ใกล้สิ้นเดือนเข้ามาทุกทีแล้ว เห็นหลายคนหน้าซีดหน้าเซียว เพราะเงินในกระเป๋าใกล้จะหมด แต่บางคนกลับใช้ชีวิตได้อย่างสบายๆ เหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาว แถมยังมีเงินไปกินของแพงๆ อีก นั่นเป็นเพราะเค้ามีนิสัยที่คนรวยเค้าทำกัน แล้วเราล่ะ? ถ้าอยากเป็นแบบเค้าต้องตัดนิสัยอะไรออกไปบ้าง ดังนั้น จึงมี 5 นิสัยที่คุณควรเลิกทำ หรือหนีให้ไกลห่าง ถ้าต้องการรวยมาฝากค่ะ มาดูกันซิว่ามีอะไรบ้าง
[ads]
1.ไม่ลงทุนให้เงินงอกเงย
หากคุณคิดว่าได้เงินเดินมาแล้วแบ่งกิน แบ่งใช้ ให้พอดีแต่ละเดือนก็พอ ขอบอกว่าคิดผิดอย่างมหันต์ค่ะ และหากจะหวังพึ่งแค่ดอกเบี้ยจากธนาคารก็คงไม่พอกินค่ะ เพราะดอกเบี้ยเดี๋ยวนี้น้อยนิดเหลือเกิน ลองเปิดใจสนใจการลงทุนแบบอื่นที่ช่วยให้เงินของคุณงอกเงย ไม่หยุดนิ่ง อย่าง บ้าน ที่ดิน อ๊ะๆ อย่าเพิ่งค้านนะคะว่า ลำพังจะให้เงินเดือนพอใช้แต่ละเดือนก็แทบจะแย่อยู่แล้ว จะเอาเงินที่ไหนมาลงทุนกับการซื้อ บ้าน และ ที่ดิน เดี๋ยวนี้เค้ามีกองทุนให้เลือกมากมายหลากหลายรูปแบบทั้ง LTM RMF และอื่นๆ อีกเยอะแยะให้เลือกลงทุน ซึ่งใช้เงินลงทุนไม่ได้มากมายอะไรเลย บางอย่างแค่ 1,000 บาท ก็ลงทุนได้แล้ว อยู่ที่คุณแล้วล่ะค่ะว่าจะยอมเปิดใจเรียนรู้การลงทุนรูปแบบต่างๆ หรือเปล่า อย่าลืมนะคะว่าเราทำงานหาเงินมาสายตัวแทบขาด หัดให้เงินทำงานช่วยเพิ่มเงินของเราให้มีมากยิ่งขึ้นจะเป็นไรไป จริงมั้ยคะ?
2.สินค้าไอทีออกใหม่เป็นต้องซื้อ
การอัพเดทอุปกรณ์ไอทีสมัยใหม่นั้นก็ดีอยู่ แต่ถ้าหากคุณไม่ได้มีเงินเดือนเป็นแสน เป็นล้าน ขอให้หยุดพฤติกรรมการเป็นเจ้าแม่ไอที ที่ไม่ว่า สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต ยี่ห้อไหน รุ่นไหน ออกมาใหม่ เป็นต้องสอยมาไว้ในครอบครอง ถ้าหากอยากรวย และไม่อยากลำบากตอนแก่ เพราะอุปกรณ์ไอทีเหล่านี้ไม่ใช่ถูกๆ บางอย่างราคาเท่ากับเงินเดือนทั้งเดือนเลยด้วยซ้ำ หากเผลอซื้อไป เป็นต้องได้กินแกลบ หรือไม่ก็เป็นหนี้บัตรเครดิตหัวโตแน่นอน แล้วพอซื้อมาถามว่าใช้ฟังก์ชั่นต่างๆ ในเครื่องได้ครบหรือไม่? ขอบอกเลยว่าคนส่วนใหญ่ ใช้ฟังก์ชั่นในอุปกรณ์ไอทีได้ไม่เคยครบซะที เพราะพฤติกรรมส่วนใหญ่ของมนุษย์ มักจะชินกับการใช้อะไรเดิมๆ ซื้อมาใหม่ก็ใช้แต่ฟังก์ชั่นเดิมๆ อย่างมากก็ใช้เพิ่มสัก 1-2 ฟังก์ชั่น แล้วแบบนี้มันคุ้มมั้ยล่ะจ๊ะ?
3.ติดหรูซื้อของแพง
ผู้หญิงอย่างเราๆ พอมีเงินนิดหน่อยก็มักจะซื้อของแบรนด์เนมมาไว้ใช้เพื่อให้ตัวเองดูดี แต่พอถึงกลางเดือนทีไร อาการชักหน้าไม่ถึงหลังก็มักจะมาเยือนเสมอๆ ยิ่งก่อนสิ้นเดือนยิ่งไม่ต้องพูดถึง บางคนแทบจะต้องต้มมาม่ารับประทานกันเลยทีเดียว ซึ่งเชื่อเถอะค่ะว่า เป็นภาพลักษณ์ที่ดูไม่ดีเลย ลองเปลี่ยนทัศนคติมาเป็น “ไม่ต้องแพงก็สวยได้” ดูซิคะ ยิ่งสมัยดีทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ที่มีขายอยู่ตามท้องตลาดทั้วไป วัสดุที่นำมาใช้ และคุณภาพของงานที่ออกมา ดูดีไม่แพ้กับของแบรนด์เนมเลยทีเดียว เพียงแค่รู้จักเลือกของที่เหมาะกับตัวเอง ราคาเหมาะสม และคุณภาพของอยู่ในเกณฑ์ดี เท่านี้ก็ทำให้ลุคของคุณดูดี ราวกับใช้ของแบรนด์เนมแล้วล่ะค่ะ
4.ของเก่ายังใช้ได้ แต่ซื้อใหม่อีกแล้ว
เดินช้อปปิ้งทีไร ของออกใหม่สีสันสดใส ล่อตาล่อใจกว่าของเก่าที่มีอยู่เสียเหลือเกิน ทำให้สาวๆ อดใจแทบไม่ไหว ที่จะสอยมาไว้ในครอบครอง ใจแข็งไว้ค่ะ! เงินทองเดี๋ยวนี้หายากยิ่งกว่าอะไร ลองนึกถึงของที่เรามีอยู่ซิคะว่า สภาพก็ยังดีอยู่เลย บางอย่างซื้อมาใช้แค่ครั้ง สองครั้งเท่านั้นเอง หากเบื่อก็ลอง มิกซ์แอนด์แมทกับของที่มีอยู่ ไม่ก็แปลงโฉมเสียใหม่ด้วยการ DIY ที่มีให้เห็นอย่างหลากหลายใน YouTube เท่านี้ก็ไม่ต้องเสียเงินซื้อของใหม่แล้วค่ะ อีกวิธีก็คือแลกกันใช้กับเพื่อนซะเลย เหมือนได้ของใหม่มาใช้ฟรี โดยไม่ต้องเสียเงิน หรือถ้าไม่ไหวจริงๆ ให้ถึงนึกภาพของคุณตอนนั่งทำงานหัวหมุนมาทั้งเดือนดูซิคะ เชื่อว่าต้องทำให้คุณได้คิดก่อนตัดสินใจซื้อแน่นอนค่ะ
5.ขาดแรงกระตุ้นในการออมเงิน
เมื่อเราไม่มีเป้าหมายว่าจะเก็บเงินไปทำไม ก็เลยทำให้เราจ่ายเงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย เห็นอะไรก็ใช้เงินซื้อ ลองเปลี่ยนมาตั้งเป้าหมายในการออมเงินดูซิคะ อย่าง “สิ้นปีนี้ช้านต้องไปญี่ปุ่นให้ได้” บางคนคิดว่าโอ้โห…เงินเดือนแค่นิดเดียวจะเก็บยังไงให้ไปเที่ยวญี่ปุ่นไหว แต่รู้ไหมคะว่า แค่คุณหยอดกระปุกออมสินวันละ 50 บาท ตั้งแต่เริ่มปีใหม่ พอถึงสิ้นปีคุณก็มีเงินไปเที่ยวญี่ปุ่นได้แบบสบายๆ แล้วค่ะ แต่เชื่อเถอะค่ะว่า พอถึงเวลาจริงๆ คุณจะไม่อยากใช้เงินก้อนนั้น เพราะกว่าจะเก็นมาได้ไม่ใช่ง่ายๆ เลย จะให้จ่ายหมดนี่ก็แอบเสียดายอยู่นะ หรือไม่ก็คำนวณเลยว่าอยากเกษียรตัวเองก่อนอายุ 60 แล้วต้องการอยู่อย่างสบาย ก็นั่งคิดเลยว่าแต่ละปีจะเก็บเท่าไหร่ แล้วหารออกมาเป็นเดือน เป็นวัน เพื่อให้เงินที่ดูก้อนใหญ่ กลายเป็นเงินที่เราสามารถเก็บได้สบายๆ ในทุกวัน เท่านี้คุณก็มีเงินเก็บไว้ใช้ได้อย่างสบายๆ แล้วค่ะ
ขอบคุณเนื้อหาและรูปจาก http://www.chicministry.com/index.php
[ads=center]
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ