[รีวิวหลอนๆ] 8 บ้านเช่า-หอพักโซนมหาลัยชื่อดังติดทะเล เคยอยู่แล้วเจออะไรบ้าง?





เพื่อความสบายใจในการเช่าหรือซื้อที่พัก หลายคนมักจะให้ความสำคัญกับประวัติความเป็นมาเป็นพิเศษ แต่สำหรับชาวพันทิปล็อกอินนางสาว ไอติม เธอบังเอิ๊ญญญญ แจ๊คพ็อตกว่านั้น นอกจากยังไม่เคยได้ฟังเรื่องเล่าก่อนตัดสินใจอยู่อาศัย เธอยังเป็นคนมีสัมผัสพิเศษในเรื่องเร้นลับไปอีกกกก angryangryangry

ลองมาอ่านกันว่า 8 สถานที่ที่เธอเคยเช่าอยู่ ทั้งบ้านเช่าและหอพัก เธอและผองเพื่อนต้องเจออะไรกันมาบ้าง

หมายเหตุ : ในเรื่องดังกล่าวที่ทางThaijobsgovหยิบยกมานั้นอาจเป็นเรื่องจริงหรือแต่งก็ได้ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านเพื่อความบันเทิงเป็นหลัก

————————-

กระทู้นี้มีภาพประกอบ เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นนะคะ 
เพื่อไม่ให้เพื่อนๆ งง เราขอแนะนำกลุ่มผจญภัยเราก่อน สมาชิกหลักมี
เรา (แกว) เกย์ 1 (ขจร) ทอม 1 (อ้วน) หญิง 4 (โซ่, แซ่, กุญแจมือ, น้ำแข็ง) และแก๊งลูกหมูอีกประมาณ 2-4 คน

1. บ้านสีชมพู
ในช่วงปี1 เทอม1 เราก้าวเข้ามาในเขต "บางสิบหมื่น" อยู่หอที่เป็นอาคารพาณิชย์ เราอยู่ชั้น2 กับแฟน คืออ้วน ส่วนขจรอยู่คนเดียวชั้น5 ไม่มีเมท ในช่วงนั้นเหมือนเราเห่อชีวิตมหาลัย แก๊งเราเป็นเด็กศรีราชา อำเภอข้างๆ ห่างกัน 13 กิโล บรรดาเพื่อนๆ ก็แวะเวียนมาที่หอ เพราะต่างก็เรียนมหาลัยใกล้ๆ ส่วนใหญ่ก็มานอนค้างคืนกับขจรกัน ในเทอม2 พวกเราเลยตัดสินใจจะเช่าบ้านอยู่ร่วมกัน จะได้เฮฮาปาร์ตี้ให้เต็มเหนี่ยว อีกอย่างน้ำ-ไฟ บ้าน อาจจะประหยัดได้อีก

เรา อ้วน และขจร ก็พากันหาบ้าน ขับรถไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ก็ไม่ว่าง ขับไปดูที่นึง ข้างร้าน "อาหารป่า" เส้นหลังมอ เป็นทาวน์เฮ้าส์สีส้ม2 ชั้น แต่ก็ไม่ว่าง 

แล้วพี่ที่รู้จักบอกว่า ไปเติมน้ำมันหลังปั๊ม ปตท. เห็นบ้านหลัง 1 ว่างอยู่… "หลังสีชมพูแกวลองไปดูซิ"

เรา อ้วน และขจร ขับรถไปดูหลังเลิกเรียน ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 6 โมง พวกเราจอดรถหน้าบ้านสีชมพูหลังนั้น (ทาวน์เฮ้าส์2 ชั้น) เห็นป้ายให้เช่า พร้อมเบอร์โทร แปะอยู่ตรงรั้วบ้าน… พวกเรายืนมองสำรวจเข้าไปในบ้าน แต่มันเป็นกระจกบานเกล็ดสีดำที่ปิดไม่สนิทเท่าไหร่ พอได้มองลอดเข้าไปได้บ้าง พื้นที่หน้าบ้านกว้างพอจอดรถยนต์ได้ 1 คัน 

แต่แอ๊ะ… มีเก้าอี้ตัวหนึ่ง บนเก้าอี้นั้นมีกระถางธูปวางอยู่หน้าบ้านตรงหน้าต่าง ในกระถางธูปนั้นมีก้านธูปปักอยู่ประมาณ 10 อัน ตอนแรกก็คิดในใจว่า ไหว้เจ้าที่หรือเปล่า แต่ธูปปักกระจัดกระจาย ไม่ได้ปักเป็นกำทีเดียว ก็เริ่มคิดแล้วว่าไหว้ผีหรือเปล่า เรามองสำรวจเข้าไปแล้วรู้สึกตะหงิดใจแปลกๆ แต่ก็ยังไม่เท่าไหร่… เราเลยกดเบอร์โทรไปถาม "ค่าเช่า 8,000฿" เฮ้ยยย!! ถูกอ่าๆ เพราะหลังอื่นที่ลองถาม 10,000 up ทั้งนั้น

พวกเรา 3 คนสแกนบ้านหลังนั้นอีกรอบ คราวนี้รู้สึกว่ามีคนจ้อง… จ้องแบบอาฆาตพวกเรา มองตรงกระจก… มีผู้หญิงผมยาวๆ ชุดขาว เดินตาถลึง มือชี้หน้าพวกเรา วิ่งจะทะลุกระจกเข้ามา เรา 3 คนเหมือนเห็นพร้อมกัน รีบวิ่งขึ้นรถ แล้วแว้นกลับทันที เฮ้อ… โชคดีไปนะที่เห็นก่อน ไม่งั้นอาจได้เข้าไปอยู่บ้านหลังนี้ก็ได้…

2. บ้านเดี่ยวสีขาว
จากกระทู้นี้http://pantip.com/topic/33955549 น่าจะการันตีความหลอนได้ค่ะ  ส่วนเราหลังนี้ก็แค่เป็นอีกหลังที่แวะไปดูในเส้นหลังมอ ตรงแถวๆ ร้านเหล้า ย.ซ. วันต่อมาพวกเรา 3 คนก็ขับรถไปดูบ้านแถวๆ นั้น ในซอยตรงนั้น มีหมู่บ้านเดี่ยวสีขาว... ลักษณะหมู่บ้านค่อนข้างโทรมมาก (สีบ้านลอกๆ เก่าๆ บางหลังมีหญ้าสูงท่วมหัว) มีป้ายแปะให้เช่าอยู่ 1 หลัง…

บ้านหลังนี้เป็นบ้านเดี่ยว สีขาว กว้างขวาง… ชั้นล่างมี เค้าน์เตอร์ด้วย ดูผ่านหน้าต่าง อ้วนชอบบ้านหลังนี้มากๆ รู้สึกว่ากว้างและน่าอยู่ พวกเรา 3 คนก็กลับไปเล่าให้เพื่อนฟังว่า "มีบ้านตรงนี้นะ ว่างอยู่นะ"

วันถัดมา พวกเราทุกคนและแก๊งลูกหมูก็แวะไปดูบ้านหลังนั้น ตอนนั้นประมาน 5 โมงเย็น พอโทรไปถามราคาและมัดจำกับเจ้าของบ้านก็อื้อหื้อ~ ขอคิดดูก่อนนะคะ อยู่ๆ ฝนก็ตกลงมาซะงั้น โซ่ก็จะปีนรั้วไปหลบฝนในบ้านหลังนั้น แต่คือเรารู้สึกแปลกๆ รู้สึกไม่ดี ไม่โอเค มันเหมือนมีบางสิ่งบางอย่าง (เราเป็นคนเซ้นส์กับเรื่องพวกนี้แรง คือคล้ายๆ แม่หมอประจำกลุ่ม เพราะเคยมีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น แล้วเพื่อนๆ ก็เหมือนเชื่อว่าเรื่องนี้มีอยู่จริง)

เราเลยพูดไปว่า "มันไม่ใช่บ้านเรานะ จะเข้าไปหรอ เดี๋ยวเขาก็ว่าหรอก"  ไอ้คำที่บอกว่า เดี๋ยวเขาว่า "เขา" นี่เราหมายถึง สิ่งที่อยู่ในบ้านหลังนั้น แล้ว 1ในแก๊งลูกหมูก็พูดสวนมาว่า  "จะเข้าทำไมอ่ะ มีปัญหาหรอ" แล้วทุกคนก็ปีนข้ามไป

ระหว่างที่รอฝนหยุด เพื่อนๆ ก็เม้ามอยไปเรื่อยๆ เสียงดัง เฮฮา เหมือนว่าเป็นบ้านตัวเอง มีแต่ตัวเราที่เงียบๆ กวาดสายตาไปรอบๆ บรรยากาศก็เริ่มวังเวง

แต่สายตา "คู่นี้ก็ดันไปสะดุดกับสายตาหนึ่งในบ้าน" เหมือนคนแอบหลังหน้าต่างแล้วโผล่หน้ามาแค่ครึ่งเดียว เราเห็นแค่ตาแค่นั้น เราก็นิ่งๆ เพราะฝนยังไม่หยุด ยังไงก็ต้องหลบฝนต่อ…

แต่เราเริ่มทนความกดดันไม่ไหว… เพื่อนคนอื่นก็เริ่มสังเกต แล้วก็เริ่มเงียบๆ มองหน้าเรา เราเลยพูดว่า "เจนสัมผัสได้ค่ะ" พูดแค่นี้แหละ เพื่อนเราก็วิ่ง รีบแย่งกันปีนรั้วออกจากบ้านหลังนั้นทันที

และเมื่อวานนี้เอง… มีกระทู้ 1 ในพันทิปแชร์มา เราก็เลยแชร์ต่อหน้าเฟส tagเพื่อนๆ กันไปตามระเบียบ ว่าโชคดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้บ้านหลังนี้ อีกอย่างเงินมัดจำก็สูงมาก ตอนนั้นตัวเงินก็ไม่พร้อมกันอีกตั้งหาก

bp1

 

bp2

 

bp3

แล้วส่วนหลังที่บอกว่าเจอจนขาสั่น เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังนะคะ เพราะหลังนั้นอยู่มาเกือบปี – -"

3. ทาวน์เฮ้าส์ในซอยตรงข้าม ร.พ.
เราว่าหลังนี้ยังไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่ค่ะ เอาไป 1 กะโหลกพอ พี่เราอยากได้บ้านเช่า แล้วเขาทำงาน ไม่มีเวลา เลยขอให้เราช่วยหา แบบถูกๆ หน่อย เราเลยขับรถไปดูเรื่อยๆ มีหมู่บ้านหนึ่ง เก่าและโทรมมาก เป็นทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น แต่ต่อเติมเป็นร้านเสริมสวย (ดูจากทรงและกระจกที่ติด) แต่พอเอาเบอร์ให้พี่ไปติดต่อเรื่องราคาแล้ว พี่บอกว่าปล่อยถูกมากๆ

แต่ตอนนั้นพี่ยังไม่เห็นบ้านนะ เลิกงาน 3 ทุ่มแล้วเดี๋ยวมาดู พอ 3 ทุ่ม เราก็ขับรถพาพี่มาดู ไปกัน 4 คน พี่เราก็ยืนพินิจพิจารณานานมากๆ พวกเราก็ยืนมองกัน ดูๆ แล้วมันถูกจริง ราคาขนาดนี้ ถ้าไม่คิดไรก็อยู่ได้อ่ะ

แล้วไฟในบ้านก็เปิด… พี่ อ้วน และเรา ก็เห็นเงาเหมือนคนเดินในบ้าน ตรงทางเข้าบ้านหลังประตูเหล็ก ไม่ถึงนาทีไฟก็ดับลง ทุกคนดูตกใจ เพราะยืนหน้าบ้านนานแล้ว คนก็ไม่มีในบ้าน ตอนแรกพวกเราก็ลังเลกัน เพราะอาจมีคนอยู่ก็ได้ แต่ก็เหมือนพูดหลอกตัวเอง บ้านติดป้ายให้เช่า จะมีคนอยู่ได้ไง อีกอย่างเราก็มาจอดดูนานแล้ว ถ้ามีคนก็ต้องเดินออกมาถามมั่งแหละ

พี่เราเปิดไฟฉายในโทรศัพท์ส่องเขาไปว่า ในบ้านเมื่อกี้ใช่คนไหม แถมมองลอด เอาหน้าเข้าไปจู้อีก ซักพักเหมือนข้างบ้านเขากลับมากำลังจะเข้าบ้าน ด้วยความสงสัยเราก็เลยเดินไปถามว่า "บ้านหลังนี้มีคนอยู่ไหมคะ?" ทายสิคะ คำตอบคืออะไร…

bp4

 

4. ทาวน์เฮ้าส์สีส้ม
หลังจากหาบ้านมาพักหนึ่ง มีไม่ถูกใจบ้าง ถูกใจแต่ราคาไม่ไหวบ้าง เราก็ไปบ่นๆ ให้เพื่อนที่คณะฟังว่าหาบ้านไม่ได้เลย เพื่อนที่คณะเราก็แนะนำ ให้ไปดูตรงครัวจานโปรดสิ เราก็เลยบอกว่า เมื่อ 2 วันก่อนไปดูไม่เห็นว่างเลย วันนี้ก็เลยไปดูอีก ครั้งนี้ที่ไปดู ก็มีแก๊งลูกหมู 1 คน เรา ขจร โซ่ แซ่ เพราะว่าว่างกันแค่นี้

ปรากฏว่าบ้านว่างค่ะ เราก็แบบ เฮ้ยยย!! 2-3 วันก่อนยังไม่ว่างเลยนะ

รอกันซักพักลุงเจ้าของบ้านก็มาเปิดบ้านให้ดู พวกเราก็เดินเข้าไปสำรวจละเอียดเลยค่ะ บ้านกว้าง สะอาด ใหม่ น่าอยู่มากๆ แถมห้องแอร์ 3 ห้อง มีเฟอนิเจอร์ครบ อะไรจะดีขนาดนี้ อยู่กัน 6 คน ตกคนละ 2 ห้อง สบายๆ ไม่อึดอัด

bp5

พอเราดูกันเสร็จ ถามเงินค่ามัดจำลุง ซึ่งราคาก็สูงพอๆ กับบ้านสีขาว ต่างกัน 3 พัน พวกเราที่ไปดูก็คุยกันว่าชอบ เพื่อนถามสัมผัสอะไรได้ไหม เราบอกว่าไม่ คือชอบบ้านหลังนี้มากๆ แซ่ก็ชอบมากเหมือนกัน

วันต่อมา ประมาณบ่าย3 โซ่บอกว่าไปวางมัดจำกัน พวกเราก็จะไปเอาเงินมาจากไหน คือพวกเราตอนนั้นก็ช็อตๆอยู่ โซ่เลยบอกว่า "เดี๋ยวออกให้ก่อนแล้วค่อยเอาเงินมาใช้" (ออกให้ทุกคน) พวกเราก็ยิ้มเลยซะค่ะ อะไรมันจะคล่องขนาดนี้ ดวงมันจะได้อยู่อ่ะเนอะ เราก็คิดแบบนี้ใจค่ะ – -" แต่ไม่รู้เลยว่าจริงๆ แล้ว ไม่ได้อยู่กัน 6 คน

ตอนเอาเงินไปวางมัดจำ สมาชิกทุกคนที่อยู่ในบ้านมาพร้อมหน้าพร้อมตา เดินเข้าไปเชยชมบ้านด้วยกันอีกรอบ ก่อนจะขนของย้ายเข้า อ้วนกระซิบบอกเราว่า "รู้สึกแปลกๆ รู้สึกกลัวบ้านหลังนี้ ไม่เห็นน่าอยู่เลย บ้านหลังสีขาวน่าอยู่กว่าอีก" แต่ทุกคนชอบมาก และเราก็ชอบ ที่สำคัญวางเงินมัดจำไปแล้วด้วย อ้วนก็เลยไม่คิดอะไรอีก

วันแรกที่ย้ายเข้า กว่าจะเสร็จก็ดึก ก่อนนอน เราพาเพื่อนไปจุดธูปไหว้ขอขมาเจ้าที่ (เพราะพวกเราชอบปาร์ตี้เสียงดัง กินเหล้าอีก) และขอพักอาศัย ให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ส่วนขจรก็พูดปิดท้ายว่า "ถ้ามีอยู่จริงอย่ามาเข้าฝันนะ พวกหนูกลัว" เราก็หัวเราะกันไปไม่คิดอะไร

เริ่มครั้งแรกเลยคือ… เสียงบิดลูกบิด เหมือนจะเปิดประตูเข้าไปแต่เข้าไม่ได้ เสียงนี้มีทุกวันๆ ประมาณ ตี 2-3 และเป็นห้องขจรห้องเดียว ขจรชอบมาถามว่าใครมาแกล้ง แต่คือเราหลับกันหมดแล้วไง ส่วนห้องโซ่กับแซ่ นางไปปาร์ตี้ บางทีก็ยังไม่กลับ

จนวันนั้น เราก็ไปนั่งพิสูจน์ด้วยตัวเอง เราไปนั่งเล่นห้องขจร วันนั้นทั้งบ้านอยู่กัน 3 คน มีขจร เรา และอ้วน นั่งเล่นกันเรื่อย แล้วพอได้เวลาเสียงลูกบิดก็ดังอีก เราเห็นลูกบิดสั่นๆ แล้วก็เงียบไป แต่เราเปิดประตูไปดู กลับไม่มีใคร… พอเรารู้แล้วว่าเพื่อนไม่ได้แกล้งหรอก เรากับอ้วนเลยกลับห้องไปนอน เพราะอยู่มาจะ 2 อาทิตย์แล้ว ขจรชินแล้ว

วันหนึ่ง มีพี่ที่รู้จักแวะมาเที่ยวร้านเหล้าแถวนี้ เขาก็แวะมาหา แต่เราไม่ได้ลงไปหาเพราะเก็บกวาดห้องอยู่ แซ่และอ้วน สนิทกับพี่กลุ่มนี้ดีเลยลงไปข้างล่าง ไปพูดคุยด้วยตรงถนนหน้าบ้าน ซึ่งเราอยู่ห้อง A เปิดประตูห้อง เวลาเดินไปเดินมา คนข้างล่างแหงนหน้าขึ้นมาก็เห็น เราเดินไปตรงระเบียง และไหว้ทักทายพวกพี่เขา แล้วเดินมากวาดห้องต่อ

อ้วนเดินขึ้นห้องมาหลังจากที่ทุกคนกลับไปแล้ว อ้วนเล่าให้ฟังสั้นๆ แต่ทำให้เราขนลุกได้

อ้วน : เมื่อกี้พี่1 ถามว่า เธออยู่กับใคร เราก็บอกว่าอยู่กับ…(ชื่อเพื่อนทั้งหมด) พี่1 บอกไม่ใช่ๆ คนที่อยู่ในห้องกับแกวอ่ะ เพื่อนแกวหรอ?
เรา : เค้าก็อยู่คนเดียวหนิ – -"
อ้วน : ใช่ไง เค้าเลยบอกว่า แกวอยู่ในห้องคนเดียว แต่พี่1 บอกว่า ตอนแกวออกมาตรงระเบียง เพื่อนแกวก็เดินตามมา มายืนข้างๆ แกวเลย….

เราก็เอาแล้วๆ คืนนั้นเปิดไฟนอนเลยค่ะ

เรื่องเล่าจากกุญแจมือ…
คืนนั้นทั้งบ้านอยู่กัน 6 คน ห้อง B คืนนี้โซ่ไม่อยู่ กุญแจมือเลยไปนอนกับแซ่ ขจรก็นอนคนเดียว พวกเราหลับกันเร็วมากๆ ประมาณตี 3 เหลือแค่กุญแจมือที่ยังไม่หลับเพราะคุยโทรศัพท์อยู่ กุญแจมือบอกว่า ได้ยินเสียงผู้หญิงใส่รองเท้าส้นสูง เดินขึ้นบันไดบ้านมา เดินมาอย่างช้าๆ เลยคิดว่า เอ๊ะ โซ่กลับมาแล้วหรือเปล่า แล้วเมาลืมถอดรองเท้าเดินขึ้นบันไดมาเลยทักไป 

"โซ่ กลับมาแล้วหรอ"

แล้วก็เงียบ ไม่มีคนตอบ กุญแจมือภาวนาให้เป็นโซ่ ขอให้โซ่เปิดประตูเดินเข้ามา แต่ก็ยังเงียบเหมือนเดิม โซ่ไม่ได้เปิดประตูเดินเข้ามา แล้วบอกว่ากลับมาแล้ว ไม่มีใครเปิดประตู…

อยู่ๆ วันหนึ่งเราก็ฝันซะงั้น ในฝันมีผู้หญิงอวบๆ อุ้มท้อง มายืนรอเราหน้าบ้านตรงถนน แต่เราไม่ได้ลงไปหา เลยยืนคุยอยู่บนระเบียง

"ช่วยฉันหน่อย… ฉันตายที่ตรงนี้"

แล้วภาพก็ตัดไปเป็นเหมือนบ่อน้ำ มีหญ้าสูงๆ ล้อมรอบ เราก็เดินลงไปหาผู้หญิงคนนี้ รู้ตัวอีกทีอยู่หน้าบ้านแล้ว เรากำลังจะก้าวออกไป แต่ก็ยังไม่ทันได้ออก…

"อย่าออกไป!"

ผู้หญิงรูปร่างดีหน้าตาดีคนหนึ่งมายืนข้างๆ เรา ตรงรั้วประตูบ้าน ห้ามไม่ให้เราออกนอกบ้านไปหาผู้หญิงคนนั้น เราก็ยืนนิ่งๆ ทำหน้างงๆ ทำท่าจะเปิดประตูให้ผู้หญิงอุ้มท้องเข้ามาในบ้าน แต่ผู้หญิงที่ยืนข้างๆ เรากลับบอกว่า

"ไม่ให้เข้า! กลับไปซะ!!" แล้วก็พูดวนๆ อยู่อย่างนี้ 

แล้วเราก็สะดุ้งตื่น ตื่นอีกทีก็เช้าแล้ว รีบดูนาฬิกา ประมาณ 7 โมง แล้วปลุกอ้วนทันที เราเล่าความฝันให้ฟัง อ้วนก็บอกประมาณ เอาน่าๆ เขามาขอส่วนบุญหรือเปล่า ส่วนผู้หญิงที่ยืนข้างๆ เรา ถ้าให้เดาน่าจะเป็นผู้หญิงที่อยู่ในบ้านหลังนี้ เหมือนเป็นเจ้าที่

แต่เราก็ฝันแนวๆ นี้บ่อยนะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะชอบสวดมนต์หรือเปล่า แต่เวลาสวดทีก็เกือบๆ 2 ชั่วโมงเลยค่ะ สวดชุดใหญ่ + นั่งสมาธิ +แผ่เมตตาอีก (ยอดพระกัณฑ์,ชินบัญชร) แล้วก่อนสวดเราจะพูดเสมอว่า 

"เราจะสวดบทสวดมนต์ ขอให้ภูติผีปีศาจชั้นต่ำทั้งหลายจงรับทราบ หากผู้ใดชอบฟังเอาบุญกุศล ก็ให้ตั้งใจฟังโดยเคารพ แต่ถ้าผู้ใดฟังแล้วทรมานก็ให้หลีกไปที่อื่นก่อน เรามิได้สวดเพื่อขับไล่ใคร แต่สวดเพื่อสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณเท่านั้น"

วันหนึ่งพวกเราก็นัดกันไปกินปลาเผานอกบ้าน นั่งเล่าเรื่องแปลกๆ ที่เกิดขึ้น สรุปแล้วก็น่าจะเป็นผู้หญิงคนเดียวกัน เพราะโซ่กับแซ่ ชอบเห็นแว้บๆ เดินไปมาชั้นล่าง แต่พวกนางจิตแข็ง และไม่ค่อยอยู่ที่บ้านเท่าไหร่เลยไม่กลัว

"อ๋อแก เค้าตั้งชื่อให้แล้วว่าพี่กิ๊ก เวลาไปเรียน เลิกเรียน เค้าก็จะบอกพี่กิ๊กอ่ะ ว่าวันนี้กลับดึกนะพี่"

ทุกคนก็มองหน้ากันประมาณว่าไปตั้งชื่อให้เค้าทำไมangryangry

ตอนที่พวกเราอยู่พวกเรา ปิดตายห้องครัวและห้องน้ำชั้นล่างไปเลยค่ะ แล้วรีบวิ่งผ่านขึ้นข้างบนกันไวๆ เพราะเหมือน "พี่กิ๊ก" เค้าจะอยู่แถวๆ นั้น แล้วห้องครัวนี่ก็มีหน้าต่างที่เป็นกระจกใสบานคู่อยู่ทำให้เห็นข้างในได้ชัด วันดีคืนดีก็เห็นแว้บๆ กันไปตามๆ เดินไปมาบ้างอะไรบ้าง

แต่พวกเราก็อยู่มาได้ เพราะรู้สึกว่าพี่เขาคุ้มครองพวกเรา ดูแลพวกเราอยู่ รั้วบ้านไม่เคยปิด รถมอไซค์จอดอยู่ก็หลายคัน ประตูบ้านไม่เคยล็อก แต่กลับไม่มีโจร ทั้งๆ ที่ข้างบ้านรั้วปิดหมด แต่โน้ตบุ๊คและรถหาย…

แต่ถ้าเอาจริงๆ แล้วเราว่าคนที่เจอแบบจังๆ สุดก็น่าจะเป็นแซ่ เพราะวันนั้นเป็นช่วงปิดเทอม ไม่มีใครอยู่บ้านเลย ยกเว้นแซ่ต้องไปเค้าค่ายสันทนาการ ทำให้ต้องอยู่บ้านคนเดียว 3 วัน คืนก่อนไปค่าย… แซ่นอนป่วยอยู่ในห้อง กินยาไป แล้วหลับตั้งแต่เย็นๆ ไปจนถึงตอนมืด เพราะสิ่งที่ทำให้แซ่ตื่นคือ "เสียงฮัมเพลง" พี่กิ๊กมานั่งข้างๆ เตียง มองหน้าแซ่ แล้ว "ฮัมเพลงกล่อมให้หลับ" ต่อให้แซ่จะเห็นแว้บๆ จนชินแค่ไหน แต่ในนาทีนั้นแซ่บอกเลยว่ารีบคลุมโปงแล้วหลับตาปี๋ทันที

พวกเราอยู่ได้ประมาณ 7 เดือนก็ย้ายออกกันไป ภาวนาแค่ว่าถ้าจะมีคนมาอยู่ใหม่ก็ทำตัวน่ารักๆ กันหน่อย เพราะก่อนย้ายออก ขจรได้ถามเจ้าของบ้านว่าทำไมคนเก่าย้ายออกไป… 

"ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน" แกพูดยิ้มๆ แล้วมองทางอื่น ไม่ยอมหันมาสบตาพวกเรา
"แล้วเขาอยู่นานไหมครับ"
"ไม่กี่เดือนเอง…"

ขอพักเบรคไปที่หอของรุ่นพี่นะคะ ระดับความน่ากลัวของสถานที่เอาไป 5 กะโหลกเลย แต่สำหรับเรื่องราวของที่นั่นเอาไป 1 กะโหลกพอค่ะ เพราะเราเองก็ไม่ได้เจอจังๆ ปังๆค่ะ 

5. ชั้น 2
หอนี้ตั้งอยู่แถวๆ สามแยก ถ.มาบมะยม หัวมุมปัจจุบันเป็นร้านสเต็กค่ะ

ครั้งแรก วันที่ 7 ก.ค. ที่เราไปเยือนหอพี่ บรรยากาศยิ่งกว่าหอบุปผาอีกกกกกกกsurprisesurprisesurprise

"พี่ๆ อยู่หอนี้เคยเจออะไรไหม"
"ไม่เลยๆ พี่ก็อยู่ปกติ ไม่มีอะไร"

เรากับอ้วนมองหน้ากัน เหมือนการ์ตูนกล้วยหอมจอมซน

"คิดเหมือนกันไหมบี1"
"ฉันก็คิดเหมือนเธอเลยบี2"

คืนนั้นเราก็นั่งเล่นหอพี่จนตี3 แล้วก็ไปคณะเพื่อวิ่งเขาในวันที่ 8 ค่ะ (มหาลัยเรา… วันที่ 8 กรกฎาคม ของทุกปีคือวันสถาปนามหาลัย จะมีประเพณีวิ่งเขาสามมุก ใครไม่วิ่ง ไม่จบ รุ่นพี่ชอบขู่ ฮ่าๆๆlaughlaughlaugh)

คืนวันที่ 7 ห้ามออกไปไหนนะ! จะมีตัวตายตัวแทน!! เป็นคืนวันปล่อยผี เด็กหอในจะรู้ดีว่าต้องทำยังไง

"ห้องนี้เต็มแล้วค่ะ/ครับ"

เด็กหอในจะเขียนป้ายแปะประตูเพื่อไม่รับแขกที่ไม่ได้เชิญในคืนนั้นlaughlaughlaugh

สรุปวันนั้นเราก็ไม่ได้เจออะไรค่ะ

ช่วงใกล้จะปิดเทอม…
ในชั้น2 ของเฟสที่พี่เราอยู่
"มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งผูกคนตายในห้อง" เธอช้ำรัก… เฮี้ยนไหม? เราไม่รู้ แต่ไม่ถึงเดือน คนที่พักชั้นนั้นย้ายออกไปหมด อาจจะเพราะกลัว เพราะรู้สึกไม่ดีหรือเปล่าเราไม่รู้…

แล้ววันนั้นเราไปหาพี่ตอนตี3 ไปเอาเงิน (เพราะยืมเงินพี่เขา)
ขาขึ้นไป… ทุกอย่างก็ปกติดี ในใจก็หวั่นๆ ต่อให้ไม่รู้ว่ามีคนตาย ก็น่ากลัวอยู่แล้ว มีที่ไหน หอประหยัดไฟ ไม่เปิดไฟทางเดิน เวลาจะเข้าห้องต้องอาศัยแสงไฟจากลิฟท์เพื่อไขประตู

ขาลง… เราขอให้พี่ลงมาส่ง เพราะกลัวมาก 
เฮ้ยยยย!! ประตูลิฟท์เปิดเองชั้น2 มองจากในลิฟท์คือน่ากลัวมากๆ ทางเดินที่ไม่มีไฟ ไฟจากลิฟท์ที่สว่างๆ แล้วมองไล่ทางเดินไป ค่อยๆ มืดลง มาเปิดในชั้นที่ไม่มีคนอยู่…
เปิดในชั้นที่มี ผญ. ผูกคอตาย!!

ลิฟท์ปิดสิๆ เรากดนิ้วจิ้มรัวๆ คือเราไม่ได้อยู่หอนี้ เราไม่ชิน เรากลัว เราจิตตก ไม่นานนักลิฟท์ก็ปิดลง พอเราลงชั้น 1 เรารีบลาพี่แล้วกลับบ้านเลย

หลังจากเกิดเหตุประมาณ 1 เดือน ที่หอพี่เขาก็ทำบุญ มีชวนเราไปด้วยนะsurprisesurprisesurprise เราถามเขาไม่กลัวหรอ แต่พี่เขาก็เฉยๆ เราถามทำไมไม่ย้ายออก เขาบอกจะเรียนจบแล้ว ย้ายอีกทีคือกลับบ้าน

เราสงสัยเรื่องอยู่หนึ่งเลยถามอ้วน… ผีย้ายชั้นได้ไหม หรือตายชั้นไหนแล้วอยู่ชั้นนั้น?

จนเราย้ายมาหอจับกัง เราว่าเราพอได้คำตอบบ้างแล้ว…
เมื่อต้องหาที่อยู่ใหม่ ครั้งนี้เราเลือกเป็นหอค่ะ ตอนค่ำๆ เราก็ขับรถหาหอหลายหอ เพราะถ้าหาตอนกลางวันไม่ไหว อากาศก็ร้อน ขับรถตากลมตอนกลางคืนสบายๆ ถ่ายรูปหอพัก พร้อมเบอร์ พรุ่งนี้ค่อยโทรไปถามดีกว่า เรากับอ้วนขับรถมาเรื่อยๆ เห็นซอยๆ หนึ่ง (ปัจจุบันเป็นหน้าปากซอยร้านข้าวแกงค่ะ) 

หอตรงแถวนั้นเป็นอาคารพาณิชย์หมดเลย เลี้ยวเข้าไปดูซอยแรก กำลังถ่ายรูปกันอยู่ดีๆ ตรงป่าหญ้า อ้วนดันตาดีไปเห็น ผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่แล้วก็หายไป อ้วนเลยรีบสะกิดเรา แล้วบอกสิ่งที่เห็น พอบอกเสร็จเราก็รีบขับรถออกมาจากซอยนั้น ขับไปดูซอยอื่นๆ เอ๊ะ! อาคารพาณิชย์ใหม่ สวยดีอ่า เป็นกระจกด้วย น่าสนใจแฮะ ที่จอดรถก็กว้าง ปกติอาคารพวกนี้ที่จอดรถแคบจะตาย – -"

หลังจากที่ถ่ายรูปเสร็จ เราทั้งคู่ก็ขับรถตรงมา ปรากฏว่าทะลุซอยหมี่จับกังมาค่ะ ใกล้ซอยลีลาและซอยสดใสดีด้วย ของกินก็เยอะ แถมใกล้ประตูมออีกต่างหาก

แท่แด๊~ อีก 2-3 วันถัดมา ขจรบอกว่าจะมาดูหอด้วย วันนั้นมาตอน 11 โมง เหมือนมีพนักงานขนเฟอร์นิเจอร์เข้าหอ มีพี่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งเรียกเรา

"น้องๆ มาดูหอกันใช่ไหม"

พี่เขากวักมือเรียกพวกเรา

พี่เขาพาพวกเราดูหอแถวนั้น เหมือนพี่เขาเป็นพนักงานดูแลหอ พาไปดูหลายตึกเลยค่ะ สุดท้ายเราก็ได้ตึกที่ถูกใจที่สุด และเราในที่นี้หมายถึงขจรอยู่อีกห้องหนึ่ง เราและอ้วนอยู่ด้วยกันอีกห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องตรงข้ามกัน – -"

ที่ติ๊กถูกคือห้องที่มีคนอยู่นะคะ

bp6

6. 301
เราขอเล่าเรื่องในห้องของขจรให้ฟังก่อนละกันค่ะ
ขจรพักอยู่กับโซ่ แต่ส่วนใหญ่แล้วโซ่ไม่ค่อยอยู่ เพราะว่านางไปอยู่กรุงเทพบ้าง กลับมาที่นี่บ้าง ขจรเลี้ยงปอมน้อยอยู่ 1 ตัว ชื่อเปี๊ยก เปี๊ยกชอบมีพฤติกรรมแปลกๆ คือ มองกระจกในห้องน้ำแล้วเห่า บางทีก็ชอบไปนั่งมองกระจกหน้าห้องน้ำแล้วส่ายหาง

ในคืนหนึ่งที่โซ่และน้ำแข็ง(เพื่อนอีกคนในกลุ่ม) ลงมาจากกรุงเทพ กลับมาที่ห้อง301 ด้วยความที่โซ่และน้ำแข็งเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ จะนอนด้วยกันบนเตียง 3 คนก็อึดอัด (เตียง 5 ฟุตค่ะ) โซ่และน้ำแข็งเลยเสียสละนอนพื้นเอง บางทีนอนที่พื้นอาจดีกว่านอนที่เตียงก็ได้

ในกลางดึก…โซ่เล่าว่า โซ่เหมือนรู้สึกแปลกๆ เลยตื่นขึ้นมา แต่ไม่ได้แบบลืมตาโพลง! เหมือนคนงัวเงียแล้วค่อยๆ ลืมตา โซ่มองเห็นเป็นเงาดำๆ นั่งก้มหน้า อยู่ปลายเท้าขจร

bp7

นึกถึงคำปู่ย่าตายาย เคยเตือนไว้ว่าอย่านอนตอนพลบค่ำ อย่านอนตอนตะวันกำลังตกดิน เราว่าบางทีขจรก็ควรฟังบ้าง… ขจรเล่าว่า ฝันว่าตัวเองอยู่ในบ้านทรงไทยหลังหนึ่ง เดินไปรอบๆ บรรยากาศบ้านมืดๆ แต่ก็พอมองเห็นเงาดำๆ ยืนอยู่ แล้วในตอนนั้นเองขจรก็รู้สึกเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น รู้สึกหนักๆ บริเวณหน้าอก… ก็ว่าและทำไมรู้สึกแบบนี้ที่แท้มีเงาดำมืดมานั่งคร่อมทับหน้าอกนี่เอง เงาดำนั้นหันหน้าเบือนไปทางห้องน้ำ ดีนะที่ไม่เห็นหน้าหน่ะ

"สวดมนต์สิ… สวดมนต์ซิ…"

เสียงนั้นดังก้องอยู่ในหัวของขจร เหมือนขจรจะเริ่มได้สติ  นึกถึงพระที่ตัวเองห้อยอยู่ที่คอ ขจรพยายามสวดมนต์ ท่องนโม… แต่ล่ะคำกว่าจะเอ่ยขึ้นได้ยากเหลือเกิน… แล้วขจรก็สะดุ้งตื่น

7. 302
ใครว่าหอใหม่จะไม่มีอะไร? (เราไง – -")
หอพักเปิดใหม่… คนก็ยังมาอยู่ไม่เต็ม
เป็นคนลอกพลาสติกออกจากเฟอร์นิเจอร์เองแท้ๆ แต่กลับมีแหตุการณ์แปลกๆ มาให้หงุดหงิดใจอยู่เรื่อย

bp8

ห้องเราเลี้ยงน้องหมา แต่เป็นพันธุ์ใหญ่กว่าไอ้เปี๊ยก ชื่อ "มอด" เราแอบเลี้ยงมอด เพราะหอนี้มีแค่บริษัทดูแล สาวเจ้าของหออยู่กรุงเทพ ไม่ได้มาสนใจอะไร ห้องฝั่งหลังไม่ได้เหมือนห้องฝั่งหน้า ห้องแคบกว่า แต่ระเบียงยาวกว่า เราฝึกมอดให้ขี้เยี่ยวในห้องน้ำ เราเลยไม่เคยปิดประตูห้องน้ำค่ะ

เรากับอ้วนเริ่มสังเกตว่ามอดมีพฤติกรรมแปลกๆ เหมือนเล่นกับใครบางคน ส่ายห่าง กระดิกหาง วิ่งวน เป็นหมาคึก เหมือนตอนที่เล่นกับเราและอ้วน

แล้วห้องที่เราอยู่ฝั่งข้างหลังพื้นที่ในห้องจะแคบกว่า มีบางครั้งที่เราและอ้วนเผลอไปเหยียบหางมอดบ้าง มอดก็จะ ร้องเอ๊ง! สะดุ้ง แล้วรีบม้วนตัวมาดูหาง เหมือนจะกัด นอกจากมอดที่ชอบทำเหมือนเล่นกับใครบางคนแล้ว มอดก็ยังชอบทำเหมือนมีคนมาเหยียบหางอีก

ครั้งแรก
ที่เราสังเกต เราก็ไม่ค่อยจะมั่นใจเท่าไหร่ว่าเป็น … หรือเปล่า แต่มอดคงคึกมั้ง ครั้งแรกเรื่องเหยียบหางวันนั้น เราแค่เดินผ่านมอด มอดก็ทำเหมือนมีคนเหยียบ

"ตัว ตัวเหยียบหางลูกหรอ" เราถามอ้วน
"เค้าป่าว.. เค้าเดินผ่านเฉยๆ ไม่ได้เหยียบเลย"

สงสัยมอดคงระแวงไปเองมั้ง

ครั้งที่2
ไม่มีใครอยู่ใกล้มอดซักคน แล้วมอดนอนหลับอยู่ ก็เป็นอีกแล้ว… ครั้งนี้เรา 2 คนมองหน้ากัน แล้วถามว่า "มอดเป็นไรลูก" มอดก็กระโดดขึ้นมานอนบนเตียงข้างๆ เราแล้วหลับต่อ มอดเป็นแบบนี้หลายครั้งมากๆ ถ้าเราไม่เคยมีประสบการณ์เจอเรื่องแบบนี้ เราคงคิดว่าลูกเราเป็นหมามีอาการทางประสาทแน่ๆ ความรู้สึกเหมือนเรามีลูกชายวัย 4-5 ขวบ แล้วลูกชายชอบเล่นคนเดียว พูดคนเดียว บางทีเหมือนมีคนมาดึงผมลูกเรา แกล้งลูกเรา แบบนั้น

แล้วตั้งแต่ย้ายมาอยู่นี้ ชอบมีคนมาเคาะประตูห้อง ก๊อก…ก๊อก…ก๊อก….
"ขจรหรอ" เราก็รีบไปเปิดประตู … อ่าว – -" ไม่มีคนเปิดประตู ไปห้องขจรนางก็นั่งเล่นคอมอยู่ เราเลยไปถามว่า "เคาะห้องมีไรป่าว"
"แก ข้าไม่ได้เคาะ ยังไม่ได้ลุกออกจากคอมเลย" เราก็เลยไม่อะไร คิดว่าคนมาเคาะห้องผิด

พอวันต่อมาก็เอาอีกละ "ก๊อก…ก็อก…ก๊อก…" เปิดประตูไปไม่เจอใคร ไอ้ขจรมันต้องแกล้งเราอีกแน่ๆ ครั้งนี้จะด่าให้ ยิ่งหลอนๆ เรื่องมอดอยู่ 

อ่าว… ห้องล็อก ขจรไม่อยู่ห้อง สงสัยคงจะมีคนเคาะผิดอีกแน่ๆ เราก็กลับเข้าไปในห้อง นั่งจ้องประตูกับอ้วน มองตรงช่องประตูข้างล่าง 

"ก๊อก….ก๊อก….ก๊อก…"

ไม่มีเงาคนเดินผ่าน อ้วนรีบเปิดประตูออกไปดูก็ไม่มีคน หลังๆ เราก็เริ่มชิน ปนหงุดหงิด ทั้งมอด ทั้งเสียงเคาะ ที่มันดังมาเป็นช่วงๆ มาเคาะวันละ 4-5 ครั้ง คงว่างมากกกกก หลังๆ ถ้าไม่มีคนบอกให้เปิด ก็จะไม่เปิด

จนวันนั้นเราสุดจะทน
ช่วงประมาณ 4 โมงเย็น เราก็อาบน้ำสระผมอยู่ เปิดเพลงสากลฟัง อาบน้ำไปร้องเพลงไป แฮปปี้อ่ะ แล้วเวลาเราอาบน้ำจะไม่เคยปิดห้องน้ำ เพราะมอดชอบมานั่งเฝ้า นอนเฝ้าหน้าห้องน้ำ กำลังจะอาบเสร็จเลย ช่วงที่ล้างผมอยู่ มอดก็ลุกจากหน้าห้องน้ำ ส่วยหางดิ๊กๆ ไปที่เตียง เหมือนอ้วนจะกลับมาแล้ว เพราะอ้วนมาเบาเพลงเรา มาเล่นกับมอดบนเตียงเหมือนทุกครั้ง

"อ้วน กลับมาแล้วหรอ" ไร้เสียงตอบ…
"มาเบาเพลงเค้าทำไม"
อ้วนก็ไม่ตอบ…

พอเราล้างผมเสร็จ ก็เลยเดินไปดู ไม่มีอ้วน… ห้องก็ล็อกปกติ… โซ่คล้องห้องยังคล้องอยู่เลย เราเดินไปเร่งเสียงเพลงให้ดังขึ้น มองหน้ามอดที่เหมือนเล่นกับใครอยู่บนเตียง กลัวก็กลัว.. มองดูนาฬิกาใกล้จะ 5 โมงแล้ว อ้วนจะกลับมาแล้ว เราเลยเดินไปอาบน้ำต่อ อาบเสร็จนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมานั่งตรงเตียง มองไปที่ประตูรออ้วนกลับมา

"ก๊อก…ก๊อก…ก๊อก…." ตรงช่องประตูไม่มีเงา ครั้งนี้เว้นช่วงไม่นาน ไม่กี่นาทีต่อมาก็…
"ก๊อก"

เสียงก๊อกครั้งแรกเอาวะ! ครั้งนี้เป็นไงเป็นกัน ลองก้มลงดูที่ช่องประตู ถ้ามันก้มแล้วจะไปสบตาใครซักคู่ก็เอา เอาให้มันรู้แน่ๆ เลยว่ามีผี เรามองลอดไป แต่มีขาคน… ไม่มีเงา…

เราตกใจมาก เพราะเสียงดังเคาะห้องมันยังดังอยู่ เราดีดตัวขึ้น เดินมานั่งเอามือทาบอก อยู่บนเตียง นั่งมองไปที่ประตู คราวนี้เสียงเคาะมันดังขึ้นอีกครั้ง เราตัดสินใจรีบเปิดประตูดูก่อนเสียงเคาะครั้งที่2 จะจบลง เปิดประตูไป ไม่เจอใครเลย หันมองซ้าย มองขวาก็ไม่เจอ

เรานั่งอยู่บนเตียง รอจนอ้วนกลับมาแล้วคุยกัน เราเล่าเรื่องนี้ให้อ้วนฟัง เราทนไม่ไหวแล้ว ลองขอพี่ที่ดูแลหอย้ายขึ้นชั้นบนเถอะ ย้ายไป501 เถอะเผื่อจะไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีก เพิ่งมาอยู่ได้เดือนเดียว ถ้าจะย้ายไปที่อื่นก็ไม่รู้จะหาหอที่แอบเลี้ยงหมาได้ไหม แล้วเงินมัดจำก็ไม่มีไปหอใหม่อีก บางทีย้ายไปข้างบนอาจจะไม่มีก็ได้

และมันก็แค่อาจจะ…

8. 501
ฮัลโหลลล~ ห้องใหม่ (แต่หอเดิม) นั่งจัดห้องแต่งห้องกันซะเหนื่อยเลย หวังว่าจะไม่มีอะไรมากวนใจอีกนะ คืนแรกเหนื่อยมาก… หลับสนิททั้งคืนไม่มีอะไรกวนใจเลย

แต่มันเริ่มในคืนต่อมานี่เอง…

บางทีการที่เรานอนบนเตียงแต่มองเห็นกระจกนี่ก็หลอนๆ ดีนะ คงไม่ใช่แค่เราแล้วมั้งที่เวลานอน แล้วสายตามันอดเหลือบมองกระจกในห้องน้ำไม่ได้

"มอดชอบนอนมองกระจกจังเลยลูก"

แล้วชอบส่ายหาง บางทีก็เห่า จะว่ามอดไม่ชินกระจกก็ไม่ใช่ ไม่ชินเงาตัวเองก็ไม่ใช่ ในกระจกมันมีอะไรหรือเปล่า… ทำไมบางทีชอบเห่าขู่กระจก มอดทำให้แม่เริ่มจิตตกอีกแล้วนะลูก

"ตึ๊งๆๆๆ!!!"

เดี๋ยวนะ – -" ตึกข้างๆ นี้เขาเป็นไรอ่ะ ชอบมาเคาะกำแพงห้องน้ำ นี่ไม่เจ็บมือหรือเนี่ย มาเคาะทุกวี่ทุกวัน วันล่ะหลายๆ รอบ หลังๆ รำคาญแล้ว มอดก็ชอบมองกระจกแล้วเห่าขู่อีกต่งห่าง เหมือนจะกระโจนกัดใครซักคนอย่างนั้นแหละ

"ใครซักคน…??" คิดมากนะเรา

เรากับอ้วนเลยตัดสินใจโทรไปหาพี่ที่ดูแลหอ รายงานเรื่องหอข้างห้อง (แถบนั้นเหมือนจะจ้างบริษัทนี้ทั้งนั้นค่ะ) เคาะอยู่ได้ทั้งกลางวันกลางคืน วันนี้ก็เคาะ เคาะทั้งวัน

"พี่คะ คือข้างๆ ห้องหนูอ่ะค่ะ หอข้างๆ ที่ติดกันชั้น 5 ชอบเคาะห้องน้ำ เคาะทุกวันเลยค่ะ"
"ได้ค่ะ เดี๋ยวพี่โทรบอกข้างห้องให้"

"น้องคะ พี่โทรไปถามมาแล้วนะคะ 
น้องห้องนั้นบอกว่าวันนี้ไม่มีคนอยู่ห้องนะ น้องแน่ใจหรอ น้องอาจหูฝาดก็ได้ค่ะ"

เฮ้ออออออ~ ได้ยิน 2 คน มันจะไปหูฝาดได้ยังไง

มีคืนหนึ่ง เรากับอ้วนก็นั่งเล่น นั่งคุยกัน ทำอะไรเรื่องเปื่อย หลังจากดูหนัง เรื่อง "คนไล่ผี" เสร็จ เราก็นึกสนุกอยากจะท่องบทไล่ผีของศาสนาคริสต์เล่นบ้าง เราก็ไปค้นหาในอากู๋

"เดชะพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า พระเจ้าและองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เดชะคำเสนอวิงวอนของพระนางมารีย์ผู้นิรมล พระมารดาของพระเจ้า อัครเทวดามีคาเอล…."

(เรานับถือพุทธนะคะ แต่แค่ลองท่องเล่นๆ แบบในหนัง)

เราจำได้คร่าวๆ ว่าท่องประมาณนี้ เพราะยังท่องไม่ทันจบ เสียงจากชั้นบนสุดก็ดังขึ้น เริ่มจากเสียงกุกๆ กักๆ และเสียงคนกระทืบเท้าตามมาจากชั้นบนสุด 

อ่าว… เราอยู่ชั้นบนสุดนี่นา มีคนขึ้นไปที่ดาดฟ้าหรอ ดึกขนาดนี้ใครจะขึ้นไปล่ะ?? ไม่ได้ยินแค่คนเดียวด้วย อ้วนก็ได้ยิน เราหยุดสวดทันที แล้วรีบคลุมโปงนอน

เช้าวันต่อมาก่อนเราไปเรียน เราก็ลองสังเกตบันไดที่จะปีนไปดาดฟ้าดู แต่มันล็อคไว้ แล้วใครล่ะจะขึ้นไป คนหรือผี?

มอดเองหลังจากย้ายมาห้องนี้อาการทำท่าเหมือนเล่นกับใครไม่มีแล้ว มีแต่ชอบมองกระจกแล้วขู่ อาการเหมือนโดนเหยียบหางก็ยังมีอยู่ 

อ้วนเล่าให้เราฟังว่า วันนั้นเราไม่อยู่เราไปเรียน อ้วนอยู่ห้องคนเดียว ตอนนั้นกำลังหลับอยู่

"แกร๊กๆ" เสียงลูกบิดประตูดังขึ้น…จากนั้นก็เสียงเหมือนเดินเข้าห้อง ถอดรองเท้า เก็บรองเท้า เหมือนเราปกติเวลาที่เลิกเรียนปกติ
"ตัวเอง ทำไมวันนี้ตัวกลับเร็วจังอ่ะ เลิกไวหรอ" 
อ้วนพูดทั้งๆ ที่ตัวเองยังนอนคลุมโปงอยู่

แล้วก็ปกติ ถอดรองเท้าเสร็จ ก็วางกระเป๋าไว้บนโต๊ะคอม…

เอ๊ะ!! ทำไมแกว(เรา) ไม่ยอมตอบนะ แปลกๆ เหนื่อยหรอ เลยไม่ยอมพูด ทำไมเงียบไปนานจัง… อ้วนตัดสินใจค่อยๆ เปิดผ้าห่มออกดู แต่ก็ไม่มีเรา… แกวยังไม่ได้กลับห้อง อ้วนบอกเราว่าอ้วนรีบคลุมโปงทันที นอนขดตัวอยู่บนเตียงแล้วรอเรากลับมา เหตุการณ์แปลกๆ พวกนี้ก็ยังเกิดขึ้นเรื่อยๆ ตราบใดที่ยังไม่มาให้เห็นเป็นตัวเป็นตน เราก็ชิน ก็อยู่ได้อ่ะ

อยู่มา 8 เดือน (รวมกับห้องข้างล่างแล้ว)
เราได้ย้ายออก เพราะวันนั้นเจ้าของหอมาตรวจ แล้วมอดเห่า เขาเลยบอกว่า "ถ้าไม่เอาหมาออก คนก็ต้องออก" เราเลยตัดสินใจย้ายออก ทิ้งลูกไม่ได้หรอก 

คราวนี้ได้หอที่เลี้ยงลูกได้ อยู่หน้ามอ บรรยากาศดี ศาลพระภูมิใหญ่ มีพ่อท้าวเวสสุวรรณด้วย คงปลอดภัย และก็ปลอดภัยจริงๆ เราอยู่มาจนตอนนี้ขึ้นปี 4 แล้ว เจอหอที่ถูกใจแล้วล่ะค่ะ

แต่เรื่องเห็นอะไรพวกนี้ก็ยังไม่หยุดสักที ที่หนักๆ เลยคือช่วงทำซุ้มรับปริญญา เราชอบเจอในมอแต่ก็สมควรเจอนั่นแหละ -..-" เราสงสัยนะ ว่าสิ่งที่เราเจอบ่อยๆ นี่เราหมกหมุ่นหรือเปล่า… คิดไปเองหรือเปล่า… บางทีที่คนรอบข้างเขาเห็นเหมือนเรา เขาไม่ได้ทึกทักเองใช่ไหม…

คณะที่เราเรียนมีวิชาจิตเวช ยิ่งเรียน… ก็ยิ่งกลัวตัวเอง… เราถามอาจารย์ว่า "อาจารย์คะ คนที่เขาเห็นผี เขาเห็นจริงๆ หรือเขาเป็นโรคschizophrenia คะ?"

"นั่นสิ…เป็นคำถามที่น่าคิดนะ"

bp9

ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาจนถึงตอนนี้ "ประสบการณ์เรื่องหอพักที่เราย้ายหมดแล้วค่ะ ไม่มีต่อแล้ว" มีสมาชิกinbox มาถามเรื่องที่เจอในมหาลัย ยังอยากฟังกันอยู่ไหม? ถ้าอยากฟังก็อย่าเพิ่งลุกไปไหน เดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟังค่ะ…

ในมอที่เราเจอ
เจอ 2 ครั้งนะคะ ครั้งแรกคือช่วงแข่งสแตน (ข้างบนพิมพ์ว่าวันทำซุ้มรับปริญา ไม่ใช่นะคะ มานั่งนึกแล้วคือช่วงทำสแตน) ครั้งที่2 ฝึกขับรถยนต์ในมอ…

"ทุกที่ที่เราเหยียบ มันก็มีคนตายทั้งนั้นแหละ" ใครซักคนที่เรารู้จัก เคยพูดประโยคนี้
"คณะเธออ่ะ น่ากลัว เราไม่กล้าผ่านตอนกลางคืนเลย" สมัยปี 1
อ้วน พูดคำนี้กับเรา เพราะรุ่นพี่คณะอ้วนไปเล่าอะไรก็ไม่รู้

ก่อนวันแข่งสแตนเชียร์ เราต้องขนของเพื่อไปจัด ไปเตรียมก่อนแข่ง วันนั้นก็ดึกมากแล้ว ประมาณ 4 ทุ่ม เรา อ้วน และเพื่อนอีกคนขับรถ กลับเข้ามาที่สโมฯ (สโมสรนิสิต) เพื่อขนของรอบสุดท้าย อ้วนขับรถมาเรื่อยๆ ใกล้ถึงสโมฯ เราซ้อนคนกลาง อีกประมาณ 4-5 เมตร ก็ถึงสโมฯ

"โห… วันนี้คนในสโมฯ เยอะอ่ะ เต็มสโมฯ ไปหมดเลย"
"ห๊ะ!" อ้วนฮะเบาๆ เราก็ไม่สงสัยอะไร

แต่พอจอดรถแค่นั้นแหละ มีแค่รุ่นน้อง 2 คน นั่งวาดฉากอยู่ รุ่นน้องใส่เสื้อยืดสีดำ กางเกงวอร์มสีดำ เหมือนที่เราเห็นเลย… มีคนเยอะมากๆ อยู่แน่นสโมฯ ใส่ชุดสีดำ แต่เรามองเห็นหน้าไม่ชัดมากนัก เพราะเราไม่ได้ใส่แว่น แต่เราก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะเพื่อนเราที่มาอีกคนก็ไม่ได้สนิทอะไรมาก พูดไปจะตกใจเปล่าๆ

คืนวันแข่ง วันนั้นแข่งกันจนดึก แข่งเสร็จก็ประมาณตี1  เราเป็นหัวหน้าฝ่ายอุปกรณ์ ก็ต้องอยู่เก็บของ ดูความเรียบร้อย เราแบ่งของให้เพื่อนไปเก็บกันก่อน เก็บเสร็จแล้วก็กลับกันได้เลย เราจะอยู่เช็คของ เช็คความสะอาดก่อน

ของรอบสุดท้าย…
เราและอ้วนแบกของกันมาเก็บที่สโมฯ วังเวงจัง… "นึกถึงเมื่อคืนเลย" เราให้อ้วนดูของเก็บของตรงสโมฯ เก็บเสร็จอ้วนก็นั่งรอบนรถมอไซค์ ส่วนเราขนของบางส่วนไปไว้ด้านหลังสโมฯ จะมีสนามใหญ่พอจะที่เก็บเวทีที่หลีดใช้แข่งเต้นได้ เราก็ก้มวางของอยู่ เงยหน้าขึ้นมาอีกที ก็เจอคนใส่ชุดดำ มายืนตรงหน้า

เรากะพริบตาเร็วๆ เห็นอีกทียืนอยู่บนเวที บางคนยืนแอบหลบข้างเวที เรากะพริบตาอีกครั้ง มองซ้ายมองขวา สติตอนนั้นเริ่มหลุด มีคนยืนข้างหลังสโมฯ จาก 1 เป็น 2 และ ก็เป็น 10 ยืนนิ่งๆ มองเรา

เสียงอ้วนเรียนเราให้รีบขึ้นรถ เราได้สติรีบวิ่งไปหา แต่พอเห็นหน้าอ้วนแล้วก็ต้องหยุด… ความรู้สึกนี้อีกแล้ว… รู้สึกมีคนมองอีกแล้ว… หันขึ้นไปดูบนดาดฟ้าชั้น2 ของสโมฯ มีคนใส่ชุดดำ ประมาณ 3-4 คน เกาะรั้วระเบียงดาดฟ้า ก้มหน้าลงมามองพวกเรา อ้วนบอกเรา ขึ้นรถๆ ขึ้นรถไวๆ เค้าไม่ไหวแล้ว เราก็รีบขึ้นรถ แล้วรีบขับออกมาทันที

…………….

เราอยากฝึกขับรถยนต์ อย่างน้อยขับรถเป็นก็ยังดี
แล้วสถานที่ไหนล่ะ ที่เหมาะจะฝึกขับรถ ในมอเป็นไง? ฝึกขับได้ทั้งทางตรง ยูเทิร์น วงเวียน ทางโค้ง แล้วเลือกเวลาเหมาะๆ เวลาที่ไม่มีคนไง งั้นก็น่าจะประมาณเที่ยงคืนดีมั้ย?

เราก็ลองฝึกขับรถ รถที่ใช้ฝึกเป็นรถกระบะ เราเริ่มจากหน้ามอ ขับเรื่อยๆ ตอนขับในใจเราก็นึกถึงตรงสโมฯ คณะที่เราเจอครั้งนั้น แล้วไหนจะที่อ้วนเคยเห็นที่ตึกที่กำลังก่อสร้างข้างคณะครูอีก เฮ้ออออ จะมีไหมวะ จะเจอไหมวะ บรรยากาศในมอช่วงปิดเทอมนี่ก็น่ากลัว แฟนสอนขับรถนี่ก็ดุจริงๆ เลยนะ "ตัวเลี้ยวดีๆ สิ มีสติ กระจกอ่ะหัดมองบ้าง เวลาเปลี่ยนเกียร์ค่อยๆ ปล่อยคลัทช์" เราชอบทำรถดับ ฮ่าๆๆๆ

คราวนี้เราก็ขับรถไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าโรงแรมเทาทอง เออ… อ้วนบอกให้ขับรถแล้วมองกระจกนี่นา เราก็เลยมองกระจกหลัง ตอนนั้นอยากจะละมือจากพวงมาลัยมาพนมไว้มาก ตรงกระจกหลังที่เรามอง เราเห็นช่วงขาของผู้หญิง ที่เราเห็นเหมือนเขาใส่ชุดกระโปรงสีขาวยาวเลยเข่า ชุดขาดรุ่ยร่าย เปรอะเปื้อน แล้วช่วงขาก็มีเลือดเลอะเต็มไปหมด ยืนอยู่บนหลังรถกระบะ ตอนนั้นเราเหยียบเบรคทันที!

"อ้วน เค้าไม่อยากขับแล้ว เค้าอยากกลับหอ มาขับให้หน่อยนะๆๆๆ"

เราพูดเสียงสั่นๆ หน้าเหม่อๆ แล้วอ้วนก็เหมือนรู้งาน มาเปลี่ยนเราขับ แล้วพากลับหอทันที

********** เรื่องที่เราเจอในมอก็มีเท่านี้ค่ะ นี่เป็นครั้งล่าสุดที่เราเจอ*********
และอยากให้มีแค่นี้จริงๆ ไม่อยากเจอแล้ว เจอบ่อยๆ จิตก็ตก เราไม่เข้าใจเลยทำไมคนไม่เจอ นี่ก็ไม่เจอเลย แต่คนที่เจอดันเจอบ่อยๆ – -"

พอรถพ้นประตูมอ เราถามอ้วนว่ามีอะไร อ้วนบอกตอนกำลังรอเรา ความรู้สึกเหมือนมีคนมาอยู่ข้างหลัง แต่ไม่กล้าหัน แล้วก็รู้สึกเหมือนมีใครมองอยู่ตรงระเบียงชั้น2  แต่อะไรไม่รู้ดลใจให้หันขึ้นไปมอง… อ้วนเห็นเหมือนเรา มีคนกำลังมองเราจริงๆ ประมาณ 3-4 คน อ้วนเลยตะโกนเรียกเรา ตอนนั้นเรากำลังยืนเก็บของอยู่หลังสโมฯ อยู่

เฮ้อ… คนมีเซ้นส์ด้วยกันมาอยู่ด้วยกันนี่ก็หลอนดีนะ ส่วนขจรเองนางเป็นคนจิตอ่อน เกิดพุธกลางคืน รายนั้นส่วนใหญ่ชอบโดนอำ


ขอบคุณประสบการณ์จาก ล็อกอินนางสาว ไอติม เว็บไซต์http://pantip.com/topic/34005942/
เรียบเรียงใหม่โดย Thaijobsgov

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: