น่าน/พะเยา/แพร่ เตรียมรับมือ นทท.จีนทะลัก!! รถไฟจีน-ลาว ทางเชื่อมหลวงพระบางเริ่มสร้างแล้ว!!

Advertisement 25 มกราคม 2560 นางสิรินทร รามสูต อดีต ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย และอดีตกรรมาธิการการท่องเที่ยวและกีฬา สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งข่าวความคืบหน้าโครงการการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูง 160 กม./ชั่วโมง จากเมืองคุนหมิง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน กับนครหลวงเวียงจันทน์ เมืองหลวงของลาว และเชื่อมสะพานมิตรภาพไทยลาว จ.หนองคาย ตัดผ่านไทยไปประเทศมาเลเซีย และไปยังสิงคโปร์ เป็นส่วนหนึ่งในแผนพัฒนาของจีน เชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานทั่วเอเชีย หรือที่รู้จักในชื่อยุทธศาสตร์ “One Belt, One Road” หรือ 1 แถบ 1 เส้นทาง หรือวิชาการเรียกว่า “บูรพาภิวัตน์” ได้เริ่มลงมือก่อสร้างไปแล้วเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา และจะเสร็จใน 5 ปีข้างหน้า ซึ่งจะมีผลกระทบต่อ จ.น่าน พะเยา แพร่ และอุตรดิตถ์ โดยเฉพาะเส้นทางคมนาคมสายบ้านจอมเพชร เชียงแมน ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำโขงของหลวงพระบาง – เมืองหงสา […]

กระทรวงการคลังล้างบัญชีคนจน-เปิดให้ลงบัญชีใหม่ทั้งหมด3-30เม.ย.นี้

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เห็นชอบให้ลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยรอบใหม่วันที่ 3-30 เม.ย.นี้ โดยผู้ที่ไม่เคยลงทะเบียนและผู้ที่เคยลงทะเบียนแล้ว 8 ล้านคน ต้องมาลงทะเบียนใหม่ทั้งหมด ทั้งนี้ การลงทะเบียนทำได้ทั้งที่ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทุกสาขาทั่วประเทศ โดยครั้งนี้คลังจังหวัดของกรมบัญชีกลางจะเข้ามาร่วมรับลงทะเบียนด้วย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ลงทะเบียนมากขึ้น นายกฤษฎา กล่าวว่า ผู้ลงทะเบียนรอบใหม่จะได้รับบัตรผู้มีรายได้น้อยประจำตัวทุกคน เพื่อเตรียมพร้อมไว้รับสวัสดิการที่รัฐบาลจะทำให้ในอนาคต เช่น การ ลดค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า การขึ้นรถเมล์ รถไฟฟรี เป็นต้น โดยใช้บัตรดังกล่าวรูดกับเครื่องก็จะรู้ได้ทันทีว่าได้รับสวัสดิการดังกล่าวหรือไม่ สำหรับการช่วยเหลือผู้สูงอายุ มีผู้สูงอายุเกิน 60 ปี ทั้งหมด 10 ล้านคน มีคนชรา 8 ล้านคน ที่ได้รับเบี้ยคนชราเดือนละ 600-1,000 บาท/เดือน ในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุรายได้น้อย 3.5 ล้านคน ซึ่งเบี้ยคนชราที่รับอยู่ไม่เพียงพอกับการดำรงชีพ จากการศึกษาของคลังเบี้ยคนชราที่ผู้สูงอายุควรได้รับเดือนละ 1,200-1,500 […]

รัฐบาลเดินหน้าแก้กฎหมายเช่าที่ดิน จาก50เป็น99ปี ยืนยันโปร่งใส ไม่ขายชาติ

24 มกราคม 2560 พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการแก้ไขกฎหมายการเช่าที่ดิน หรือ พ.ร.บ.การเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2542 โดยขยายเวลาการให้เช่าดินของรัฐจาก 50 ปี เป็น 99 ปีว่า แนวคิดดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศ เพราะระยะเวลาการเช่า 50 ปี ยังเป็นอุปสรรค ไม่ดึงดูดการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีระยะเวลาการคืนทุนที่ยาวนาน ทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศไม่กล้าตัดสินใจลงทุน ทุกวันนี้การแข่งขันทางการค้าการลงทุนเป็นไปอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะเมื่อเปิดประชาคมอาเซียนแล้ว ไทยต้องแข่งขันกับประเทศสมาชิกและยังต้องแข่งขันกับประเทศอื่นๆ อีก จึงจำเป็นต้องมีมาตรการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ให้ดีกว่าคู่แข่งหรือไม่ก็เท่าเทียมกับเขา เช่น สิงคโปร์และมาเลเซียให้เช่าที่ดินได้นาน 99 ปี เวียดนาม 70 ปี ส่วนฟิลิปปินส์ กัมพูชา และเมียนมาให้เช่าที่ดินได้ 50 ปี พล.ต.สรรเสริญกล่าวต่อว่า สิ่งที่รัฐบาลทำก็เพื่อสร้างเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งจะดำเนินการอย่างรอบคอบและมีมาตรการป้องกันการถือครองผิดวัตถุประสงค์ โดยจะให้เช่าที่ดินเฉพาะเพื่อลงทุน หรือเช่าทำธุรกิจ ที่โดยปกติมีการต่ออายุให้อยู่แล้ว ไม่รวมถึงการเช่าประเภทอื่นหรือเหมารวมทุกกิจกรรม และหากผู้เช่าไม่ทำตามกฎระเบียบที่กำหนดไว้ก็สามารถยกเลิกได้ กฎหมายนี้ริเริ่มโดยส่วนราชการ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐกิจ ทำงานร่วมกันหลายหน่วยงาน ที่เห็นว่าควรปรับแก้ไขให้เป็นสากล ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจ จึงไม่ใช่แนวคิดของนายทักษิณ […]

เตรียมปรับเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุเป็น1,200-1,500บาท/เดือน เพื่อสอดคล้องค่าครองชีพที่สูงขึ้น

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เผยเตรียมเพิ่มเบี้ยสูงอายุ จาก  600 บาท เป็น 1,200-1,500 บาทต่อเดือน หวังได้งบจากผู้มีฐานะที่สละสิทธิ์ และจากภาษีบาป เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2560 นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า กำลังศึกษาแนวทางเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ จากเดือนละ 600 บาท เป็น 1,200-1,500 บาท ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมต่อสภาพค่าครองชีพ ทั้งนี้การเพิ่มเบี้ยดังกล่าวนั้น ส่วนหนึ่งมาจากผู้สูงอายุที่มีฐานะ ที่ประสงค์จะสละสิทธิ์ ซึ่งปัจจุบันมีผู้อยู่ในข่ายดังกล่าวกว่า 8 ล้านคน นอกจากนี้เงินอีกส่วนจะมาจากการตั้งกองทุนชราภาพ โดยนำเงินเข้ามาจากภาษีเหล้าและบุหรี่ ที่ประมาณปีละ 2 พันล้านบาท ด้าน นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต ระบุว่า ปัจจุบันภาษีสรรพสามิตที่จัดเก็บได้กว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี และนำส่งเข้าคลังเพื่อไปใช้จัดสรรในงบประมาณส่วนต่างๆ ซึ่งหากจะมีการตั้งกองทุนชราภาพจากเงินในส่วนนี้ ก็สามารถดำเนินการได้ ข่าวจาก : workpointtv.com ภากจาก : www.schoolofchangemakers.com

ก.คลังเล็งแจกบัตรคนจน ใช้เป็นส่วนลดค่าโดยสาร/น้ำ/ไฟ เปิดลงทะเบียนรอบ2 เดือนเม.ย.นี้

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยว่า ในเดือนเมษายนจะกระทรวงการคลังเปิดให้ลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยรอบใหม่ ผู้ที่เคยลงทะเบียนไว้รอบแรกต้องมาลงทะเบียนใหม่อีกครั้ง เนื่องจากครั้งนี้จะออกบัตรผู้มีรายได้น้อยให้กับผู้ลงทะเบียนด้วย และบัตรดังกล่าวสามารถนำไปใช้ขอรับสวัสดิการจากภาครัฐ ทั้งส่วนลดค่าโดยสาร รถไฟ น้ำ ไฟ เป็นต้น สำหรับการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ที่ลงทะเบียนไว้ก่อนหน้านี้คนละ 1.5 พันบาทและ3 พันบาทนั้น ขณะนี้จ่ายไปแล้ว 98% จากจำนวนที่ผ่านเกณฑ์กว่า 7 ล้านราย โดยจ่ายไปแล้ว 6.8 ล้านรายคิดเป็นเงินกว่า 1.57 หมื่นล้านบาท ก่อนหน้านี้มีผู้มาลงทะเบียนกว่า 8 ล้านราย เท่ากับว่าไม่ผ่านเกณฑ์ 1 ล้านราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่มีรายได้เกินกว่า 1 แสนบาทต่อปี เสียชีวิตไปแล้ว หรือมาลงทะเบียนซ้ำ ข่าวจาก หนังสือพิมพ์มติชน

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ปรับปรุงเครื่องแบบองคมนตรี

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ พระราชกฤษฎีกาเครื่องแบบองคมนตรี พ.ศ.2560 ความว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงเครื่องแบบองคมนตรี อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 22 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาเครื่องแบบองคมนตรี พ.ศ. 2560” มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา 3 ให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาเครื่องแบบองคมนตรี พ.ศ. 2527 มาตรา 4 เครื่องแบบองคมนตรี มี 6 ชนิด คือ 1. เครื่องแบบปกติกากีคอพับ 2. เครื่องแบบปกติขาว 3. เครื่องแบบปกติกากีคอตั้ง 4. เครื่องแบบครึ่งยศ 5. เครื่องแบบเต็มยศ 6. เครื่องแบบสโมสร ผู้รับสนองพระราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี   […]

ราชกิจจานุเบกษาประกาศ พ.ร.บ.คอมพ์ ฉบับแก้ไขแล้ว

ผู้สื่อข่าวมติชนรายงานว่า ๒๕ มกราคม ๒๕๖๐ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ แล้ว (คลิกอ่านที่นี่ – พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์) มีสาระสำคัญ อาทิ  มาตรา ๔ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสองและวรรคสามของมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ “ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นอันมีลักษณะเป็นการก่อให้เกิด ความเดือดร้อนรําคาญแก่ผู้รับข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้รับ สามารถบอกเลิกหรือแจ้งความประสงค์เพื่อปฏิเสธการตอบรับได้โดยง่าย ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน สองแสนบาท ให้รัฐมนตรีออกประกาศกําหนดลักษณะและวิธีการส่ง รวมทั้งลักษณะและปริมาณของข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งไม่เป็นการก่อให้เกิดความเดือดร้อนรําคาญแก่ผู้รับ และลักษณะอันเป็นการบอกเลิกหรือแจ้งความประสงค์เพื่อปฏิเสธการตอบรับได้โดยง่าย” “มาตรา ๑๒ ถ้าการกระทําความผิดตามมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๘ หรือมาตรา ๑๑ เป็นการกระทําต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษา ความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะ ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่ สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท ถ้าการกระทําความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ […]

“เซเว่น”ใจดี! ให้ตร.จราจร-สายตรวจ กินน้ำอัดลมฟรีทุกสาขาทั่วประเทศ 1 ปี : 1 ม.ค.-31 ธ.ค.60

ผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจรายงานว่า ในโลกออนไลน์มีการแชร์เอกสารบันทึกข้อความ เรื่อง โครงการสายใยและน้ำใจ ระยะที่ 17 ซึ่งเนื้อหาเป็นการแจ้งเพื่อทราบแก่ตำรวจจราจรและสายตรวจ ว่า บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จัดทำโครงการสายใยและน้ำใจ ระยะที่ 17 โดยจัดบริการเครื่องดื่มฟรีให้กับเจ้าหน้าที่สายตรวจในเครื่องแบบและเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่สามารถเข้าไปรับบริการเครื่องดื่มประเภทเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขาทั่วประเทศได้ตลอดเวลาระหว่างวันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากเอกสารดังกล่าวแชร์ไปในโลกออนไลน์ ทางซีพีออลล์ ได้ระบุว่าเป็นโครงการของซีพีออลล์จริง  เนื่องจากเราตระหนักดีว่าข้าราชการตำรวจมีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุข ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนและชุมชนต่างๆ ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นภารกิจที่สำคัญ ยากลำบากและเหน็ดเหนื่อยโดยเฉพาะในเวลาที่อากาศร้อน  ดังนั้น เพื่อแสดงออกซึ่งน้ำใจไมตรีความห่วงใยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน อันเป็นคุณสมบัติและวัฒนธรรมอันดีงามของคนไทยที่มีมาแต่โบราณกาล เซเว่นจึงขอมอบน้ำใจเล็กๆน้อยๆที่พอจะทำได้ มอบให้เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแด่ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อส่วนรวม ข่าวจาก : หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ภาพจาก : สำนักข่าวทีนิวส์

ระวัง! มิจฉาชีพสุ่มโทร ใช้มุกอ้างว่าเป็นญาติ”ขับรถชนคนตาย-เข้ารพ.” หลอกโอนเงินด่วน

22 มกราคม 2560 นางอาทิตยา (สงวนนามสกุล) แจ้งเตือนภัยมายัง “มติชนออนไลน์” ว่า ครอบครัวของตนซึ่งอาศัยอยู่ที่จังหวัดพัทลุง ได้รับโทรศัพท์จากชายคนหนึ่ง ทำเสียงร้องไห้ฟูมฟายว่าตนขับรถชนเด็กเสียชีวิต ผู้รับสายคือแม่สามีตกใจ คิดว่าอาจเป็นลูกชายอีกคนหนึ่ง ชื่อเล่น “ตั้ง” จึงเรียกชื่อซ้ำๆ ทำให้ชายคนดังกล่าวแทนชื่อตัวเองด้วยชื่อนั้นได้ถูกต้อง จากนั้นแม่สามีได้ส่งโทรศัพท์ให้สามีคุยต่อ เนื่องจากฟังไม่ถนัด ระหว่างนั้นมีการตัดสายไป แล้วโทรกลับมาอีกครั้งด้วยเสียงที่สุขุม โดยครั้งนี้ตนเป็นผู้รับสาย ปลายสายระบุว่า ตนเป็นตำรวจ ชื่อร้อยตำรวจโทวิโรจน์ ตนจึงยื่นโทรศัพท์ให้สามี พอดีกับที่สามีกำลังโทรศัพท์หา “ตั้ง” เมื่ออีกฝ่ายได้ยินจึงรีบวางสายไป และทางครอบครัวได้ทราบหลังจากติดต่อ “ตั้ง” ได้ว่าไม่ได้ขับรถชนหรือเกิดอุบัติเหตุใดๆ ทั้งสิ้น ภาพประกอบจาก YouTube (เป็นเพียงภาพประกอบบทความเพียงเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาในบทความโดยตรง) นางอาทิตยายังกล่าวอีกว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ทั้งครอบครัวตกใจอย่างมาก และคิดว่าต้องเป็นมิจฉาชีพอย่างแน่นอน จึงลองค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต พบว่ามีผู้ประสบเหตุการณ์เดียวกับตนหลายรายตั้งแต่ปี 2557 หรือก่อนหน้านั้น ด้วยเหตุนี้จึงอยากเตือนภัยให้ผู้ที่ได้รับโทรศัพท์จากคนแปลกหน้า ให้มีสติ อย่าตื่นตระหนก และต้องพยายามตรวจสอบข้อมูลรอบด้านก่อนที่จะเชื่อถือข้อมูลจากอีกฝ่าย “คนที่โทรมาใช้วิธีโทรจากถนนที่เสียงดัง ฟังยาก อาจทำให้ได้ยินเสียงไม่ชัดว่าใช่ญาติตัวเองหรือเปล่า พอเผลอถามหรือเรียกชื่อ มิจฉาชีพก็จะรู้ และเรียกแทนตัวเองตามชื่อที่เผลอพูดไป ดีที่สามีมีสติ สังเกตว่าเบอร์ที่โทรเข้ามาไม่ใช่เบอร์ของน้องชายตัวเองตามที่เขาอ้าง และโทรตรวจสอบจากเบอร์ที่น้องชายใช้ประจำ ทางนั้นเลยรีบวางสายหนี พอค้นกูเกิล […]

กกต.เชิญชวนประชาชนบริจาคภาษี 100 บาท เพื่อช่วยพัฒนาพรรคการเมือง

24 ม.ค.60 พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง รักษาการแทนเลขาธิการกกต. เปิดเผยว่า สำนักงานกกต. ขอเชิญชวนประชาชนร่วมบริจาคภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่พรรคการเมือง ประจำปีภาษี 2559 เพื่อช่วยพัฒนาพรรคการเมืองให้มีความเข้มแข็ง “เสียภาษีช่วยพัฒนาชาติ 100 บาท ช่วยพัฒนาพรรคการเมือง” โดยไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมือง แต่ประชาชนสามารถบริจาคเงินภาษีที่ต้องชำระทุกปีให้แก่พรรคการเมืองได้ในจำนวนเงิน 100 บาท ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งไม่ต้องเสียภาษีเพิ่ม โดยผู้บริจาคภาษีจะต้องเป็นบุคคลธรรมดา มีสัญชาติไทย รวมทั้งมีเงินภาษีที่ต้องชำระ ตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวต่อว่า สำหรับการบริจาคภาษีให้แก่พรรคการเมืองมีเพียง 3 ขั้นตอน คือ 1. กรอกแบบฟอร์มยื่นแบบเสียภาษี ภ.ง.ด.90 และ ภ.ง.ด.91 2. ทำเครื่องหมายถูก ในช่องประสงค์จะบริจาคภาษี 100 บาท 3. กรอกรหัสของพรรคการเมืองที่ประสงค์จะบริจาคเงินภาษีได้เพียง 1 พรรค ทั้งนี้สามารถตรวจสอบรหัสของพรรคการเมือง ประจำปีภาษี 2559 จำนวน 70 พรรค ได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงานกกต. […]

1 2,905 2,906 2,907 2,959
error: