ข้อคำนึง 10 ประการสำหรับมือใหม่หัดสร้างครอบครัว

Advertisement เมื่อเห็นข่าวแต่งงานของคนอื่น เรามักคิดว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี เป็นชีวิตที่น่าใฝ่ฝัน แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าการสร้างครอบครัวด้วยกันนั้น มากยากกว่าการเป็นแฟนกันเยอะ และจะยากกว่าหลายเท่าเมื่อมีลูกด้วยกันแล้ว Advertisement   เพราะอะไร? นี่คือข้อควรคำนึงสำหรับหนุ่มสาวทั้งหลาย ที่ต้องการขยับคำว่าแฟน มาเป็นสามีภรรยากัน มาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน มันไม่ง่าย แต่ก็ใช่ว่าจะยากมากจนทำไม่ได้เลย ภาพประกอบจาก pixabay.com   1. การเป็นครอบครัวเดียวกัน หมายความว่าคุณต้องแชร์กันทุกเรื่อง การเป็นแฟนกันอย่างมากก็แค่รับฟังปัญหา และช่วยในบางส่วนที่พอจะช่วยกันได้ แต่การตบแต่งกันจนเป็นครอบครัวใหม่ นั่นก็หมายความว่าต่างฝ่าย ต่างต้องสลายความเป็นส่วนตัวให้มาก และคิดถึงส่วนรวมให้มาก ตั้งแต่เรื่องค่าใช้จ่าย, ปัญหาส่วนตัว, ไปจนถึงการโอบอุ้มพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ที่นับถือของแต่ละฝ่ายด้วย และอาจรวมไปถึงลูกน้อยที่กำลังจะเกิดมาใหม่ ที่สองสามีภรรยาจะต้องรับผิดชอบร่วมกันด้วย ภาระโดยรวมแค่คนเดียวคงทำได้ไม่ไหว หรือทำได้ก็คงไม่ดีพอแน่นอน   2. บางครั้งปัญหาก็ไม่ได้มีแค่สองคน การยินยอมพร้อมใจกันเป็นครอบครัวใหม่ ใช่ว่าคุณจะตัดขาดจากพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดหรือญาติผู้ใหญ่ที่เคยอุปการะได้เสียทีเดียว บางครั้งตอนที่คนสองคนไม่มีปัญหา ท่าน ๆ ทั้งหลายก็จะหวังดีเข้ามาสอดส่องความเรียบร้อยกันบ้าง หรือบางครั้งที่ตัวท่าน ๆ ทั้งหลายมีปัญหาเสียเอง คนสองคนจะใจไม้ไส้ระกำไม่ดูดำดูดีก็กระไรอยู่ รักครอบครัวของตัวเองมากขนาดไหน ก็อย่าลืมเผื่อแผ่ความรักไปยังญาติผู้ใหญ่แต่ละฝ่ายด้วย อะไรที่พอจะดูแลได้ก็ทำไป ถ้าไม่ไหวก็แค่ปรึกษาและหาทางออกร่วมกัน   3. การเป็นครอบครัวเดียวกันไม่จำเป็นต้องเริ่มที่งานแต่งสวยหรู […]

คุณสมบัติข้าราชการ 6 แบบที่ประชาชนอยากได้

ปฏิเสธไม่ได้ว่าธุรกรรมทุกอย่างตั้งแต่เกิด, เจ็บป่วย ไปจนกระทั่งตาย เราล้วนแต่เกี่ยวพันกับหน่วยงานราชการทั้งนั้นแม้ว่าจะไม่มีใครในครอบครัวได้บรรจุทำงานโดยตรงก็ตาม และปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าอาชีพรับราชการเป็นอาชีพที่หลายคนนับหน้าถือตา ด้วยความมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เป็นคนหนึ่งที่สนองงานแผ่นดินสมกับคำว่า “ข้าราชการ”   ช่างน่าแปลกที่ในปัจจุบัน เรากลับได้ยินเสียงร้องเรียนจากประชาชนมากขึ้น ทั้งที่มีการจัดตั้ง one stop service และอื่น ๆ อีกมากเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน ลดขั้นตอนการทำงานที่ซับซ้อนยุ่งยาก มีความทันสมัยมากขึ้น ลดความเข้าใจผิดระหว่างข้าราชการกับประชาชนให้น้อยลง   ในเมื่อมีการพัฒนาไปมากขนาดนั้น อะไรล่ะที่ประชาชนยังอยากได้? มาดูกันทีละข้อว่า อะไรบ้างที่ประชาชนบ่นเป็นเสียงเดียวกัน ทั้งที่อาชีพนี้ประชาชนก็เคารพนับถือมาก   ภาพประกอบจาก money.sanook.com   1. ช่วยเคลียร์ขั้นตอนให้พวกเขากระจ่างแจ้งสักหน่อย เมื่อติดต่อธุระ ด่านแรกที่ประชาชนนึกถึงรองจากสถานที่ก็คือ เมื่อไปถึงแล้วต้องทำอะไรบ้าง? แต่ละหน่วยงานอย่างน้อยควรติดตั้งแหล่งข้อมูลโดยพื้นฐานให้ประชาชนเห็นและทราบได้สะดวกขึ้น เช่น ทำinfographicในเว็บไซต์หรือแฟนเพจของหน่วยงาน, ตั้งป้ายขนาดใหญ่ที่เห็นแล้วสะดุดตา อ่านรู้เรื่อง มีรายละเอียดครบถ้วน (มากกว่าจะทำเพียงแค่กระดาษA4หรือกระดาษขนาดเล็กที่ดูผ่าน ๆ แล้วก็ไม่สะดุดตา), จัดทำข้อมูลในภาษาชาติพันธุ์ให้กับผู้รับบริการกลุ่มชาติพันธุ์ด้วย   ค่าใช้จ่ายโดยประมาณในการทำสื่อดังกล่าวให้ชัดเจนราคาไม่แพงนัก แต่ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เจ้าหน้าที่จะได้ไม่หัวเสียที่ต้องอธิบายซ้ำ ๆ จนหงุดหงิด เช่นเดียวกับประชาชนจะได้เข้าใจมากขึ้น ลดความยุ่งยากในการติดต่อสื่อสารลงไปอีกมากขึ้นเช่นกัน […]

11 คำพูดต้องห้ามของคนเป็นแฟนกัน

ถึงแม้ว่าบางอย่างไม่ใช่แฟนทำแทนกันไม่ได้ ก็ใช่ว่าคนเป็นแฟนจะทำทุกอย่างได้หมด ตรงกันข้าม ยิ่งสนิทกัน รักกันมากเท่าไหร่ การให้เกียรติกันและเกรงใจกันก็ควรมีเสมอ เพราะเราและเขาต่างก็อยู่กันคนละร่าง มีใจกันคนละใจ มีความคิดกันคนละแบบ จะให้เหมือนกันเป๊ะทุกอย่างเป็นไปได้ยากแน่นอน ภาพประกอบจาก growthtrac.com   สำคัญที่สุดของความรักคือเรื่องของจิตใจ ใช่ว่าจะต้องหยอดคำหวานเท่านั้น การระวังคำพูดไม่ให้พูดในสิ่งต่อไปนี้กระทบจิตใจกัน ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก   1. “คนอื่นเขายังทำให้ได้เลย” เปลี่ยนมาเป็น “ทำไม่ได้ไม่เป็นไรนะ เราไม่ซีเรียส” คนฟังยังจะพอรู้สึกมีหวัง มีกำลังใจฮึดอยากลองใหม่ขึ้นมาเยอะ อย่านำแฟนเราไปเปรียบเทียบกับแฟนคนอื่น เพราะบางทีแล้วเราไม่รู้เลยว่าเขาอาจจะพยายามถึงที่สุดแล้วได้แค่นี้ แต่เรากลับคาดหวังเขามากเกินไปเอง   2. “ให้ได้แค่นี้หรอ?” / “มีปัญญาทำแค่นี้หรอ?”/ "คุณนี่มันไม่ได้เรื่องเลย" ถึงจะไม่นำไปเปรียบเทียบใคร และถึงแม้จะพูดเล่นก็ไม่ควรพูดเด็ดขาด เพราะสิ่งที่เขาทำให้ เขาอาจจะทุ่มสุดตัวแล้วก็ได้ ขึ้นชื่อว่าให้ อย่างไรก็เป็นเรื่องของน้ำใจที่ดี ไม่ควรลบหลู่ดูถูกกันจนดูว่าความพยายามนั้นเป็นศูนย์เลย ไม่อย่างนั้นแล้ว เขาจะไม่พยายามหาอะไรให้เราอีก เพราะเราเป็นคนไปเบรกเขาเอง   3. “จะไปไหนก็ไป” / “ไปตายไหนซะ” ถ้ายังรักกันอยู่ อย่าพูดคำนี้เด็ดขาด เพราะนั่นเท่ากับว่าคุณยั่วยุผลักไสเขาออกไปจากชีวิตให้เร็วขึ้น ต่อจากนาทีชั่ววูบนี้ไป คุณไม่มีทางรู้เลยว่าเขาจะออกไปเจออุบัติเหตุหรือไม่? เกิดอะไรกับชีวิตของเขา? […]

เพื่อนร่วมงาน 7 ประเภทที่ไม่ควรสนิทชิดเชื้อกันมาก

เป็นธรรมดาที่เราไม่สามารถเลือกเพื่อนร่วมงานได้เหมือนกับเลือกสมัครงาน แต่เพื่อเงินเดือน เพื่อความก้าวหน้าของชีวิต จะทำไงได้ล่ะ ในเมื่อเราต้องอยู่กับพวกเขาไปอีกนาน แต่…ก็ใช่ว่าจะทำอะไรไม่ได้เลยสักนิดเดียว เราเลือกได้ว่าจะคบหากับใคร และเลือกได้ว่าควรจะให้คนประเภทไหนเป็นแค่คนรู้จักกันก็พอ   ถ้าคุณเจอเพื่อนร่วมงานประเภทต่อไปนี้ แค่ยิ้ม แค่พูดคุยกันผ่าน ๆ ได้ แต่อย่าเปิดโอกาสให้เขามาสนิทกันมากไปกว่านี้เลย ไม่อย่างนั้นชีวิตส่วนตัวและหน้าที่การงานของคุณพังแน่ ! ภาพประกอบจาก pixabay.com   1. ขี้นินทาไม่เลือกหน้า ใครต่างก็ชอบคนช่างคุยช่างเม้า แต่ถ้าความสามารถสูงถึงกับหูไวตาไวไปซะหมดไม่เลือกหน้า นินทาได้ตั้งแต่คนที่ตำแหน่งต่ำกว่า, ลูกค้าขาจร, เพื่อนร่วมงานแผนกเดียวกัน ไปจนกระทั่งเจ้านาย ฟังหูไว้หู แค่เออออเอาเป็นพิธีก็พอ อย่าเข้าไปสนิทหรือเปิดโอกาสให้เขารู้เรื่องส่วนตัวของเรามาก เพราะในสักวัน เรานั่นแหละที่จะถูกตกเป็นเป้าให้รุมทึ้งกันสนุกปาก   2. หลงตัวเอง ปล่อยวาง อย่าไปให้ความสำคัญอะไรมากกับคนที่ขี้อวด ขี้โม้ ราคาคุยไปวัน ๆ คนประเภทนี้แหละที่ลึก ๆ แล้วขี้อิจฉาเป็นเลิศเขาถึงได้สร้างตัวเองให้เป็นคนที่เพอร์เฟคที่สุด ให้มีแต่คนรักคนชม ไม่ชอบให้ใครมาเทียบเท่าหรือเหนือกว่าตัวเอง คุยกับคนที่เป็นน้ำเต็มแก้ว ยังไงก็เหนื่อยเปล่า ๆ   3. ชอบหาพวก ไม่ว่าจะดราม่าเรียกคะแนนสงสาร หรือคอยนำเรื่องไม่ดีของคนอื่นมาเล่าสู่กันฟังอย่างสนุกปากเพื่อหาเพื่อน อย่าเทใจให้กับคนประเภทนี้เลย […]

11 เทคนิคการติวสอบคนเดียว “อ่านยังไงให้สอบผ่าน?”

ไม่เพียงแต่วัยเรียนเท่านั้นที่จะต้องอ่านหนังสือสอบ ในวัยทำงานก็ยังต้องมีการสอบบรรจุ สอบเข้าเป็นพนักงานในองค์ต่าง ๆ อยู่ดี ดังนั้นหากจะพูดว่าตำรามันจบไปพร้อมกับการเรียนจบก็ไม่ถูกต้องเสียทีเดียว ตราบใดที่เรายังต้องการความก้าวหน้า ตำราและความรู้รอบตัวอื่น ๆ ยังมีความหมายสำหรับชีวิตเราเสมอ ภาพประกอบจาก pixabay.com แล้วจะสอบยังไงให้มีโอกาสติดสูง? มาเจาะเทคนิคกัน   1. สำรวจข้อมูลของปีก่อนอย่างคร่าว ๆ เช่น สถิติผู้เข้าสอบ (ในตำแหน่งงานนั้นมีคนสมัครสอบกี่คน, ผ่านกี่คน, ตกกี่คน) วิชาที่ใช้สอบมีอะไรบ้าง (วิชาละกี่คะแนนถึงจะผ่าน, แต่ละวิชามีเนื้อหาอะไรบ้าง) อ่านเอาไว้เพื่อย้อนกลับมาที่ตัวเองว่าจะเตรียมตัวอย่างไรบ้าง (จะไปติวที่ไหน, ซื้อหนังสือได้ที่ไหน)   2. ฝึกนิสัยรักการอ่านให้เป็นเรื่องปกติ อัจฉริยะไม่สามารถสร้างได้ในไม่กี่คืนก่อนสอบ สำหรับคนที่ขี้เกียจ หรือไม่ชอบอ่านหนังสือเลย ในจุดนี้ก็ต้องฝืนตัวเองเอาหน่อย ถ้าหักดิบให้ตัวเองอ่านหนังสือเป็นเวลานานไม่ได้ ก็ค่อย ๆ ฝึกนิสัยไป เช่น วันนี้อ่าน 1 ชั่วโมง, วันพรุ่งนี้อ่าน 3 ชั่วโมง, วันมะรืนนี้อ่าน 5 ชั่วโมง ไม่ถึงกับต้องลงลึกเจาะเนื้อหาเลยก็ได้ เอาแค่อ่านผ่าน ๆ ให้ติดนิสัยไปเลยว่าอย่างน้อยตื่นมาในแต่ละวันห้ามขาดหนังสือสอบเด็ดขาด   […]

10 ทัศนคติแย่ ๆ ที่ทำให้มนุษย์เงินเดือนไม่มีความสุข

ท่ามกลางกระแส slowlife หลายคนปรารถนาจะเป็นนายของตัวเองมากกว่าเป็นมนุษย์เงินเดือน หลายคนอยากเป็นฟรีแลนซ์ (อาชีพอิสระ) เพราะมันดูเจ๋งดี ทำงานปุ๊บได้เงินปั๊บ มีอิสระทางเวลาและการเงิน แม้แต่หนังสือขายดีก็ยังเชียร์ให้คนลาออกมาเป็นนายของตัวเองกันทั้งนั้น   หลายคนเริ่มรู้สึกลังเล เอ๊ะ! หรือฉันจะเหมาะกับอาชีพอิสระมากกว่า ? การเป็นมนุษย์เงินเดือนมาแย่ขนาดนั้นเลยหรือ ? แล้วฉันต้องมีอะไรบ้างถึงจะลาออกมาเป็นตัวของตัวเองได้ ? ฯลฯ อีกหลายความคิดที่นับวันยิ่งดูเหมือนว่าการเป็นมนุษย์เงินเดือนมันเลวร้ายปานนั้น ภาพประกอบจาก pixabay.com   บางทีแล้วมันก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าการเป็นมนุษย์เงินเดือนกับอาชีพอิสระแบบไหนดีกว่ากัน หรือดีที่สุด แต่สิ่งที่เราควรจะคิดก็คือ “เราควรเป็นในแบบเรา แบบไหนก็ได้ ขอให้มีความสุขที่สุด”   และบางทีแล้ว หากว่าคุณเป็นมนุษย์เงินเดือนแล้วรู้สึกว่าไม่มีความสุข สาเหตุน่าจะมาจาก “ความคิด” หรือทัศนคติของคุณซะมากกว่า   1. เบื่อเพื่อนร่วมงานและเจ้านาย ถ้าเราเลือกเกิดไม่ได้ สำหรับเรื่องงานก็คงเป็นทำนองเดียวกัน เราต่างสมัครงานกันมาโดยเลือกบริษัท เลือกองค์กร เลือกตำแหน่งงาน แต่ไม่สามารถเลือกเพื่อนร่วมงานและเจ้านายได้ เพราะฉะนั้น ถ้าจะไปเปลี่ยนแปลงนิสัยพวกเขาก็ดูจะเป็นเรื่องที่เกินตัวไปหน่อย ทางที่ดีเราควรวางใจเป็นกลาง เฉย ๆ ไปซะ ใครจะนินทาว่ากล่าวอย่างไร ถ้าเราไม่ใช่อย่างที่เขาบอกก็ปล่อยเขาไป โฟกัสที่หน้าที่การทำงานและเงินเดือนที่จะได้รับยังพอจะได้กำลังใจกว่าเยอะ   2. […]

หน้าที่ของลูกค้า 5 ประการที่แม่ค้าออนไลน์อยากจะขอร้องสักหน่อย

โลกของโซเชียลมีเดียไม่เพียงแต่ทำให้การติดต่อสื่อสารโดยทั่วไปของคนเราสะดวกและรวดเร็วขึ้น ในโลกของธุรกิจก็ยิ่งง่ายขึ้น ลดภาระระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายไปได้เยอะ อย่างน้อยคนซื้อก็ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปถึงหน้าร้าน และคนขายก็ไม่จำเป็นต้องมีทุนรอนมากมายไว้ลงทุนสร้างร้านเป็นหลักเป็นแหล่ง แค่มีเพจ มีไลน์ มีIG ก็ซื้อง่าย-ขายคล่องแล้ว !   แต่ไหน ๆ แม่ค้าหลายรายก็พร้อมเสิร์ฟให้คุณถึงที่ตั้งหลายเจ้าในโลกออนไลน์ ถ้าคุณกำลังตัดสินใจเล็งสินค้าอะไรอยู่ นี่คือสิ่งที่แม่ค้าทั้งหลายอยากจะขอร้อง โดยให้ถือว่าเป็นหน้าที่ของลูกค้าโดยอัตโนมัติ ภาพประกอบจาก businessinsurance.org   1. อ่านรายละเอียดให้ครบก่อนสอบถาม สนใจทั้งทีอย่าขี้เกียจอ่าน อย่าทำทีเป็นอ่านผ่าน ๆ สงสัยอะไรให้ถามนอกเหนือจากที่แม่ค้าโพสต์ไว้แล้ว เพราะแม่ค้าส่วนใหญ่ก็เบื่อที่จะตอบคำถามซ้ำ ๆ เดิม ๆ   2. ถ้าไม่แน่ใจ สอบถามได้ แต่อย่าค้างคา ถึงแม้ว่าโลกออนไลน์จะสะดวกในการแว้บไปไหนต่อไหนได้ แต่ในเรื่องของธุรกิจที่มีเงินทองมาเกี่ยวข้อง อย่าสั่งของเล่น ๆ แล้วสุดท้ายมาบอกว่าไม่เอา นึกถึงน้ำใจของแม่ค้าบ้าง กว่าจะล็อคของไว้ไม่ให้คุณโดนแย่ง ยิ่งเป็นของพรีออเดอร์จากเมืองนอกหรือรับมาขายหลายต่อยิ่งผ่านหลายขั้นตอนไม่ใช่ง่าย ๆ เลย ถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่าจะซื้อดีรึเปล่า สอบถามข้อมูลไว้ก่อนได้ แต่อย่ามาเปลี่ยนใจในกรณีที่จองแล้วหรือสั่งซื้อแล้ว   3. อย่าต่อรองราคา ร้านค้าออนไลน์ไม่เหมือนหน้าร้านจริง ๆ ที่สามารถต่อรองราคากันได้ เพราะด้วยความสะดวกสบายที่วิ่งเข้าหาลูกค้า การแข่งขันการขายด้วยโปรโมชันก็ต้องสูงเป็นธรรมดา […]

ฟรีแลนซ์ รวยง่าย! สบายที่สุด! จริงหรือ?

  เพราะไม่ต้องการที่จะเป็นลูกจ้างใคร เพราะไม่ต้องการที่จะทำธุรกิจโดยผูกขาดกับใคร   งานฟรีแลนซ์จึงเป็นอีกงานหนึ่งที่ถือกำเนิดขึ้นมาด้วยอย่างน้อย 2 เหตุผลนี้ ดูเหมือนง่ายที่คน ๆ หนึ่งอยากจะได้ตังค์เมื่อไหร่ก็ได้ มีอิสระในเวลาทำงาน ไม่ต้องมียูนิฟอร์มให้ยุ่งยาก ไม่ต้องอยู่ในกฎระเบียบให้อึดอัด ไม่ต้องมีเรื่องปวดหัวกับเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกเลื่อยขาเก้าอี้หรือถูกเชิญให้ออกเมื่อไหร่ ไม่ต้องทำอะไรอีกมากที่วนเวียนแต่วัฏจักรเดิมไปเรื่อยอย่างไม่รู้สิ้นสุด   ภาพประกอบจาก forbes.com   มันง่ายขนาดนั้นจริงหรือ? สบายจริงรึเปล่า? มาดูความจริงของโลกแห่งฟรีแลนซ์กัน!   1. สร้างชื่อเสียง หาลูกค้าด้วยตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องง่าย หลายคนมักจะคิดว่างานค้าขาย เป็นเจ้าของกิจการ แค่มีทุนก็ทำได้แล้ว แต่ความจริงมันไม่ได้จบที่ตรงนั้น ยิ่งเป็นคนที่ไม่มีคอนเนคชัน ไม่มีเส้นสายใด ๆ เลย ยิ่งต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างสาหัสมาก เช่น หาสูตรที่เป็นของตัวเอง, หาสิ่งที่ตลาดต้องการ, หาที่ที่จะปล่อยของให้ได้ในราคาโปรโมชัน (ส่วนใหญ่มักจะขายในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด หรือเสนอตัวทำให้ฟรีกับคนที่รู้จักเพื่อเป็นการโปรโมทผลงาน) ตลอดจนซื้อใจลูกค้าขาจรที่กล้า ๆ กลัว ๆ ในงานฝีมือเราให้กลายมาเป็นขาประจำให้ได้   และมันจะหนักกว่านั้นหลายเท่าสำหรับคนที่ไม่รู้ตัวเองเลยว่าตกลงแล้วรักหรือชอบอะไร? เพราะการที่จะทำงานอิสระได้นาน ๆ นั้น เรื่องใจรักเป็นเรื่องสำคัญพอกันกับฝีมือ ไม่มีใครหรอกที่อยู่กับสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเองไปได้นาน ถึงทำได้ก็ใช่ว่าจะทำได้ดี […]

7 อุปสรรคสำคัญที่ทำให้สอบราชการไม่ติด

ด้วยสวัสดิการและผลตอบแทนที่ค่อนข้างมั่นคงกว่าอาชีพอื่น จึงเป็นเรื่องธรรมดาหากว่างานราชการจะเป็นงานยอดฮิตที่ใครต่างก็ใฝ่ฝัน แต่เพราะจำนวนคนที่สนใจมากกว่าอัตราที่แต่ละหน่วยงานต้องการ การสมัครสอบเพื่อคัดสรรผู้มีคุณสมบัติพร้อมจึงจำเป็นต้องมีขึ้น ภาพประกอบจาก huffingtonpost.com แน่นอนว่าในการสอบแต่ละครั้งมีทั้งผู้ที่ผ่านและไม่ผ่าน แน่นอนว่าคนที่ผ่านคือคนที่พร้อมที่สุด เตรียมตัวมาดีที่สุด แต่ก็ใช่ว่าคนที่ไม่ผ่านจะเป็นคนไม่ดี หรือมีปัจจัยเดียวแค่ “ไม่พร้อม” เท่านั้น มาดูกันอย่างละเอียดกันว่า อุปสรรคอะไรบ้างที่ทำให้สอบราชการไม่ติด   1. แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม ทัศนคติ คือสิ่งสำคัญสำหรับการลงมือทำอะไรสักอย่าง การสอบก็เช่นกัน ก่อนจะกรอกใบสมัครสอบ คุณต้องวางทัศนคติให้อยู่ในทิศทางที่เป็นกลางไว้ก่อน เช่น – อย่าปักใจกับข่าวลือว่ามีเส้นสาย ถ้ายังไม่ได้ลองด้วยตัวเอง – อ่านรายละเอียดให้ครบทุกหน้าทุกลิ้งค์ก่อน อย่าเพิ่งตัดสินใจทั้งที่ยังไม่ได้อ่าน – อย่ากลัวว่าจะแพ้คนมีเงิน ต่อให้คุณมีเงินแต่ขี้เกียจ ก็ไม่มีทางสอบได้ – อย่าเพิ่งคิดไปไกลว่าถ้าสอบติดแล้วจะเอาเงินที่ไหนจ่ายค่าเครื่องแบบ ค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่น ๆ   จำไว้ว่า อคติคือสิ่งที่พรางตาความสำเร็จของคุณ ถ้าคิดจะลองสักตั้ง หวังไว้แล้วว่าอยากได้ อยากเป็น ต้องกำจัดมันทิ้งก่อนเป็นอันดับแรก   2. เริ่มแล้วถอดใจ ก่อนจะเข้าไปถึงรอบติวเข้ม ไม่ว่าจะอ่านด้วยตัวเองหรือติวเพราะคอร์สสอนพิเศษ คุณต้องสร้างกำลังใจให้ตัวเองก่อน – อย่าไปกลัวการเดินทางไกล ลองเสิร์ชหาเส้นทางหรือตั้งกระทู้ถามในอินเทอร์เน็ตอย่างถึงที่สุดก่อน หรือถึงแม้ว่าไม่มีใครตอบเลย ก็จงมั่นใจว่า […]

17 สิ่งที่พิสูจน์ว่าเด็กมัธยมยุค 2546-2550 เป็นคนอดทนมาก

ในยุค 2558 นี้ถ้าจะนับว่ามีวันไหนที่เราไม่แตะเทคโนโลยีบ้างคงนับได้น้อยมากหรือนับไม่ได้เลยว่ากี่วัน เพราะแค่ตื่นนอน คนเราส่วนใหญ่ก็รีบคว้าสมาร์ทโฟนเช็คความเคลื่อนไหวในแต่ละวัน อย่างน้อยขอแค่ได้รู้อะไรบ้างสักนาทีต่อวันก็ยังดี ถ้าไม่ได้เข้าโซเชียลเลยสักวันคงเป็นอะไรที่กระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก ภาพจาก pixabay.com   เราเป็นคนหมดความอดทนไปเมื่อไหร่? เราอดทนครั้งสุดท้ายตอนไหน? ลองย้อนไปในสมัยเมื่อสักช่วงปี 2546-2550 ดูกันทีละข้อว่าเด็กมัธยมในยุคนั้นอดทนกับอะไรบ้าง?   1. โทรศัพท์เป็นของสำคัญเฉพาะคนมีฐานะปานกลาง-ร่ำรวย เพราะเครื่องนึงไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์บ้านหรือโทรศัพท์มือถือ ราคาหลายพันไปจนถึงหลายหมื่น อีกทั้งค่าโทรก็ไม่ใช่ราคาถูก ๆ ด้วย ถ้าโทรทั้งวันทั้งคืน 1 วันก็แค่แพงกว่าเน็ตรายเดือน 1 เดือนในสมัยนี้เอง   2. ถึงโทรศัพท์จะค่อนข้างจำกัดกลุ่มผู้ใช้งานอย่างในข้อ 1 แต่ก็ใช่ว่าคนจน ๆ จะไม่สามารถเข้าถึงได้ จะโทรหาเพื่อน โทรหาแฟนที่มีโทรศัพท์ทั้งทีก็ต้องอาศัยโทรจากตู้สาธารณะ หรือไม่ก็โทรศัพท์ที่ร้านค้าเขาตั้งโต๊ะไว้เอา นาทีละ 3 บาท นาทีละ 5 บาทก็ว่าไป นอกจากแลกเหรียญมาให้พอ ต้องเผื่อใจด้วยว่าคนที่เข้าไปโทรก่อนหน้าเราเขาจะโทรนานเท่าไหร่? พอเราได้โทรปุ๊บก็ต้องเผื่อใจอีกว่าคนที่ต่อคิวจะว่าอะไรมั้ย? ยิ่งเป็นหนุ่ม ๆ ที่จะโทรไปจีบลูกสาวที่พ่อดุ ยิ่งต้องซักซ้อมให้ดีว่าจะพูดอะไร ทำยังไงถึงจะได้พูดกับลูกสาวเขา? กว่าจะจีบกันติด เสียตังค์ค่าโทรไปหลายบาทเลย (บางครั้งก็ดั้นด้นมาตากยุงในตู้มืด […]

1 2,731 2,732 2,733 2,738
error: