตั้งแต่ยุคเหล็กจนถึงช่วงสงครามครูเสด
ถ้ำแห่งนี้เดิมทีเป็นเหมือง แต่ถูกปลับเปลี่ยนมาใช้เพื่อประโยชน์หลากหลายทางการเกษตรและอุตสาหกรรมงานฝีมือท้องถิ่น รวมถึงการคั้นน้ำมัน, เป็นบ้านนก, คอกม้า, ที่เก็บน้ำและร่องน้ำใต้ดิน, ห้องอาบน้ำ, สุสาน และสถานที่สำหรับสวดมนต์ภาวนา นอกจากนี้ยังเป็นที่หลบซ่อนเวลาเกิดปัญหาต่างๆ ด้วย
16. บูร์ซาและคูมาลิคิซิก กำเนิดแห่งจักรวรรดิออตโตมัน (ตุรกี)
บูร์ซาและคูมาลิคิซิก กำเนิดแห่งจักรวรรดิออตโตมัน
ประกอบด้วยสถานที่ 8 แห่งในเมืองบูร์ซา และหมู่บ้านคูมาลิคิซิกที่อยู่ใกล้ๆ โดยทั้งหมดอยู่ในภูมิภาคมาร์มารา ทางใต้ของตุรกี เมืองบูร์ซาสะท้อนให้เห็นการสร้างสรรค์เมือง และการจัดตั้งระบบการเกษตรของจักรวรรดิออตโตมัน ในช่วงต้นศตวรรษที่ 14
เมืองหลวงแห่งนี้ยังแสดงให้เห็นการทำงานที่สำคัญของสังคม และองค์กรเศรษฐกิจของเมือง ที่ค่อยๆ วิวัฒนาการรอบศูนย์กลางสถานที่ราชการแห่งใหม่ สถานที่ดังกล่าวรวมไปถึง คานส์ เขตพาณิชย์, มัสยิด, โรงเรียนสอนศาสนา, ที่อาบน้ำสาธารณะ รวมทั้งโรงครัวสำหรับคนยากคนจน สุสานของโอร์ฮาน กาซี ผู้สถาปนาราชวงศ์ออตโตมัน ขณะที่หมู่บ้านคูมาลิคิซิก เป็นหมู่บ้านเพียงแห่งเดียว ที่แสดงให้เห็นการเตรียมการเพื่อคอยสนับสนุนเมืองบูร์ซา
17. เพอร์กามอน และภูมิภาพเชิงศิลปะที่มีหลายชั้นของมัน (ตุรกี)
เพอร์กามอน
ตั้งอยู่บนที่ราบบาเคียร์ชาย ในภูมิภาคอีเจียน ประเทศตุรกี เพอร์กามอนเคยเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์เฮลเลนิสติก อัตตาลิด ซึ่งเป็นศูนกลางขนาดใหญ่ของการเรียนรู้โลกยุคโบราณ เมืองแห่งนี้มีทั้งวัดขนาดใหญ่, โรงละคร, สโต (สิ่งปลูกสร้างที่เป็นทางเดินยาว), โรงยิม, แท่นบูชา และห้องสมุด และถูกโอบล้อมด้วยกำแพงเมืองกว้างใหญ่
ขณะที่โบสถ์ ‘คีเบล แซงทัวรี’ ตั้งอยู่บนเนินเขาอีกลูกทางตะวันตกเฉียงเหนือ ภายหลังเมืองแห่งนี้กลายเป็นเมืองเอกของจังหวัดเอเชีย ของอาณาจักรโรมัน ซึ่งมีศูนย์รักษาพยาบาลที่เป็นที่รู้จักมาก ภูมิภาพของเมืองเพอร์กามอนประกอบไปด้วยกองสิ่งของที่ถูกฝัง และซากที่หลงเหลือของอาณาจักรโรมัน, ไบเซนไทน์ และออตโตมัน
18. กำแพงดินอนุสรณ์แห่งโพเวอร์ตี พอยต์ (สหรัฐอเมริกา)
กำแพงดินอนุสรณ์แห่งโพเวอร์ตี พอยต์
โพเวอร์ตี พอยต์ เป็นชื่อที่มาจากสวนที่อยู่ใกล้เคียง ตั้งอยู่ในบริเวณตอนล่างของแม่น้ำมิสซิสซิบปี สถานที่แห่งนี้ประกอบด้วยเนินดิน 5 เนิน, สันเนินลักษณะกึ่งวงรี 6 แถว ที่แยกจากกันโดยการยุบตัวของพื้นดินและลานกว้างส่วนกลาง มันถูกสร้างและใช้เพื่อเป็นที่อาศัย และสถานที่จัดงานพิธีของนักล่าปลาที่มารวมตัวกันระหว่างยุค 3,700-3,200 ปีก่อนคริสตกาล แต่การศึกษาวิจัยยังชี้ชัดไม่ได้ว่าที่แห่งนี้เป็นที่พักถาวร หรือถูกใช้ชั่วคราวระหว่างงานออกร้านเท่านั้น ที่แห่งนี้นับเป็นผลสำเร็จที่โดดเด่นของสิ่งก่อสร้างจากดินในอเมริกาเหนือ ซึ่งไม่มีอะไรเหนือกว่าเป็นเวลาอย่างน้อย 2,000 ปี
19. อาคารสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์แห่งเมืองโบลการ์ (สหพันธรัฐรัสเซีย)
อาคารสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์แห่งเมืองโบลการ์
เมืองโบลการ์ตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำโวลกา ทางใต้ของแม่น้ำใหญ่คามา และทางใต้ของเมืองคาซาน เมืองเอกของรัฐทาทาสถาน เมืองแห่งนี้มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของเมืองโบการ์ในยุคกลาง ถิ่นฐานช่วงเริ่มแรกของอารยธรรม โวลกา-โบลการ์ ซึ่งคงอยู่ระหว่างศตวรรษที่ 7-15 และเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของโกลเดนฮอร์ด (มองโกล) ในศตวรรษที่ 13
โบลการ์เป็นตัวแทนของการแลกเปลี่ยนและการเปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรมในประวัติศาสตร์ของทวีปยูเรเชีย ตลอดระยะเวลาหลายร้อยปี และมีบทบาทสำคัญในการก่อร่างอารยธรรมและจารีตประเพณี มันยังเป็นสัญลักษณ์แห่งการยอมรับศาสนาอิสลามโดยชาวโวลกา-โบลการ์ ในปี ค.ศ. 922 และสำหรับชาวมุสลิมทาทา มันยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับการแสวงบุญด้วย
20. อาณาจักรยุคก่อนโคลัมเบียและหินทรงกลมแห่งดีกวิส (คอสตาริกา)
อาณาจักรยุคก่อนโคลัมเบียและหินทรงกลมแห่งดีกวิส
มรดกโลกแห่งนี้รวมไปถึงโบราณสถาน 4 แห่ง บริเวณปากแม่น้ำดีกวิส ในภาคใต้ของคอสตาริกา เป็นตัวอย่างอันเป็นเอกลักษณ์ของระบบสังคม, การเมืองและเศรษฐกิจที่ซับซ้อน ในยุคนั้น (ค.ศ. 500-1,500) ประกอบไปด้วยเนินดิน, ทางเดิน, สถานที่ที่ถูกฝัง และหินทรงกลมจำนวนมากที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 0.7 ม. ถึง 2.57 ม. โดยที่ยังไม่มีใครรู้ถึงความหมาย, ประโยชน์ รวมถึงวิธีการสร้างมัน
หินทรงกลมนี้มีความโดดเด่นในแง่ของความสมบูรณ์แบบ, จำนวน, ขนาดและความหนาแน่น รวมทั้งการวางตำแหน่งของมัน สถานที่แห่งนี้ได้รับการปกป้องจากการขุดค้นโบราณสถานที่มีจำนวนมากในคอสตาริกา จากชั้นตะกอนหนาที่ฝังมันนานหลายศตวรรษ
21. สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโอกาวังโก (บอตสวานา)
สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโอกาวังโก
สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโอกาวังโกอยู่ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศบอตสวานา ประกอบไปด้วยที่ลุ่มซึ่งมีน้ำขังถาวร และถูกน้ำท่วมตามฤดูกาล มันเป็นหนึ่งในสามเหลี่ยมปากแม่น้ำในแผ่นดินขนาดใหญ่เพียงไม่กี่แห่งในโลก ที่ไม่ไหลลงสู่ทะเลหรือมหาสมุทร เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของสถานที่แห่งนี้คือ ถูกน้ำจากแม่น้ำโอกาวังโกท่วมเป็นประจำทุกปีในฤดูแล้ง ซึ่งเป็นผลจากวัฏจักรทางชีววิทยาของพืชและสัตว์ท้องที่ที่เกิดขึ้นสอดคล้องกันในช่วงฤดูฝนและน้ำท่วม
ที่แห่งนี้ยังเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกระบวนการทางสภาพอากาศ, อุทกวิทยา และชีววิทยา นอกจากนี้ สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโอกาวังโกยังเป็นบ้านสัตวเลี้ยงลูกด้วยนมที่กำลังเสี่ยงสูญพันธุ์จำนวนมาก เช่น เสือชีตาห์, แรดขาว, แรดดำ, หมาป่าแอฟริกันและสิงโต
22. อุทยานแห่งชาติหิมาลัย (อินเดีย)
อุทยานแห่งชาติหิมาลัย
ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเทือกเขาหิมาลัยในรัฐหิมาจัลประเทศ ทางเหนือของอินเดีย มีพื้นที่ 90,540 เฮกตาร์ มีคุณลักษณะพิเศษอยู่ที่ยอดเขาแอลป์, ทุ่งหญ้าปนเทือกเขาแอลป์, ป่าชายเลน, ธารน้ำแข็งบนภูเขาและน้ำจากการละลายของหิมะเป็นแหล่งน้ำให้แก่แม่น้ำหลายสายให้ผู้ใช้น้ำหลายล้านคนเบื้องล่างได้ใช้
อุทยานแห่งชาติหิมาลัยยังปกป้องป่าชายเลนที่ได้รับอิทธิพลจากมรสุม รวมถึงทุ่งหญ้าในพื้นที่แนวเขาส่วนหน้าของเขาหิมาลัย ที่แห่งนี้ยังมีความหลากหลายทางชีวภาพ มีป่าถึง 25 ชนิด และอุดมไปด้วยสัตว์นานาชนิด ซึ่งจำนวนมากตกอยู่ในความเสี่ยง ทำให้อุทยานแห่งนี้เป็นแหล่งอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างดี
23. สตีฟส์ คลินท์ (เดนมาร์ก)
สตีฟส์ คลินท์
คือหน้าผาติดชายฝั่ง ความยาว 15 ม. และอุดมไปด้วยฟอสซิล และเป็นหลักฐานของการตกกระแทกของอุกกาบาต ‘ชิคซูลุบ’ ในช่วงสิ้นสุดยุคคลีเตเชียส หรือราว 65 ล้านปีก่อน ซึ่งนักวิจัยเชื่อว่านี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้น เป็นเหตุให้สิ่งมีชีวิตกว่า 50% ในโลกนี้จบชีวิต
ที่ผาแห่งนี้ยังมีร่องรอยของเถ้าถ่านที่เกิดจากการตกกระแทกของอุกกาบาตลูกนี้ ขณะที่จุดตกที่แท้จริงจะอยู่ใต้ทะเลนอกแหลมยูกาตังของเม็กซิโก นอกจากนี้ ยังมีซากฟอสซิลซึ่งแสดงให้เห็นลำดับของการฟื้นฟูของสิ่งมีชีวิตและสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก ภายหลังการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่
24. ป่าเบลเวียชา (เบลารุส/โปแลนด์)
ป่าเบลเวียชา
เป็นส่วนขยายของอุทยานแห่งชาติบีโลฟชกายา พุชกา ซึ่งตั้งอยู่บนชายแดนประเทศเบลารุสและโปแลนด์ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 1979 ป่าเบลเวียชาตั้งอยู่บนลุ่มน้ำของทะเลบอลติก และทะเลดำ เป็นป่าที่มีต้นไม้หลากชนิดทั้งต้นสนและต้นไม้ที่มีใบใหญ่
ผลการการแก้ไขเรื่องที่ดินทำให้พื้นที่อุทยานแห่งชาติฝั่งเบลารุส ลดลงไปราว 5,000 เฮกตาร์ แต่ขยายพื้นที่ฝั่งโปแลนด์ออกไปอย่างมาก จาก 5,069 เฮกตาร์ เป็น 59,576 เฮกตาร์ ทำให้พื้นที่โดยรวมทั้งหมดกลายเป็น 141,885 เฮกตาร์ อุทยานแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ชั้นยอดในการอนุรักษ์พันธุ์พืชและสัตว์ป่า และมีกระทิงไบซันยุโรป อาศัยอยู่มากที่สุดในโลก
25. เขตสงวนพันธุ์สัตว์ป่าภูเขาฮามิกีตัน (ฟิลิปปินส์)
เขตสงวนพันธุ์สัตว์ป่าภูเขาฮามิกีตัน
อยู่บนแนวเขาตลอดแนวคาบสมุทรพูจาดา ทางตะวันออกของเกาะมินดาเนา เขตสงวนพันธุ์สัตว์ป่าภูเขาฮามิกีตันมีความสูงจากระดับน้ำทะเล ตั้งแต่ 75-1,637 ม. เป็นที่อยู่ของพืชนและสัตว์หลากหลายสายพันธุ์ ที่แห่งนี้แสดงให้เห็นสิ่งมีชีวิตบนบกและในน้ำแตกต่างกันออกไปโดยขึ้นอยู่กับระดับความสูง รวมถึงสิ่งมีชีวิตเฉพาะถิ่น โดยมี 8 สายพันธุ์ที่พบได้บนภูเขาฮามิกีตันเท่านั้นด้วย นอกจากนี้ ยังมีต้นไม้ที่ใกล้สูญพันธุ์รวมทั้งอินทรีฟิลิปปินส์และนกกระตั้วฟิลิปปินส์ด้วย
26. ภูมิทัศน์ของภูมิภาค จาง อัน (เวียดนาม)
ภูมิทัศน์ของภูมิภาค จาง อัน
ตั้งอยู่ริมฝั่งของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแดงในจังหวัดนิญบิ่ญ จาง อัน (Trang An) เป็นสภาพภูมิประเทศที่น่าตื่นตาของเขาหินปูน แทรกซึมด้วยแม่น้ำหลายสาย บางส่วนจมอยู่ใต้น้ำและถูกล้อมรอบด้วยผาสูงชัน การสำรวจถ้ำในส่วนที่สูงที่สุดที่กระจายเป็นหย่อมๆ อยู่ทั่วภูมิประเทศแห่งนี้ เปิดเผยร่องรอยทางโบราณคดีว่ากิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์เริ่มมานานกว่า 30,000 ปีมาแล้ว และแสดงให้เห็นการยึดครองภูเขาเหล่านี้โดยเหล่านักล่าและวิธีที่พวกเขาปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง สถานที่แห่งนี้ยังรวมไปถึงเมืองโบราณฮัวลู เมืองหลวงเก่าของเวียดนาม, วัดหลายแห่ง, หมู่บ้านและนาข้าวด้วย
ติดตาม 26 มรดกโลกแห่งใหม่ของยูเนสโก 2014 (ตอนที่1) ได้ที่นี่
นำเสนอโดย EDUZONES KNOWLEDGE
ข้อมูล และ ภาพ : ไทยรัฐออนไลน์ 27 มิ.ย. 2557
ค้นหา ความรู้ทั่วโลก เพิ่มเติม ที่ > EDUZONES KNOWLEDGE สาระน่ารู้ ความรู้รอบตัวทั่วโลก
เรื่องก่อนหน้า : ฮัมบูร์ก ตั้งเป้าเป็นเมืองปลอดรถยนต์ 40% ใน15-20ปี
เรื่องถัดไป : ญี่ปุ่นเปิดตัวหุ่นยนต์เสมือนมนุษย์(ชมคลิป)
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ