ข่าวราชการ

Advertisement 29 ส.ค.2567 ในการประชุมคณะกรรมการประกันสังคม ครั้งที่ 11/2567 มีรายงานว่าที่ประชุมได้มีมติให้เพิ่มเงินอุดหนุนบุตร อายุ 0-6 ขวบ จาก 800 บาท/เดือน เป็น 1,000 บาท/เดือน สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 และ 39 โดยจะเริ่มประกาศใช้ภายในเดือนมกราคม 2568 Advertisement ทั้งนี้ สิทธิประโยชน์เงินอุดหนุนบุตรอายุ 0-6 ขวบ ของประกันสังคม เป็นสิทธิที่ให้ประโยชน์แก่เด็กราว 1.2 ล้านคน ทว่าตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมามีการปรับขึ้นเงินอุดหนุนบุตรเพียง 6 ครั้งเท่านั้น ล่าสุดเมื่อ ปี 2564 อยู่ที่ 800 บาท/เดือน โดยการปรับขึ้นเป็นเดือนละ 1,000 บาทในครั้งนี้จะใช้งบประมาณเพิ่มเพียงปีละ 3,225 ล้านบาท สำหรับการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ทางคณะกรรมการประกันสังคม และอนุกรรมการที่เกี่ยวข้องจะเร่งดำเนินการตามที่เคยได้หาเสียงไว้ต่อไป เช่น เพิ่มค่าคลอดบุตรเป็น 20,000 บาท, […]

29 ส.ค.67 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยข้อมูลจาก กรมการจัดหางาน มีการเปิดตำแหน่งงานว่างให้คนหางานจากทั่วประเทศ (ตุลาคม 2566 – กรกฎาคม 2567) แล้วกว่า 779,774 อัตรา ครอบคลุมทุกวุฒิการศึกษา ตั้งแต่ไม่จำกัดวุฒิการศึกษา มัธยมศึกษา ประกาศนียบัตรวิชาชีพ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ปริญญาตรี เพื่อให้บริการแก่ผู้ว่างงาน ผู้จบการศึกษาใหม่ ผู้สูงอายุ กลุ่มผู้เปราะบาง และทุกคนที่ต้องการมีงานทำ โดย ตำแหน่งงานที่มีความต้องการรับสมัครมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ฝ่ายผลิต พนักงานขายโฆษณา เจ้าหน้าที่สำนักงาน พนักงานคลังสินค้า พนักงานขนส่ง ทั้งนี้ได้มีการบรรจุงานแล้วกว่า 155,731 คน ก่อให้เกิดรายได้ 1,812 ล้านบาท ซึ่งล่าสุด ณ เดือน ก.ค.2567 มีตำแหน่งงานว่างจากทั่วประเทศ 215,563 อัตรา ในธุรกิจการผลิต ก่อสร้าง ส่งออก งานบริการที่พักร้านอาหาร วิชาชีพวิทยาศาสตร์และงานวิชาการ […]

28 ส.ค.67 PPTV รายงานว่า นายชนาธิป ล.วีระพรรค ผู้อำนวยการสำนักงานสถานธนานุบาลกรุงเทพมหานคร เผยว่า เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง Low Season นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มอบนโยบายให้สำนักงานสถานธนานุบาลกรุงเทพมหานคร ทั้ง 21 แห่ง ทั่วกรุงเทพมหานครดำเนินการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นกรณีพิเศษ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยเหลือประชาชนให้มีรายจ่ายน้อยลง และรายได้เพิ่มขึ้น คณะกรรมการบริหารสำนักงานสถานธนานุบาลกรุงเทพมหานคร จึงมีมติ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยรับจำนำ โดยจะลดอัตราดอกเบี้ยพิเศษให้แก่ผู้มาใช้บริการ โรงรับจำนำ กทม. ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ถึง 31 ตุลาคม 2567 รวมระยะเวลา 2 เดือน วงเงินจำนำไม่เกิน 5,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ  0.05 บาทต่อเดือน โดยจำกัดวงเงินรับจำนำไม่เกิน 100,000 บาท ต่อ 1 ราย บุคคลและต่อสถานธนานุบาล 1 แห่ง เพื่อเป็นทางเลือกในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประชาชนทุกคน  

27 สิงหาคม 2567 นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวถึงความชัดเจนในการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลตว่า ต้องดูนโยบายรัฐบาลว่าจะแจกอย่างไร เชื่อว่าชัดเจนคือจ่ายให้กับกลุ่มเปราะบาง สำหรับผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้พิการ ซึ่งข้อสรุปสำหรับกลุ่มเปราะบางกลุ่มแรกได้รับสิทธิแจกเงินดิจิทัล 10,000 ตอนนี้จะมีจำนวนกว่า 15 ล้านราย แบ่งเป็นกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจนจำนวน 13-14 ล้านราย และคนพิการจำนวน 1 ล้านราย โดยใช้เงินจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 1.22 แสนล้านบาท บวกกับงบฯกลางอีก 2 หมื่นกว่าล้าน เป็น 1.45 แสนล้าน โดยแจกในเดือนกันยายน ทั้งนี้ต้องรอกระทรวงการคลังสรุปตัวเลขอีกที “เงิน 10,000 รัฐบาลแจกทันอยู่แล้วในเดือนกันยายน เพราะมีการลงทะเบียนชัดเจน ซึ่งรัฐบาลจะต้องทำไปตามกำหนดการอยู่แล้ว” นายเฉลิมพลกล่าว ผอ.สำนักงบฯกล่าวว่า หากกรณีที่แจกเงิน 10,000 บาทไม่ทัน แล้วไม่สามารถทำอะไรได้เลย จะต้องพับโครงการไป หากจะทำโครงการอีกครั้งก็ต้องตั้งงบประมาณปีขึ้นใหม่อีกครั้ง ข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ

27 สิงหาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติงบกลาง เงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปี 67 วงเงิน 3,500 ล้านบาท ให้กับกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม นายเฉลิมพลกล่าวว่า สำหรับสนับสนุนเพิ่มเติมให้กับกองทุนประชารัฐฯ เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้จ่ายให้ถึงสิ้นปีงบประมาณ 67  หรือใช้จ่ายในเดือนสิงหาคมถึงกันยายน 67 นายเฉลิมพลกล่าวว่า กองทุนประชารัฐฯ ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 67 วงเงินเหลืออยู่ 6,000 กว่าล้านบาท แต่กองทุนประชารัฐฯ จะจ่ายทุกเดือน เดือนละ 4,900 กว่าล้านบาท จึงเป็นการเติมเงินให้กับกองทุนฯ ให้เพียงพอต่อการใช้จ่ายให้ถึงสิ้นเดือนกันยายน 67 ข่าวจาก ฐานเศรษฐกิจ

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ข้อบังคับเนติบัณฑิตยสภา แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 21) พ.ศ. 2567 ลงวันที่ 26 สิงหาคม 23567 ระบุว่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติเนติบัณฑิตยสภา พ.ศ. 2507 และด้วยความเห็นชอบของสภานายกพิเศษแห่งเนติบัณฑิตยสภา คณะกรรมการเนติบัณฑิตยสภา จึงตราข้อบังคับแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับเนติบัณฑิตยสภา พ.ศ. 2507 ดังต่อไปนี้ คลิกที่นี่เพื่ออ่านข้อบังคับฉบับเต็ม

26 ส.ค.67 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการ และลูกจ้างประจําของส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและลูกจ้างประจําของส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้ เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ที่เห็นชอบให้ปรับอัตราเพดาน เงินเดือนหรือค่าจ้างขั้นสูงที่มีสิทธิได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว จากเดิม เงินเดือนหรือค่าจ้าง ไม่ถึงเดือนละ ๑๓,๒๘๕ บาท เป็น เงินเดือนหรือค่าจ้างไม่ถึงเดือนละ ๑๔,๖๐๐ บาท และปรับอัตรา เพดานเงินเดือน หรือ ค่าจ้างขั้นต่ำรวมกับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว จากเดิม เงินเดือนหรือค่าจ้าง เดือนละ ๑๐,๐๐๐ บาท เป็น เงินเดือนหรือค่าจ้างเดือนละ ๑๑,๐๐๐ บาท อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ […]

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 122,000,000,000 บาท ให้ใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต วันที่ 22 สิงหาคม 2567 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 พ.ศ. 2567 ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอม ของรัฐสภา ดังต่อไปนี้ มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 พ.ศ. 2567” มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป มาตรา 3 งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ให้ตั้งเป็นจำนวน รวมทั้งสิ้น 122,000,000,000 บาท จำแนกเป็นรายจ่ายตามที่จะระบุต่อไปในพระราชบัญญัตินี้ มาตรา 4 […]

22 ส.ค.67 ที่พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นกล่าววิสัยทัศน์ตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่รู้ปัญหาตัวเองหมด แต่ไม่ยอมแก้ปัญหา ซึ่งเมื่อเรารู้ปัญหาแล้วต้องแก้ไขให้ได้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องเตรียมตัวไว้ว่า นายกรัฐมนตรีใหม่ต้องหาเจ้าภาพในแต่ละปัญหา ท่านบอกว่าถ้าไม่มีเจ้าภาพใครจะแก้ ดังนั้น ทุกปัญหาต้องมีเจ้าภาพ โดยเรื่องแรกคือการปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือนและธุรกิจให้เดินต่อให้ได้ ซึ่งเรื่องนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลังคงต้องคุยกับสมาคมธนาคาร และบรรดานักซื้อหนี้ทั้งหลายว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร เมื่อกล่าวถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เท่าที่ทราบคือเรื่องนี้มีคนค้านเยอะ เพราะบางคนอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่จริง ๆ แล้วดิจิทัลวอลเล็ตเป็นการยิงนกสามตัวด้วยกระสุนนัดเดียว อันแรกคือกระตุ้นเศรษฐกิจ และการใช้ระบบบล็อกเชน ให้กระตุ้นเศรษกิจได้แม่นยำชุ่มฉ่ำทั้งประเทศ แล้วคนไทยจะเข้าใจเทคโนโลยีและให้คนเข้าไปใช้ทุกบริการของภาครัฐ อีกนิดรัฐอาจออกบอนด์ขายประชาชนรายย่อย นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า นี่คือสิ่งที่เราหวังว่าดิจิทัลวอลเล็ตจะเป็นประโยชน์กับประเทศมากกว่ากระตุ้นเศรษกิจ แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้ทางคณะกรรมการฯ เล่าให้ฟังว่า เมื่อมีการตั้งงบปี 67 เพิ่มเติม 1.22 แสนกว่าล้าน บวกกับงบกลาง 2 หมื่นกว่าล้าน รวมเป็น 1.45 แสนล้าน ใช้ในกันยายน 2567 จะแจกจ่ายให้กลุ่มเปราะบาง 13.5 ล้านคน […]

22 ส.ค.2567 – น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X ระบุว่า ดิฉันได้ติดตามข่าวน้ำท่วมในภาคเหนือโดยเฉพาะน่าน เชียงราย และพะเยา อย่างใกล้ชิดด้วยความเป็นห่วงและกังวลใจ ต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ แม้ว่าขณะนี้ ดิฉันจะยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างกระบวนก่อนการเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ แต่ก็ได้ส่งผ่านความห่วงกังวลนี้ไปยังท่านภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีในขณะนี้ ซึ่งคุณภูมิธรรม รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ มีความห่วงกังวลเช่นเดียวกัน จึงได้สั่งการให้ระดมความช่วยเหลือให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ รวมทั้งเร่งระบายน้ำเพื่อบรรเทาทุกข์แก่พี่น้องประชาชนโดยเร่งด่วน รวมทั้งวางแผนฟื้นฟูความเสียหายด้วยแล้ว ดิฉันทราบว่าคุณสุริยะ รองนายกรัฐมนตรีก็ทราบถึงความห่วงกังวลของดิฉัน และท่านเองก็เป็นห่วงพี่น้องประชาชนเช่นกัน ได้มอบหมายให้กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท จัดเจ้าหน้าที่ลงช่วยเหลือและอำนวยความสะดวก ติดตามสถานการณ์ 24 ชั่วโมงค่ะ ดิฉันขอส่งกำลังใจ แก่ผู้ประสบภัยทุกครอบครัวและเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังขณะนี้ค่ะ