การออมเงินแบบ DCA จริงๆ แล้วเป็นการออมหุ้น มากกว่าการออมเงินในความหมายทั่วไป
คำว่า DCA มาจากคำว่า Dollar Cost Average โดยเป็นการลงทุนแบบเฉลี่ยราคา คือ เป็นการลงทุนในช่วงเวลาหนึ่ง โดยที่ผู้ลงทุนจะไม่สนใจราคาหุ้น และจะทำการซื้อหุ้นด้วยเงินลงทุนในจำนวนเท่าๆ กันทุกเดือน เดือนไหนราคาหุ้นสูงก็จะซื้อได้น้อย เดือนไหนราคาหุ้นลงก็จะซื้อได้เยอะ ถือเป็นการถัวเฉลี่ยจำนวนหุ้นไป ซึ่งจะสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้ด้วยเช่นกัน
การออมเงินแบบ DCA
1.ประเมินตัวเองก่อน
ก่อนที่เราจะตัดสินใจลงทุนอะไรก็ตาม เราจะต้องทำการประเมินสถานะการเงินของตัวเองเสียก่อน ว่าเราต้องการออมเงินเท่าไหร่ มีเป้าหมายการออมเงินเป็นอย่างไร ภายในระยะเวลาเท่าไหร่ โดยเราสามารถประเมินได้จากจำนวนเงินที่เราสามารถนำมาออมได้ หลังจากที่เราทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายรายเดือนเรียบร้อยแล้วนั่นเองครับ
แต่สิ่งที่เราจะต้องระวังคือสภาพคล่องของเงินของเรานะครับ การออมเงินรูปแบบนี้เราจะได้รับผลประโยชน์น้อยกว่าการออมเงินฝากทั่วไป ดังนั้น เราควรจะมีการกันเงินเอาไว้อีกส่วนหนึ่งเผื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินแล้วเรามีความจำเป็นจะต้องใช้เงินสด จะได้ไม่ต้องเสียผลประโยชน์จากการนำเงินที่เอาอุตส่าห์เก็บออมออกมาก่อนถึงกำหนดที่เราจะได้ผลประโยชน์สูงสุดครับ
2.ตีกรอบด้านเวลา
ปัจจัยหลักในการออมเงิน การลงทุน ก็คือการตีกรอบด้านเวลา หรือก็คือการตั้งเป้าหมายตายตัวนั่นเอง หากเราต้องการออมเงิน อยากมีเงินสักหนึ่งล้าน แต่ไม่มีกำหนดระยะเวลา เท่ากับว่าเราก็ออมไปเรื่อยๆ ไม่ได้มีจุดหมายว่าจะจบเมื่อไหร่
ดังนั้น สิ่งสำคัญของการออมเงิน การลงทุนก็คือการตีกรอบเวลา ว่าเราต้องการมีเงินเก็บ จำนวนเท่าไหร่ ภายในระยะเวลาแค่ไหน เพื่อที่เราจะได้คำนวณได้ ว่าเราจะต้องออมต่อเดือนเท่าไหร่ เพื่อที่จะไปถึงเป้าหมายของเราได้นั่นเองครับ
การลงทุนแบบDCA จะช่วยลดความเสี่ยงของการลงทุนได้ เพราะเราไม่จำเป็นจะต้องรับมือกับความผันผวนของราคาหุ้นในตลาด เราเพียงแค่ไหลไปตามสภาวะของตลาด เพราะยังไงเราก็ลงทุนเป็นเงินจำนวนเท่าๆ กันทุกเดือนอยู่แล้วนั่นเองครับ โดยรายละเอียดการลงทุนก็ไม่ได้แตกต่างจากการลงทุนกองทุนรวมหุ้น LTF หรือ RMF เท่าไหร่นะครับ สิ่งที่แตกต่างกันก็คือผลตอบแทนโดยประมาณที่จะได้นั่นเองครับ
3. ตีกรอบด้านการเงิน
การลงทุนที่มีประสิทธิภาพจะต้องมีการวางแผนอย่างเหมาะสม เมื่อเรามีเป้าหมายด้านระยะเวลาแล้ว ทีนี้ ก็ต้องมีเป้าหมายด้านจำนวนเงินที่เราสามารถนำมาลงทุนได้นั่นเอง เราจะต้องกำหนดจำนวนเงินที่เราจะนำมาลงทุน ว่าเราจะลงทุนเดือนละเท่าไหร่แน่ หากเราเลือกที่จะลงทุน 10% ของเงินเดือนทุกเดือน เราได้รับเงินเดือน 20,000 บาท เท่ากับว่าเราจะต้องนำเงิน 2,000 บาทไปลงทุนซื้อหุ้นนั่นเองครับ
4. กำหนดวันลงทุน
เมื่อเรากำหนดได้แล้วว่าเรามีเป้าหมายในการลงทุนอย่างไรบ้าง จากนั้นเราก็จะต้องกำหนดวันที่เราต้องการลงทุนทุกๆ เดือน หากเราได้รับเงินเดือนวันที่ 25 เราก็อาจจะเลือกลงทุนทุกๆ วันที่ 28 ของเดือน โดยการนำเงินออกมาซื้อหุ้นโดยไม่ต้องสนใจว่าราคาขึ้น หรือลงอย่างไรนั่นเองครับ
โดยการกำหนดวันลงทุนเป็นสิ่งสำคัญมากนะครับ เพราะหัวใจสำคัญของการออมหุ้นแบบ DCA คือการมีวินัยในการลงทุน และการลงทุนอย่างสม่ำเสมอนั่นเองครับ
5. การออมเงินแบบ DCA เหมาะกับมนุษย์เงินเดือนอย่างไร
มนุษย์เงินเดือนเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้ประจำ เป็นจำนวนเท่าๆ กันทุกๆ เดือน ทำให้คุณสามารถบริหารเงินได้ของคุณ แล้วเจียดเงินจำนวนหนึ่งเพื่อมาใช้ในการลงทุนได้
วิธีการง่ายๆ คือการคำนวณรายรับ-รายจ่ายต่อเดือนของเราทั้งหมดเสียก่อน พอเราได้ตัวเลขแล้วว่าเรามีค่าใช้จ่ายเดือนละเท่าไหร่ และมีเงินเหลือเดือนละเท่าไหร่ และเราจะนำเงินส่วนนี้มาลงทุน DCA เท่าไหร่บ้างนั่งเองครับ
ข้อควรทราบออมแบบDCA
สิ่งที่เราต้องคำนึงถึง คือ การซื้อหุ้นแบบDCA จะต้องเลือกซื้อหุ้นที่มีฐานะทางการเงินดี มีอนาคตที่จะเติบโตไปได้อีกอย่างน้อยเป็นเวลา 5 ปี ส่วนการซื้อ ก็สามารถทำได้ 2 วิธี
1) การซื้อด้วยตัวเอง
2) การซื้อโดยให้ทางบริษัทบริหารหลักทรัพย์ซื้อให้ (ตัดเงินจากบัญชีออมทรัพย์)
การออมหุ้นแบบ DCA ก็ไม่ใช่ว่าจะออมหุ้นตัวไหนก็ได้นะครับ เราจะต้องดูปัจจัยพื้นฐานของหุ้นแต่ละตัวที่เราต้องการออมด้วยครับ โดยจะต้องมองว่าหุ้นตัวไหน ธุรกิจตัวไหนที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว หุ้นที่เราต้องการเลือกควรจะเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดี มีการปันผลอย่างสม่ำเสมอ และไม่อิงกระแสข่าว
วิธีการหาหุ้น อาจจะหาจากครอบครัว และความชอบส่วนตัวของเรา ว่าเราชอบใช้สินค้า บริการอะไรเป็นประจำ แล้วลองตรวจดูความได้เปรียบ เสียเปรียบทางธุรกิจ เปรียบเทียบคู่แข่ง เป็นต้นครับ
แนะนำให้หาหุ้นตัวที่เป็นเบอร์ 1 ในแต่ละอุตสาหกรรม ที่เติบโต มีกำไร มีการปันผลสม่ำเสมอทุกปีนะครับ โดยจะต้องเลือก trend ธุรกิจที่สามารถเติบโตในอนาคต หรือเป็นสินค้าที่คนต้องใช้เป็นประจำทุกวัน ซื้อมาใช้แล้วหมดไป ก็ต้องซื้อมาใช้ใหม่ หรืออาจจะเลือกธุรกิจที่เราพอมีความเข้าใจอยู่บ้างแล้ว โดยอาจจะสามารถพิจารณาเลือกมาสัก 1-3 ตัวเพื่อลงทุนเบื้องต้น หากเราเป็นทือใหม่ แต่หากเรามีรายได้เพิ่มขึ้น เราก็สามารถเพิ่มจำนวนเงินออมในหุ้นให้มากขึ้นตามไปด้วยได้เช่นกันครับ โดยจะต้องพิจารณาตามความเหมาะสมของจำนวนเงินที่เรามีนั่นเองครับ
อย่าลืมติดตามสาระความรู้ และเคล็ดลับดีๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และประกันภัยรถยนต์ได้ที่ MoneyGuru.co.th
ขอบคุณข้อมูล: iamhybridinvestor, pantip.com, ganginvestor, aommoney.com
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ