กรุงเทพคริสเตียน อนุญาตนักเรียนแต่งชุดไปรเวต เผยลดแรงกดดัน-สร้างความสุข ทำมา4ปีแล้ว

Advertisement โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย เป็นโรงเรียนแห่งแรกๆ ที่อนุญาตให้นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 แต่งชุดไปรเวตไปเรียนได้ทุกวันอังคารมาตั้งแต่ปี 2562 Advertisement นายศุภกิจ จิตคล่องทรัพย์ ผู้อำนวยการโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ระบุในตอนนั้นว่า โรงเรียนมีการพูดคุยเรื่องนี้มานานกว่า 10 ปี แล้ว เพราะมีงานวิจัยจากต่างประเทศ ชี้ชัดว่า การใส่ชุดไปรเวตจะช่วยลดแรงกดกันและทำให้เด็กกล้าแสดงออกมากขึ้น ดังนั้น โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ซึ่งใส่ชุดยูนิฟอร์มมาตลอด จึงตัดสินใจทำวิจัยเรื่องดังกล่าว เพื่อจะดูว่า ถ้าปรับให้นักเรียนใส่ชุดไปรเวตในบางวัน จะส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กหรือไม่ หากพบว่าการแต่งชุดไปรเวตมาเรียนแล้วทำให้ผลการเรียนแย่ลง หรือได้รับผลกระทบต่อการเรียนหนังสือก็จะยกเลิกแนวคิดนี้ทันที “การเปลี่ยนแปลงกฎดังกล่าวมีเป้าหมาย คือ อยากให้เป็นโรงเรียนแห่งความสุขของนักเรียนเพราะ เชื่อว่าแค่หนึ่งวันของนักเรียน จะเป็นการสร้างความสุขให้เด็ก มีความคิดสร้างสรรค์ และต้องการสะท้อนว่า ความแตกต่างของแต่ละคนสามารถอยู่ด้วยกันได้” นายศุภกิจระบุ ปัจจุบันโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ยังอนุญาตให้นักเรียนใส่ชุดไปรเวตมาเรียนได้ทุกวันอังคาร โดย มีระเบียบข้อปฏิบัติ เพื่อให้การแต่งกายชุดไปรเวตของนักเรียนมัธยมศึกษาเป็นไปอย่างถูกต้องและเรียบร้อยสอดคล้องกับระเบียบโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย Advertisement 1.การแต่งกายชุดไปรเวตต้องเป็นไปตามวันที่โรงเรียนกำหนดเท่านั้น 2.วันที่มีการแต่งกายชุดไปรเวต นักเรียนมัธยมศึกษาทุกคนจะต้องคล้องบัตรประจำตัวนักเรียนตลอดเวลาที่อยู่ภายในโรงเรียน หรือเข้ามาทำกิจกรรมภายในโรงเรียน 3.ลักษณะการแต่งกายชุดไปรเวตที่ถูกต้องและเหมาะสม เสื้อที่มีความเหมาะสม ได้แก่ เสื้อยืด เสื้อเชิ้ต เสื้อโปโล เสื้อยีนส์ เสื้อแจ๊คเก็ต […]

โรงเรียนใบบุญ จ.ลำพูน เผยนโยบาย “วัดผลการเรียนแบบไม่ต้องสอบ” เพื่อลดความเครียด นร.

24 พฤษภาคม 2566 เพจเฟซบุ๊ก โรงเรียนใบบุญลำพูน จ.ลำพูน โพสต์ประกาศจากฝ่ายบริหารงานวิชาการ เกี่ยวกับ “วิธีการวัดและประเมินผลการเรียนนักเรียนแบบใหม่ แบบไม่ต้องสอบ” เพื่อลดความเครียดจากการสอบหลายวิชา โดยมีการปรับวิธีวัดผลของวิชาที่เน้นปฏิบัติ และวิชาประวัติศาสตร์ ให้มีความหลากหลายมากขึ้นกว่าแค่การทำข้อสอบ เพื่อให้นักเรียนไม่เกิดความเครียด ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้การศึกษามีผมที่ดีมากขึ้น โดยข้อมูลดังกล่าวระบุว่า “ในปีการศึกษา 2566 ทางฝ่ายฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนวิธีวัดและประเมินผลการเรียนของนักเรียนในรายวิชา ที่เน้นการปฏิบัติ และรายวิชาประวัติศาสตร์ ซึ่งจะใช้วิธีการที่หลากหลายแทนรูปแบบการสอบ ได้แก่ การสอบปฏิบัติ การทำใบงาน การทดสอบท้ายบทเรียน การทำรายงาน การนำเสนองาน หรือการส่งชิ้นงาน เป็นต้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือนักเรียน ไม่ให้เกิดความเครียดมากเกินไปในการสอบหลายวิชา และมุ่งหวังให้นักเรียนได้ใช้เวลาในการทบทวนเนื้อหาวิชาหลัก ซึ่งผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีผลต่อการเข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษา ทั้งนี้ ทางฝ่ายฯ จะแจ้งโครงสร้างการเก็บคะแนนรายวิชา (วิธีการและหัวข้อ) ให้กับผู้ปกครองทราบในลำดับถัดไป” งานนี้ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความเห็นชื่นชมกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมองว่าการศึกษาในบางวิชา ควรมุ่งเน้นไปที่การเข้าใจจากการปฏิบัติ มากกว่าการท่องจำให้สามารถทำข้อสอบได้เยอะ ๆ และเชื่อว่าการปรับเปลี่ยนในครั้งนี้จะส่งผลดีต่อการเรียนรู้ของเด็ก ๆ อย่างแน่นอน   ข่าวจาก : kapook

เคาะ “เขตพื้นที่ฯ” จัดสอบครูผู้ช่วย รื้อปฏิบัติการสอน ลุ้น ก.ค.ศ.อนุมัติ

นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศีกษา (อ.ก.ค.ศ.)วิสามัญเกี่ยวกับการพัฒนานโยบายและระบบบริหารงานบุคคล เมื่อเร็ว ๆ นี้มีมติเห็นชอบ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เสนอ ปรับแก้หลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย โดยมีมมิตยกเลิกวิธีการสอบสัมภาษณ์ ภาค ค ที่กำหนดให้มีการสอบปฏิบัติการสอน 45 นาที มาเป็นการสอบสัมภาษณ์ แบบปกติ ใช้เวลาสอบสัมภาษณ์ไม่เกิน 20 นาที/คน โดยผู้เข้าสอบสัมภาษณ์จะต้องทำพอร์ตโฟลิโอ เสนอให้คณะกรรมการเพื่อประกอบการพิจารณา นายอัมพร กล่าวต่อว่า นอกจากนั้น ยังเห็นชอบให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา เป็นผู้ดำเนินการจัดสอบ โดยให้ดำเนินการจัดจ้างมหาวิทยาลัยในพื้นที่ออกข้อสอบ และดำเนินการจัดสอบ จากเดิมที่คืนอำนาจมาให้ส่วนกลางจัดสอบ เพื่อเป็นการกระจายอำนาจให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ดำเนินการ ซึ่งสพฐ. คิดว่า เขตพื้นที่ฯ จะสามารถดำเนินการได้อย่างดี อย่างไรก็ตามการ โอนอำนาจจัดสอบกลับไปยังเขตพื้นที่ฯ ทั้งที่ เพิ่งคืนอำนาจการจัดสอบกลับมาที่ส่วนกลางได้เพียงปีเดียวนั้น ไม่ได้เป็นการกลับไป กลับมา แต่เนื่องจากที่ผ่านมาการจัดสอบ จะเป็นอำนาจของคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ซึ่งไม่ใช่หน่วยงานในกำกับของสพฐ. ดังนั้น […]

10อันดับโรงเรียน กทม. นักเรียนแห่สมัครเข้า ม.1-ม.4 มากที่สุด

30 มี.ค.66 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เปิดรับสมัครนักเรียนสอบเข้าชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 4 ประจำปีการศึกษา 2566 เมื่อวันที่ 11-15 มี.ค.ที่ผ่านมา และจัดสอบวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา และจะประกาศผลสอบวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยภาพรวมการจัดสอบนั้น นักเรียน ม.1 แผนรับ 636,755 คน มีผู้สมัคร 506,131 คน ส่วน ม.4 แผนรับ 410,460 คน มีนักเรียนสมัคร 396,764 คน ซึ่งลดลงจากปีการศึกษา 2565 นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยตัวเลขโรงเรียนยอดนิยม ที่มีผู้สมัครเยอะ 10 อันดับ ในกรุงเทพฯ ดังนี้ 1.โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย แผนรับ 280 สมัคร 1,546 อัตราการแข่งขัน 1 […]

มธ.ตั้งตู้กดถุงยาง “ฟรี” ข้างกาแฟแบรนด์ดัง หวังนักศึกษารักปลอดภัย

9 มีนาคม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ร่วมกับ อมธ.ท่าพระจันทร์ และ สปสช. จัดซอฟต์ โอเพนนิ่ง เปิดตัว ‘ตู้กดถุงยางอนามัยอัตโนมัติ’ บริเวณชั้น 1 ตึกกองกิจการนักศึกษา มธ.ท่าพระจันทร์ โดยนักศึกษา บุคคลากร และประชาชนทั่วไปที่มีสิทธิ์บัตรทอง (ทุกเพศ) สามารถใช้บริการได้ฟรีตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป วิธีการใช้งาน ดังนี้ 1.เสียบบัตรประชาชน 2.กดรับสิทธิ์ 3.เลือกเลข 49 52 54 56 4.รับถุงยางอนามัย   ข่าวจาก : มติชน

รมว.ศธ.เผย นทท.จีนใส่ชุดนักเรียนไทย เป็นแฟชั่น ไม่เสียหายอะไร

9 มี.ค. น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีที่นักท่องเที่ยวชาวจีน นำชุดนักเรียนไทยมาแต่งกายในรูปแบบแฟชั่น ว่า ตนได้เห็นเรื่องดังกล่าวแล้ว ซึ่งคิดว่าไม่น่ามีอะไรที่ต้องกังวล เนื่องจากเราต้องดูเจตนาที่การใส่ชุดนักเรียน โดยเท่าที่เห็นข้อมูลก็พบว่า เป็นเจตนาที่ดีไม่ได้สร้างความเสียหายในการนำชุดนักเรียนไทยไปทำอะไรที่ไม่เหมาะสม รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า ส่วนจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดหรือไม่ เพราะอาจใส่ไปในสถานที่ที่ไม่เหมาะสมนั้น เรื่องนี้ตนยังไม่เห็นว่ามีการรายงานเรื่องการใส่ชุดนักเรียนของนักท่องเที่ยวที่ไม่เหมาะสมแต่อย่างใด ซึ่งมีตัวอย่างของประเทศญี่ปุ่นที่มีการแต่งชุดนักเรียนญี่ปุ่นแบบน่ารักเป็นเทรนด์แฟชั่นที่ดูเหมาะสม ดังนั้น ในส่วนของชุดนักเรียนไทยก็เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวนำไปใส่เป็นแฟชั่นได้ไม่ได้เสียอะไร.   ข่าวจาก : dailynews

กยศ.แจงหักเงินเดือน ผู้กู้มีภาระสูง แจ้งขอลดการหักเหลือเดือนละ100ได้

กยศ. ชี้แจงกรณีที่มีประเด็นในสื่อสังคมออนไลน์โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการหักเงินเดือนของลูกหนี้ กยศ. พร้อมเอกสารแสดงตัวอย่างโดยระบุว่า กยศ. หักเงินเดือนลูกหนี้อย่างโหด กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ชี้แจงกรณีที่มีประเด็นในสื่อสังคมออนไลน์โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการหักเงินเดือนของลูกหนี้ กยศ. พร้อมเอกสารแสดงตัวอย่างโดยระบุว่า กยศ. หักเงินเดือนลูกหนี้อย่างโหด โดยกองทุนขอชี้แจงในประเด็นดังกล่าวว่า ตัวเลขที่แสดงในหนังสือเป็นตัวเลขตัวอย่างของผู้กู้ยืมที่มียอดผิดนัดชำระหนี้สูงเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้กู้ยืมจะมีภาระหนี้สูงและมียอดที่ถูกแจ้งหักสูงก็สามารถแจ้งขอลดการหักเงินเดือนลงเหลือเพียง 100 บาทต่อเดือนได้ นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ชี้แจงว่า “จากกรณีที่มีหนังสือของกองทุนปรากฏในข่าวนั้น เป็นหนังสือที่กองทุนได้ส่งถึงหน่วยงานนายจ้างเพื่อแจ้งวิธีการคำนวณเงินรายเดือนเพื่อชำระหนี้คืนกองทุนด้วยการหักเงินเดือน ซึ่งตัวเลขที่ระบุในหนังสือเป็นตัวเลขตัวอย่างของผู้กู้ยืมที่มียอดผิดนัดชำระหนี้สูง แต่ในทางปฏิบัติเมื่อผู้กู้ยืมได้รับหนังสือดังกล่าว ผู้กู้ยืมสามารถยื่นขอปรับโครงสร้างหนี้หรือขอไกล่เกลี่ยกับกองทุนแล้วแต่กรณี และสามารถขอปรับลดจำนวนที่หักเงินเดือน โดยชำระขั้นต่ำ 100 บาทต่อเดือน ที่ผ่านมากองทุนได้มีการหักเงินเดือนผู้กู้ยืมด้วยระบบการหักเงินเดือนนำส่งกรมสรรพากรไปแล้วจำนวน 1.7 ล้านราย ผ่านหน่วยงานนายจ้างทั้งภาครัฐและภาคเอกชนกว่า 1 แสนแห่ง เมื่อร่างพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. มีผลบังคับใช้ กองทุนจะคิดดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราไม่เกินร้อยละ 1 ต่อปี กรณีผิดนัดชำระคิดอัตราเบี้ยปรับไม่เกินร้อยละ 0.5 ต่อปี รวมถึงในการกู้ยืมเงินกองทุนไม่ต้องมีผู้ค้ำประกันในทุกกรณี และช่วยเหลือผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างดำเนินคดีหรืออยู่ระหว่างการบังคับคดีให้สามารถผ่อนผันการชำระเงินคืน ปรับโครงสร้างหนี้ แปลงหนี้ใหม่ หรือระงับการชำระเงินคืนตามเงื่อนไขที่คณะกรรมการกองทุนกำหนด […]

เสรีอีกโรงเรียน! กรุงเทพการบัญชีวิทยาลัย ให้อิสระนักเรียนทำผมตามใจชอบ

23 ก.พ. 2566 – จากกรณี โรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง เปิดโอกาสให้นักเรียนไว้ทรงผมตามเพศวิถี จะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ ตามความเหมาะสมเรียบร้อย จนโซเซียลแห่ชื่นชม ที่โรงเรียนให้อิสระกับนักเรียน พบว่านักเรียนส่วนใหญ่ต่างพอใจกับการที่ได้ไว้ทรงผม และรู้สึกมีความมั่นใจ อยากมาเรียนมากขึ้น ล่าสุดผู้สื่อข่าวพบว่า ที่โรงเรียนกรุงเทพการบัญชีวิทยาลัย สถาบันสายอาชีพ เป็นอีกหนึ่งสถานศึกษาที่อนุญาตให้นักเรียนสามารถทำสีและทรงผมได้ตามใจชอบเช่นกัน โดยแฟนเพจเฟซบุ๊กทางการของโรงเรียน Bangkok Business College BBC ได้โพสต์ภาพนักเรียน ที่จัดแต่งทรงผมต่าง ๆ หลากหลาย พร้อมระบุข้อความว่า “เรียนอาชีวะที่บีบีซี มุ่งเน้นที่การฝึกทักษะวิชาชีพ กฏระเบียบเรื่องทรงผม เราให้เลือกทรงผมตามรูปหน้า เสริมบุคลิกภาพให้ดูดี แต่เน้นที่ระเบียบการแต่งกายให้เหมาะสมกับวัยเรียน” ผู้ปกครองรายหนึ่ง เข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า “ถ้าฉันมีลูก ก็อยากให้ไปโรงเรียนเเล้วสนุก ชีวิตวัยเรียน อยากให้เขารู้สึกอยากเข้าเรียนโรงเรียนที่เขาจะได้ทั้งความรู้เเละความสุข”   ข่าวจาก : ข่าวสด

เปิดใจนักเรียน รร.มัธยมวัดธาตุทอง ได้ไว้ผมตามเพศวิถี ทำให้อยากมาเรียนทุกวัน

21 ก.พ. 2566 ข่าวสดออนไลน์ ลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ โรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กทม. หลังจากที่ทางโรงเรียนเปิดโอกาสให้นักเรียนไว้ทรงผมตามเพศวิถี จะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ ตามความเหมาะสมเรียบร้อย จนโซเซียลแห่ชื่นชม ที่โรงเรียนให้อิสระกับนักเรียน พบว่านักเรียนส่วนใหญ่ต่างพอใจกับการที่ได้ไว้ทรงผม และรู้สึกมีความมั่นใจ อยากมาเรียนมากขึ้น ดร.วรพงษ์ เถาว์ชาลี รองผอ.โรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง กล่าวว่า ทางโรงเรียนได้อนุญาตให้นักเรียนไว้ผมยาว มาเกือบ 2 ปีแล้ว หลังจากที่กระทรวงศึกษาธิการ ยกเลิกระเบียบทรงผม ทางโรงเรียนจึงได้ประชุมกันระหว่างคณะครู สภานักเรียน และผู้ปกครอง เห็นตรงว่าทางโรงเรียนต้องให้อิสระกับนักเรียน แต่มีกฏระเบียบ ห้ามย้อมสีผมที่ผิดไปจากธรรมชาติ ห้ามไว้หนวดเครา และ ห้ามปฏิบัติตนไม่เหมาะสม ดร.วรพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่หลายคนชื่นชมโรงเรียนรู้สึกภูมิใจมาก และคิดมาตลอดว่า นักเรียนคือคนที่สำคัญที่สุด ทางโรงเรียนอยากให้มีความสุขมากที่สุด ได้ทันโลก ปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย ทำให้นักเรียนกล้ามาโรงเรียน ชอบมาโรงเรียนตั้งแต่เช้า จากการสอบถาม นายนพรัตน์ หาแก้ว อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 เปิดเผยว่า […]

ราชกิจจาฯ เผยแพร่กฎกระทรวงห้ามสถานศึกษาไล่ออกนักเรียน-นักศึกษาตั้งครรภ์

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่กฎกระทรวงกำหนดประเภทของสถานศึกษาและการดำเนินการของสถานศึกษาในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 4 วรรคหนึ่ง และมาตรา 6 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.การป้องกันและแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของข้อ 7 แห่งกฎกระทรวงกำหนดประเภทของสถานศึกษาและการดำเนินการของสถานศึกษาในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2561 และให้ใช้ข้อความต่อไปนี้แทน “ข้อ 7 สถานศึกษาตามข้อ 2 ที่มีนักเรียนหรือนักศึกษาซึ่งตั้งครรภ์อยู่ในสถานศึกษา ต้องไม่ให้นักเรียนหรือนักศึกษานั้นออกจากสถานศึกษาดังกล่าว เว้นแต่เป็นการย้ายสถานศึกษาตามความประสงค์ของนักเรียนหรือนักศึกษาเท่านั้น” ให้ไว้ ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566

1 4 5 6 58
error: