ใจสลาย! ลูกโตมาเป็น”นักโทษประหาร”ทั้งที่แม่เลี้ยงดูมาดีมากๆ เขียนจดหมายถึงแม่ด้วยข้อความแบบนี้ ทำเอาแม่รู้สึกผิดไปตลอดชีวิตเลย





ความรักของแม่ที่มีต่อลูกยิ่งใหญ่เสมอ แต่คุณแม่หลายๆ ท่านแน่ใจแล้วหรือ? ว่าการเลี้ยงลูกของคุณไม่ได้เป็นการเลี้ยงดูลูกด้วยความรักของแม่ที่มีมากเกินเหตุ ย้อนกลับมาทำร้ายลูกโดยไม่รู้ตัวจนถึงขั้นประหาร ลองอ่านบทความนี้เพื่อเป็นข้อคิด และเตือนใจคุณ เลี้ยงลูกผิดจนถึงขั้นประหาร

แม่ครับ…

ลูกชายคนนี้ของแม่จะถูกประหารในวันพรุ่งนี้แล้วนะครับ ผมไม่รู้ว่าทำไมผมต้องกลายมาเป็นอย่างนี้ ผมได้แต่นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต

ตอนที่ผม 3 ขวบ ด้วยความซนของผมวิ่งเร็วเกินไปจนสะดุดก้อนหินจนหกล้ม แม่รีบวิ่งเข้ามากอดผมไว้ ปลอบผมไปพลาง กระทืบเท้าไปที่หินก้อนนั้นไปพลาง “อย่าร้องนะลูกแม่ ไอ้ก้อนหินหน้าโง่ แกทำให้ลูกของชั้นหกล้มทำไม?” พอผมได้ฟัง เดิมทีผมพยายามกลั้นเอาไว้แต่ก็ต้องร้องไห้ออกมา

แม่กำลังบอกผมว่า ที่ผมหกล้มความผิดอยู่ที่หินหน้าโง่ก้อนนั้น แต่ผมไม่รู้ว่าแม่พูดเพื่อปลอบใจผม เพื่อไม่ให้ผมร้องไห้ต่างหาก

ตอนที่ผมอายุได้ 4 ขวบ ผมเอาแต่จ้องดูทีวีโดยไม่ยอมลุกไปกินข้าว แม่เอาข้าวเดินมาป้อนให้ผมกินหน้าทีวี แม่ทำให้ผมรู้ว่า ผมไม่ต้องลุกไปกินข้าวเองก็ได้ เดี๋ยวแม่ก็เอามาป้อนผมถึงที่ แต่ผมไม่รู้ว่าแม่กลัวว่าผมกินข้าวจะหกเลอะพื้น หรือไม่อยากซักผ้าที่เปื้อนคราบอาหารของผมต่างหาก

ตอนที่ผมอายุได้ 6 ขวบ แม่พาผมไปซื้อของขวัญวันปีใหม่ แม่บอกผมว่าให้ซื้อได้อย่างเดียว ผมซื้อหุ่นยนต์เปลี่ยนร่างได้ แต่พอเห็นเครื่องบินผมก็อยากได้เครื่องบินอีกลำหนึ่ง แม่บอกผมว่าไม่ได้ แม่จะซื้อให้เพียงอย่างเดียว

ผมก็เลยนอนกลิ้งลงไปกับพื้นและร้องไห้เสียงดังจ้า ต้องไห้จนแม่จ่ายเงินค่าเครื่องบินเสร็จผมจึงยอมหยุดร้องไห้ แม่กำลังสอนให้ผมรู้ว่า หากผมต้องการอะไรแล้วไม่ได้ดั่งใจ ผมจะใช้ไม้ตายอย่างนี้กับแม่ และผมก็ชนะแม่ทุกครั้ง แต่ผมไม่รู้ว่าที่แม่ยอมผมนั้นก็เพราะแม่ไม่อยากขายขี้หน้าคนอื่นที่กำลังยืนมองดูอยู่ต่างหาก

ตอนที่ผมอายุได้ 8 ขวบ ผมอยากจะลองซักเสื้อผ้าเอง แม่ก็กลัวว่าผมจะซักไม่สะอาด ผมอยากลองล้างจานเองบ้าง แม่ก็กลัวจานแตก ผมอยากจะลองยกกับข้าวไปวางที่โต๊ะ แม่ก็กลัวว่าน้ำแกงจะหกลวกมือผม แม่กำลังสอนผมว่ามีเรื่องราวที่ยุ่งยากและอันตรายมากมายที่ผมไม่จำเป็นต้องเผชิญหรือเอาชนะ แต่ผมไม่รู้ว่าเพราะแม่ไม่อยากทำซ้ำในสิ่งที่ผมทำไปเมื่อสักครู่นี้เท่านั้นเอง

ตอนที่ผมอายุได้ 10 ขวบ แม่พาผมไปเรียนพิเศษวันละ 3 วิชา แถมยังเรียนดนตรีและอีก 2 อย่าง ทำให้ผมเหนื่อยล้าแทบขาดใจตายคาห้องเรียน แม่บอกกับผมว่า หากไม่เรียนหนักอย่างนี้ผมจะเก่งกว่าคนอื่นได้ยังไง แม่ทำให้ผมรู้สึกหวาดผวากับการเรียนหนังสือและห้องเรียนพิเศษ แต่ผมไม่รู้ว่าที่แม่กำลังทำอยู่นั้นก็เพื่อให้ผมดูโดดเด่นกว่าลูกพี่ลูกน้องทุกคนเท่านั้นเอง

ตอนที่ผมอายุได้ 13 ปี ผมเตะบอลใส่กระจกหน้าต่างของคนข้างบ้าน แม่พาผมไปขอโทษคนข้างบ้านพร้อมกับเงินจำนวนหนึ่งเป็นการยอมรับผิด แม่ทำให้ผมรู้ว่า หากเราทำผิดอะไร แค่กล่าวคำขอโทษและจ่ายเงินค่าเสียหายไปเรื่องราวก็จบลงทันที แต่ผมไม่รู้ว่าทำไมแม่ต้องก่นด่าคนข้างบ้านหลังจากกลับเข้าบ้านมาแล้วว่าเพราะพวกเขาที่ทำให้แม่ต้องจ่ายเงินไปโดยใช่เหตุ

ตอนที่ผมอายุได้ 15 ปี ผมบอกแม่ว่าผมอยากเรียนเปียโน แม่หยิบยืมเงินของญาติๆมาซื้อเปียโนให้ผมหลังหนึ่ง แต่หลังจากนั้นเพียง1เดือน ผมก็ไม่เคยแตะเปียโนหลังนั้นอีกเลย แม่สอนให้ผมรู้ว่า ต่อให้เราไม่มีเงินเราก็ซื้อของตามอำเภอใจได้ แต่ผมไม่รู้เลยว่าแม่ต้องจ่ายหนี้เป็นรายเดือนนานถึง 3 ปีจึงจะหมด

ตอนที่ผมอายุได้ 19 ปี แม่บอกให้ผมเรียนนิติศาสตร์ จบมาจะได้เป็นทนายความ ไม่เพียงแต่หาเงินง่าย ยังมีหน้ามีตาในสังคมด้วย แม่สอนให้ผมรู้ว่า แค่ทำตามที่แม่กำหนดให้ชีวิตความเป็นอยู่ของผมก็จะดียิ่งๆขึ้นไป แต่ผมไม่รู้ว่าที่แม่ให้ผมเรียนนิติศาสตร์นั้นก็เพื่อชดเชยความฝันอยากเป็นทนายความของแม่เท่านั้นเอง

ตอนที่ผมอายุได้ 20 ปี ผมขอแม่ซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่แทนเครื่องเก่าที่ล้าสมัยไปแล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่าผมจะได้โทรหาแม่ทุกวัน แม่ไม่ว่าอะไรสักคำ ออกไปกดเงินจากเอทีเอ็มให้ผมถึง1หมื่นบาทเพื่อซื้อโทรศัพท์ที่ผมอยากได้ แต่ทว่า ผมไม่เคยโทรหาแม่เลยสักครั้งเดียว มีแต่แม่เท่านั้นที่เฝ้าโทรหาผมอยู่ทุกวัน ผมโทรหาใครนะเหรอ ก็โทรหาแฟนของผมนะสิ แม่สอนให้ผมรู้ว่า แม่คือตู้เอทีเอ็มเคลื่อนที่ของผม แต่ผมไม่เคยรู้เลยว่าแม่เฝ้ารอโทรศัพท์อวยพรวันเกิดจากผมไม่รู้กี่ปีมาแล้ว

ตอนที่ผมอายุได้ 24 ปี แม่ใช้เงินฝากผมเข้าทำงานส่วนราชการของแม่ แม่สอนผมว่าคนที่ไม่เคยใส่ใจในการเรียนเอาเสียเลย จบมาก็มีงานทำดีๆได้แถมเป็นงานสบายเอาเสียด้วยสิ แต่ผมไม่รู้เลยว่าแม่ต้องขอร้องใครบ้างและใช้เงินไปกับเรื่องนี้เท่าไหร่

ตอนที่ผมอายุได้ 27 ปี ผมคบผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ก็ผมหน้าตาดี พวกผู้หญิงเหล่านั้นพอคบผมได้ไม่นานพวกเธอก็ขอเลิก พวกเธอบอกว่าผมไม่เอาถ่าน เป็นลูกแหง่ที่ไม่รู้จักโต พวกเธอบอว่าผมเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบ แต่แม่ก็บอกกับผมว่า อย่าไปสนใจพวกหล่อนเลย พวกหล่อนไม่ใช่เนื้อคู่ของผม พวกหล่อนไม่คู่ควรกับผมเลยสักนิด แม่สอนให้ผมรู้ว่า การที่พวกหล่อนพลาดจากผมไปเป็นความโชคร้ายของพวกหล่อน แต่ผมไม่รู้เลยว่าแม่พยายามวิ่งเข้าบริษัทจัดหาคู่ไม่รู้กี่แห่งเพื่อให้พวกหล่อนได้รู้จักกับผม

ตอนที่ผมอายุได้ 32 ปี ผมถูกรังควานจากเจ้าของบ่อนที่ผมไปเล่นเสียไว้ แม่โกรธจนล้มป่วยไปหลายอาทิตย์ แต่สุดท้ายแม่ก็เป็นคนเข้าไปเคลียร์หนี้สินกับเจ้าของบ่อนเอง แม่สอนให้ผมรู้ว่า ไม่ว่าผมจะทำอะไรยังไงจะผิดหรือจะถูก แม่นี่แหละที่เห็นคนคอบรับผิดแทนผมและเป็นคนแก้ไขปัญหาให้กับผมทุกครั้ง แต่ผมไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าเงินทองเหล่านั้นคือเงินสะสมที่แม่ต้องการเก็บไว้ใช้ในช่วงบั้นปลายของชีวิตแม่

ตอนที่ผมอายุได้ 35 ปี ผมไม่สามารถขอเงินจากแม่ได้อีกต่อไป ผมฆ่าคนเพื่อชิงทรัพย์ ศาลพิพากษาให้ประหารชีวิตสถานเดียว แม่ได้แต่ก่นด่าสวรรค์ที่คอยแต่กลั่นแกล้งแม่ ทำให้แม่และผมต้องมาประสบกับเหตุการณ์ในวันนี้ได้อย่างไร

แม่ครับ ผมเพิ่งเข้าใจในวันนี้เอง เพราะคำว่ารักผมเพียงคำเดียวที่ทำให้แม่ขโมยทุกสิ่งไปจากผม มันทำลายชีวิตของผมตลอดมา มันทำให้ผมเป็นคนที่เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้และเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตนโดยไม่เคยคำนึงถึงใครคนอื่นเลย ผมเพิ่งรู้ในวันนี้เองว่าผมไม่เคยโตเป็นผู้ใหญ่แม้แต่วันเดียว ผมเพิ่งรู้ว่าการที่แม่รักผมในทางที่ผิดผลลัพธ์กลับย้อนกลับมาทำร้ายแม่และผมในวันนี้จนได้

แม่ครับ แม่ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะครับ พรุ่งนี้ผมก็ต้องถูกประหารแล้ว ผมหวังว่าผมจะได้เรียนรู้การรับผิดชอบต่อสิ่งที่ผมเป็นคนกระทำเองด้วยตัวผมเอง

จากลูกคนนี้ที่ไม่เคยโตเป็นผู้ใหญ่แม้แต่เพียงวันเดียว

ขอบคุณข้อมูลจาก : siamdrama.com

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: