เพราะงานคือเงิน หลายคนจึงจำเป็นต้องเดินทางไกลเพื่อไปหางานทำ บางคนโชคดีได้ความก้าวหน้า ได้ลืมตาอ้าปากสมใจหวัง แต่ก็มีอีกหลายคนที่โชคร้าย เหมือนหนีเสือปะจระเข้ มีงาน มีเงินเดือนก็จริง แต่ชักหน้าไม่ถึงหลัง หลายๆ เดือนก็แค่พออยู่พอกินไปวันๆ ไม่เห็นความก้าวหน้า ซึ่งในจุดนี้บางคนก็อาจคิดที่จะเสี่ยงชีวิตต่อในเมืองกรุง แต่บางคนก็ขอยอมแพ้ กลับไปซบอกที่บ้านเกิดดีกว่า เพราะอย่างน้อยค่าครองชีพก็ไม่แพงมากเหมือนที่อื่น
เมื่อวันที่ 3 ต.ค.59 ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" เดินทางที่บ้านเลขที่ 15 หมู่ 12 บ้านธาตุสามัคคี ต.กุดจับ อ.กุดจับ จ.อุดรธานี หลังจากที่ได้ทราบว่าได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งได้เลิกจากไปขายแรงงานในโรงงานที่ จ.ชลบุรี กลับบ้านมาทำอาชีพ เลี้ยง “ลูกอ๊อด” หรือที่ชาวอีสานเรียกว่า “ฮวก” ขาย ซึ่งทำให้มีรายได้ดี เนื่องจากตลาดยังขาดแคลน
เมื่อไปถึงพบนายธนากร หอมดวง อายุ 26 ปี กำลังตักฮวกขายให้ลูกค้าในราคาขีดละ 40 บาท หรือกก.ละ 400 บาท ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่ฮวกมีราคาแพง 1 ครั้ง เนื่องจากเข้าหน้าหนาวกบเลิกผสมพันธ์ เตรียมจำศีล ทำให้มีฮวกจำนวนน้อย
นายธนากร เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้มีอาชีพเป็นช่างทำงานในโรงงานที่ จ.ชลบุรี มีรายได้ 9,000 บาท แต่ต้องเสียค่ารถ ค่าที่พัก จึงไม่มีเงินเหลือเก็บ จึงเดินทางกลับบ้านมาทำนา ทำไร่อ้อย และไร่มันสำประหลังรวม 15 ไร่ แต่เนื่องจากที่เป็นคนชอบใส่เบ็ดตกปลาตามทุ่งนาในเวลากลางคืน และไปหาซื้อลูกอ๊อดมาเป็นเหยื่อใส่เบ็ด ซึ่งมีราคาแพงและหาซื้อยาก จึงคิดมาเลี้ยงกบเพื่อเพาะลูกอ๊อดขาย ซึ่งก็พบว่ามีลูกค้าเป็นจำนวนมาก เพราะส่วนมากจะเป็นชาวบ้านที่นิยมใส่เบ็ด หรือตกปลา
นอกจากนี้ยังมีผู้นิยมรับประทานหมกฮวกด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่คนอีสานชอบกินและหา “ฮวก” ได้ยากด้วย เพราะต้องรอให้ฝนตกกบถึงผสมพันธุ์ออกไข่จนกลายเป็นลูกอ๊อดจึงจะได้กิน จึงทำให้ตอนนี้เขาไม่ต้องรอ สามารถมาซื้อไปหมกได้เลย
นายธนากรกล่าวต่อไปว่า ตนไปซื้อกบพ่อแม่พันธ์ เป็นกบพันธุ์บลูฟร๊อกผสมกบนาอายุ 3 เดือน มาคู่ละ 300 บาท จำนวน 30 คู่ นำมาเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ หรือบ่อดิน ให้มีน้ำในบ่อเล็กน้อย ส่วนอาหารจะให้อาหารปลาดุกอัดเม็ด จากนั้นเมื่อพ่อแม่พันธุ์พร้อมที่จะผสมพันธุ์กันแล้ว ก็ทำการแยกพ่อแม่พันธ์มาขังไว้บ่อใหม่ ที่มีน้ำขังลึกประมาณ 1 ฟุต ให้ผสมพันธ์กันแล้ววางไข่ จากนั้นจึงแยกพ่อพันธ์ออกจากบ่อ และเลี้ยงลูกอ๊อดหรือฮวก 15 วัน จึงตักมาขายได้ ช่วงเดือนมี.ค.– ก.ย.จะเป็นช่วงที่กบผสมพันธ์และมีลูกอ๊อดมาก จะขายราคาขีดละ 30 บาท หรือ กก.ละ 300 บาท ขายได้วันละ 30 ก.ก.
[ads]
นายธนากร กล่าวต่อไปว่า ส่วนเดือน ต.ค.ใกล้หมดฤดูฝนเข้าฤดูหนาว กบจะผสมพันธ์กันน้อย จะมีฮวกขายวันละ 10 ก.ก. แต่จะขายขีดละ 40 บาท หรือก.ก.ละ 400 บาท ตนจะเลี้ยงฮวก ขายเดือนละ 2 ครั้ง ทำให้ตนมีรายได้จากการขายลูกอ๊อด หรือฮวก เฉลี่ยเดือนละ 9,000-10,000 บาท นอกจากขายฮวกแล้ว ตนยังมีรายได้จากการขายกบขนาดเล็กอายุ 1 เดือน จะขายตัวละ 1 บาท ส่วนกบอายุ 3 เดือน จะขายปลีก กก.ละ 120 บาท ขายส่ง กก.ละ 120 บาท ส่วนพ่อแม่พันธ์จะมีอายุ 3 ปี จากนั้นก็จะเปลี่ยนพ่อแม่พันธุ์ใหม่
สาเหตุที่เลี้ยงกบพันธุ์บลูฟร๊อกผสมกับกบนา เพราะกับพันธุ์บลูฟร๊อกมีขนาดใหญ่ ส่วนกบนาพันธุ์พื้นเมืองมีขนาดเล็กแต่เนื้อแน่น แข็งแรง ทนต่อโรค ทำให้สามารถเลี้ยงเป็นกบพันธุ์เนื้อขายได้ราคาดี หากต้องการให้กบมีขนาดใหญ่ ให้กินอาหารเม็ดกบ แต่ถ้าอยากให้เนื้อแน่นไม่โตมาก จะให้กินอาหารปลาดุก ส่วนการทำให้กบผสมพันธุ์กัน ก็ทำง่ายๆ คือฉีดน้ำใส่สังกะสีทำให้เหมือนเสียงฝนตกและใช้แสงแฟลช กล้องถ่ายรูปให้เหมือนฟ้าแลบ จะทำให้กบผสมพันธ์กัน ใน 1 ปี จะขายลูกอ๊อด หรือฮวก ได้ 7 เดือน จากเดือนมีนาคม – ตุลาคม ส่วนฤดูหนาวกบจะจำศีล
นายธนากร กล่าวในตอนท้ายว่า เมื่อเปรียบเทียบระหว่างการไปทำงานที่โรงงาน กับอยู่บ้านเกิด เพื่อทำไร่ ทำนา และเลี้ยงกบ ขายทั้งลูกอ๊อด หรือฮวก และตัวกบแล้ว ตนคิดว่าอยู่ที่บ้านจะดีกว่ามาก บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อ แถมยังมีเงินเก็บอีกด้วย ทำให้ชีวิตดีขึ้นมาก อีกทั้งยังมีอาหารโปรตีนไว้กินตลอดทั้งปี ดังกล่าว
ข้อมูลจาก : khaosod.co.th
[ads=center]
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ