ฉันเป็นลูกคนเดียวที่เกิดในครอบครัวบ้านนอก พ่อแม่ก็มาจากฉันไปตั้งแต่ 8 ขวบ ฉันจึงถูกฝากเลี้ยงไว้กับญาติ ฉันจึงต้องย้ายไปอยู่บ้านคุณน้า ถึงจะเป็นเพียงการขอพักอาศัยชั่วคราว แต่คุณน้าก็รักและเลี้ยงดูแลเหมือนลูกแท้ ๆ ด้วยความที่ฉันตั้งใจเรียนและเรียนดี จึงทำให้ทุกคนอยากสนับสนุนให้ฉันเรียนต่อ
ลูกสาวของน้าอายุมากกว่าฉันหนึ่งปี เราสนิทสนมกันตั้งแต่ยังเล็ก อาจเรียกได้ว่าเหมือนเป็นพี่สาวแท้ๆเลย เมื่อโตขึ้นเราก็มักปรึกษาเรื่องส่วนตัวกันบ่อย ๆ พี่สาวเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตของฉัน ตอนฉันอายุ 19 ปี ได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยคะแนนดีเด่น แต่พี่สาวฉันสอบได้คะแนนไม่ค่อยดี จึงไม่ได้เรียนต่อในชั้นอุดมศึกษา จริง ๆ แล้วฉันก็เตรียมใจจะไม่ศึกษาต่อแล้ว เพราะอย่างไรเสียฉันก็ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของน้า และคงไม่มีสิทธิไปขอค่าเล่าเรียนจากใคร การได้เรียนจบแค่ชั้นมัธยมสำหรับฉันก็ถือว่าเป็นบุญมากแล้ว แต่พี่สาวเสนอความช่วยเหลือค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ โดยไม่ปริปากบ่นแม้แต่คำเดียวตลอด 4 ปีจนจบมหาวิทยาลัย
พูดได้ว่าที่ฉันมีทุกวันนี้ได้ ก็เพราะได้ความช่วยเหลือจากเธอ สิ่งที่ฉันพอตอบแทนได้ก็มีเพียงนำผลการเรียนดีเด่นของฉันไปให้เธอดูก็เท่านั้น จริง ๆ แล้วฉันได้รับทุนมหาวิทยาลัยตั้งแต่ชั้นปี 2 แต่พี่สาวยังคงโอนเงินมาให้ฉันทุกเดือน เธอบอกให้ฉันเก็บเงินไว้เพื่อใช้จ่ายซื้อของใช้ส่วนตัว หลังจากเรียนจบฉันได้เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยด้วยผลคะแนนยอดเยี่ยม ถือเป็นความภูมิใจครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของฉัน
เมื่อฉันทำงานครบ 3 ปี ก็ได้พบกับสามี ซึ่งเขาก็เป็นลูกกำพร้าเหมือนกัน เขาถูกเลี้ยงดูโดยคุณลุงคุณป้า เขาแก่กว่าฉัน 5 ปี และมีพร้อมทุกอย่างทั้งบ้านและรถยนต์ ฉันรู้จักเขาผ่านเพื่อนร่วมงาน ซึ่งในตอนแรกก็ไม่ได้ถูกใจอะไรนัก เพราะฉันก็ไม่ได้ต้องการจะคบกับใครในเวลานั้น และอีกอย่างฉันกำลังหาแฟนให้พี่สาวอยู่ เพราะฉันทำให้พี่สาวต้องทำงานหนัก และจนป่านนี้ยังไม่มีแฟน ด้วยเหตุนี้ฉันจึงไม่อยากมีแฟนก่อนพี่สาว ถือว่าเป็นการไว้หน้าพี่สาวด้วย แต่พี่สาวก็อยากให้ฉันลองศึกษาดูใจกันไป เพื่อความสุขของฉันเอง ฉันจึงตัดสินใจเริ่มคบหาดูใจ และแต่งงานกันในเวลาต่อมา
หลังจากนั้นไม่นานฉันก็ตั้งครรภ์ จนช่วงคลอดลูกพี่สาวฉันมาอยู่ช่วยดูแล แต่ผ่านไปได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ พี่สาวก็ขอกลับบ้านไปโดยไม่บอกเหตุผล และฉันก็ไม่ได้ถามอะไรมากมายนัก จนเวลาผ่านไปสองเดือน วันหนึ่งขณะที่ลูกกำลังนอนหลับ จู่ๆพี่สาวก็โทรมาฉัน เสียงในสายสะอึกสะอื้นคล้ายกับกำลังร้องไห้…
พี่สาวก็เล่าว่าตัวเองกำลังท้อง แต่เธอยังไม่แต่งงาน ฉันจึงบอกให้พี่สาวไปหาผู้ชายคนนั้น บอกให้เขารับผิดชอบ และเตรียมจัดแต่งงานให้ถูกต้องด้วย พี่สาวก็ได้แต่ร้องไห้และไม่ยอมบอกว่าใครเป็นพ่อของเด็ก ฉันคาดคั้นจนเธอตอบว่า “ พี่ขอโทษ… สามีของเธอเป็นพ่อของลูกพี่ ” ฉันจึงรู้ได้ความจริงว่าช่วงที่พี่สาวฉันมาพักอยู่บ้าน สามีได้แอบไปทำอะไรนอกลู่นอกทางกับพี่สาว พี่เอาแต่ร้องไห้ขอให้ฉันหย่าและยกสามีให้เธอ…
เธอเสียใจจนไม่อาจหาคำพูดใดมาเปรียบได้ แต่เธอเองเลือกที่จะเซ็นใบหย่าให้กับพี่สาว เพราะยังไงเธอก็ติดหนี้บุญคุณพี่สาวมากมาย จะว่าไปแล้ว ไม่ว่าใครเจอแบบนี้ก็ต้องโกรธทั้งนั้น แต่สำหรับพี่สาวที่มีพระคุณ คุณอาจโกรธไม่ลงก็เป็นได้ !
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ