สาวๆต้องระวัง!!อาหารทำลายผิวพรรณพวกนี้

Advertisement สาวๆทุกคนหรือหนุ่มๆหลายคนก็อยากจะมีผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง สว่างขาวใสเป็นยองใยแสงไฟนีออนกันใช่มั้ยหละครับ เพื่อบุคลิกภาพที่ดี ไปไหนก็มีแต่ผู้คนให้ความสนใจ บางครั้งมีผลต่องานบางอาชีพอย่างเช่น พริตตี้หรือMC ด้วยนะครับ วิธีการบำรุงรักษาผิวเราก็คงทราบกันไปมากแล้ว วันนี้เรามารู้จักตัวทำลายผิวพรรณของเรากันบ้างดีกว่านะครับ นั่นก็คือ"อาหาร"ครับ เอ๊ะ!!อาหารเนี่ยนะ ทำลายผิวของเรา? เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา เรามารู้จักกันเลยดีกว่าครับ Advertisement    อาหารที่มีสีย้อมผ้า  อาหารชนิดนี้ก็คือ อาหารที่มีสีสันที่สดใส ดึงดูดให้คนซื้อรู้สึกว่าน่ารับประทาน ไม่ว่าจะเป็นลูกกวาด ลูกอม หมากฝรั่ง ขนมไทย(ที่ใส่สีจนดูสดใสแปลกตา) เบเกอร์รี่ น้ำหวาน อาหารพวกนี้จะเจือปนสารพิษ ทำให้ไม่ดีต่อสุขภาพผิวพรรณและร่างกายของผู้รับประทาน   อาหารที่มีผงกรอบ หรือสารบอแร๊กซ์ อาหารประเภททอดต่าง เช่น ลูกชิ้น หมูยอ กล้วยทอด เผือกทอด มันทอด ผักทอด เป็นต้น ถึงแม้ว่ามันจะหาซื้อรับประทานง่ายแต่มันก็อุดมไปด้วยความ"ไม่คลีน"นะจ๊ะ ไหนจะน้ำมันชุ่มๆ อาจจะเป็นน้ำมันเก่าใช้ซ้ำอีก หรือมีสารบอแร็กซ์ที่ช่วยให้กรอบกรุบๆ สิ่งเหล่านี้ทำลายผิวพรรณและสุขภาพของสาวๆอย่างแน่นอนครับ Advertisement อาหารที่มีดินประสิว อาหารจำพวก แหนม หมูยอ กุนเชียง เนื้อวัว แล้วก็เนื้อเค็มเหล่านี้มีสารพิษต่อร่างกายและผิวพรรณที่ค่อนข้างมาก เพราะอาหารพวกนี้นี้ใส่สีแดงดูสวยงามน่ารับประทาน อาหารที่มีสารตัดแต่งพันธุกรรม (GMOs) สารชนิดนี้นั้นมีไว้เพื่อเพิ่มขนาดให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น มากขึ้น พอได้ปริมาณที่มากขึ้นก็มีราคาที่เพิ่มขึ้น […]

เทคนิคการทำข้อสอบ(คณิตศาสตร์)ง่ายๆ ภาค ก สำหรับทุกสนามสอบ!!

หมายเหตุ : รายละเอียดที่ปลีกย่อยมากกว่านี้ เช่น ข้อสอบที่มีเฉพาะหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง และวิชาอื่นๆ ต้องไปหาหนังสือข้อสอบโดยเฉพาะกันเองนะจ๊ะ คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดไฟล์เอกสารทั้งหมด หรือ https://drive.google.com/file/d/0BzGCqoelBKR3Znc2LUF3S2hiNDA/view

สลาก ธ.ก.ส. VS สลากออมสิน มาดูกันว่าผลตอบแทนและโอกาสถูกรางวัลใครจะมากกว่ากัน

ในภาวะที่ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำเตี้ยติดดิน สลาก ธ.ก.ส. และสลากออมสิน เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ (เพราะมันคือการลงทุนต่อยอดเงินที่ความเสี่ยงต่ำ ไม่ขาดทุน แถมยังลุ้นรางวัลได้ด้วย ต่างจากหุ้นหรือการลงทุนประเภทอื่นที่แม้จะผลตอบแทนดี แต่ก็มีความเสี่ยงสูง) ลองมาดูผลตอบแทนและโอกาสในการถูกรางวัลเปรียบเทียบกันดู ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ข้อสังเกต – ถ้าซื้ออย่างน้อย 500,000 เท่ากัน อัตราผลตอบแทนขั้นต่ำ จะได้ดอกเบี้ย+รางวัลเลขท้าย  ธ.ก.ส. จะดีกว่า – แต่ถ้าซื้อต่ำกว่านี้ ธ.ก.ส. 0.83% ต่อปี ออมสิน 0.667 % ต่อปี  ส่วนการถูกรางวัลก็แล้วแต่ดวง – ข้อเด่นคือ ธ.ก.ส. ได้ลุ้นรางวัลใหญ่กว่า แต่ต้องฝากครบ 3 ปีถึงจะได้ดอก ส่วนออมสินถอนก่อนก็ได้ดอกตามอัตราส่วน – จำนวนเงินที่ทำให้ผลตอบแทนขั้นต่ำต่อปีแตกต่างกันคือซื้อเลขติดกันอย่างต่ำ 5 แสน, 5 ล้าน หรือ 50 ล้าน ขอบคุณข้อมูลจาก Hyperreality เว็บไซต์ http://pantip.com/topic/35243802 เรียบเรียงใหม่โดย Thaijobsgov    

“ไขมันพอกตับ”…คุณก็อาจจะเป็นโรคอยู่ก็ได้!!

ไขมันพอกตับคือโรคที่เกิดจากการสะสมของไขมันในตับที่มากเกินไปจนทำให้ตับทำงานผิดปกติ เอกสารทางการแพทย์พบว่าโดย 20% ของคนที่เป็นโรคอ้วนมักจะเป็นโรคไขมันพอกตับ รวมถึงผู้ที่มีดัชนีมวลกาย BMI 25-30 หรือผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากนั่นเอง                แล้วปัจจัยอะไรที่ทำให้เกิดโรคนี้หละ!!? 1. การดื่มสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆ เป็นประจำและมากเกินไปหรือดื่มจัดนั่นเอง 2. ดื่มน้ำสะอาดน้อยเกินไปหรือการดื่มน้ำหวานแทนน้ำเปล่า  3. การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว 4.ผู้ที่ป่วยเป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน ผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซี ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง และสภาวะขาดอาหารสามารถทำให้เกิดโรคไขมันพอกตับได้รวมถึงการรับประทานอาหารที่มากเกินไป ไขมันพอกตับจะแบ่งความรุนแรงของโรคเป็น 4 ระยะ ดังนี้ ระยะแรก เริ่มมีอาการสะสมไขมันที่ตับมากกว่าปกติ แต่ยังไม่ส่งผลเสียใด ระยะที่สอง เริ่มพบการอักเสบที่ตับ หากไม่รีบรักษาหรือดูแลตัวเองและปล่อยให้เป็นนานถึง 6 สัปดาห์จะทำให้เกิดอาการตับอักเสบเรื้อรัง ระยะที่สาม เซลล์ตับจะค่อยๆถูกทำลาย เพราะการอักเสบมีความรุนแรงขึ้น และเกิดพังผืดขึ้นในตับ ระยะที่สี่ ตับไม่สามรถทำงานได้อย่างปกติอีกต่อไป เพราะเซลล์ตับถูกทำลายลงไปมาก อาจทำให้เปลี่ยนเป็นโรคตับแข็งหรือมะเร็งตับในที่สุด "แม้ว่าผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้จะไม่แสดงอาการให้เห็นหรือรู้ตัวมาก่อน หรือหากมีอาการก็ไม่สามารถรู้ได้ว่ากำลังเป็นโรคนี้อยู่ เช่น มีอาการคลื่นไส้อาเจียนเป็นบางเวลา รู้สึกอ่อนเพลียบ่อยๆ และรู้สึกเจ็บๆตึงๆบริเวณใต้ชายโครงด้านขวา เป็นต้น"   เราจะสามารถป้องกันโรคนี้ได้อย่างไร?  1.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นกากใยสูง ไขมันต่ำและให้พลังงานต่ำ 2.ควรออกกำลังเป็นประจำและสม่ำเสมอ […]

ศาสตร์จากอินเดีย!!บ้วนปากด้วยน้ำมันมะพร้าว ขจัดกลิ่นปาก

การบ้วนปากด้วยน้ำมันจากพืช เพื่อขจัดกลิ่นปากและรักษาโรคภายในช่องปากนั้นเป็นความเชื่อที่เกิดขึ้นตามทฤษฎีออยล์พูลลิ่ง(Oil Pulling) หรือการใช้น้ำมันจากพืชเป็นตัวช่วยบำบัดโรคภายในช่องปาก เป็นความเชื่อที่ได้รับการสืบทอดต่อเนื่องยาวนานมานับพันปีจากประเทศอินเดีย วิธีการนี้ก็คือ ใช้น้ำมันมะพร้าวอมไว้ภายในปาก จากนั้นค่อยๆ กลั้วน้ำมันมะพร้าวให้ทั่วช่องปากเป็นเวลาประมาณ 15-20 นาที จึงบ้วนทิ้ง ความเชื่อนี้ยังได้รับความน่าสนใจมากขึ้นเมื่อมีนักชีววิทยาท่านหนึ่งได้ทำการศึกษาและได้อธิบายถึงความสามารถในการบำบัดโรคของน้ำมันมะพร้าวเอาไว้อย่างชัดเจนตามหลักของวิทยาศาสตร์ เพราะในปากของเราเต็มไปด้วยเชื้อแบคทีเรียจำนวนมากมาย การแปรงฟันนั้นไม่ได้ช่วยให้แบคทีเรียเหล่านี้ออกไปได้หมด โดยเฉพาะตามซอกฟันและซอกเหงือก แม้จะพยายามทำความสะอาดด้วยขนแปรงานแค่ไหนก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ การใช้น้ำยาบ้วนปากก็เป็นเพียงตัวช่วยดับกลิ่นปากเพียงชั่วคราวเท่านั้น  เมื่อกลั้วปากด้วยน้ำมันมะพร้าว โมเลกุลขนาดเล็กจะแทรกตัวเข้าไปตามซอกฟันและซอกเหงือก แม้ในส่วนที่เข้าถึงได้ยาก ส่งผลให้เชื้อโรคที่หลบซ่อนตัวอยู่ถูกรวมอยู่ในน้ำมันมะพร้าว ซึ่งเมื่อบ้วนน้ำมันมะพร้าวที่ได้ออกมาจะพบว่ามีลักษณะเป็นสีขาวขุ่นอมเหลือง จากเดิมก่อนอมจะมีสีขาวใส เมื่อใดก็ตามที่เราอมน้ำมันมะพร้าวเข้าไว้ในปากจะส่งผลให้ผนังเซลล์ของเชื้อโรคดึงดูดมาติดกับน้ำมันมะพร้าว  อีกทั้งเศษอาหารขนาดเล็กยังสามารถหลุดออกมากับน้ำมัน ช่วยให้ช่องปากได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ ลดปัญหาเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดฟันผุและกลิ่นปาก  โอ้ว…ได้ทราบแล้วรู้สึกทึ้งกับภูมิปัญญาของชาวอินเดียมากๆ แถมวิธีนี้ก็เป็นวิธีธรรมชาติที่ไม่มีการพึ่งสารเคมีแต่อย่างใด ส่งผลดีต่อช่องปากอีกด้วยครับ ลองเอาไปทำกันดูนะครับ เพื่อความมั่นใจในลมหายใจอันหอมสดชื่นของเรา   เรียบเรียงโดย Thaijobsgov ข้อมูลจาก organicbook.com ภาพจาก google.com [ads=center]

มากำจัด”เสมหะ”ให้พ้นคอ…ด้วยตัวเอง

เวลาที่เราทุกคนมีอาการไอ ไม่สบาย มักจะมีสิ่งที่เป็นสารคัดหลั่งของร่างกายออกมาด้วยเสมอไม่ว่าจะเป็นน้ำมูกหรือเสมหะ โดยปกติแล้ว เมื่อมีเสมหะร่างกายของเราจะสามารถขับเสมหะออกมาได้เองตามธรรมชาติอยู่แล้ว เพราะระบบทางเดินหายใจของคนเราจะมีการสร้างมูกขึ้นเองอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้เกิดความชุ่มชื้น ช่วยป้องกันและกำจัดเชื้อโรคภายในทางเดินหายใจ  แต่เมื่อเวลาเราทุกคนมีอาการไม่สบายอย่างหนัก อาการที่หลายคนมักเผชิญกันก็คือ มีเสมหะมาก รวมถึงมีอาการไอ เหนื่อยหอบง่าย การหายใจติดขัดลำบาก ดังนั้นแล้วหากคุณเองก็มีอาการใดอาการหนึ่งดังที่ได้กล่าวไปเบื้องต้น เราสามารถบรรเทาอาการมีเสมหะได้ด้วยตัวเอง ซึ่งมีวิธีการต่างๆดังต่อไปนี้ กำจัดเสมหะด้วยอาหาร 1.รับประทานอาหารที่มีรสชาติเผ็ดร้อนจากสมุนไพรไทย ผู้ที่มีเสมหะภายในลำคอมากควรหันมากินอาหารไทยประเภทต้มแกงที่มีรสชาติเผ็ดร้อน เช่น แกงส้ม ต้มยำ แกงเลียง แกงแค ส้มตำ ยำและน้ำพริกก็ได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากความเผ็ดร้อนจากเครื่องสมุนไพรไทยที่นำมาประกอบอาหารมีฤทธิ์ช่วยขับเสมหะและช่วยให้ระบบทางเดินหายใจโล่งขึ้นได้ 2.งดเว้นของมันของทอดอย่างเด็ดขาด!! อาหารมันๆ ทอดๆ จะไปกระตุ้นให้เรามีอาการไอมากขึ้น เสมหะก็จะออกมามากขึ้น รวมไปถึงขนมหวานจำพวก เค้ก ไอศกรีม โดนัท ช็อกโกแลต กะทิและครีมเทียมที่ใช้ปรุงรสชาติชา กาแฟ ด้วย 3.รับประทานผลไม้ที่ให้วิตามินซีสูงเพื่อเพิ่มภูมิต้านทาน ผู้ที่มีอาการหวัด ไอหรือเป็นไข้บ่อยๆ ควรหันมารับประทานอาหารที่ให้วิตามินซีสูงเพื่อเสริมสร้างให้ระบบภูมิคุ้มกันโรคแข็งแรงยิ่งขึ้น เมื่อเกราะป้องกันโรคแข็งแรงอาการเรื้อรังที่เป็นอยู่ก็จะค่อยๆ ทุเลาและหายเร็วขึ้นได้ นอกจากนี้ มันยังช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อแบคทีเรียที่อาจทำให้เป็นหวัดได้สูงขึ้นด้วย ผลไม้วิตามินซีสูงที่แนะนำก็คือ มะขามป้อม เพราะมีสรรพคุณในการช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน เป็นผลไม้ที่ให้วิตามินซีสูงมากกว่าบรรดาผลไม้ไทยทุกชนิด กำจัดเสมหะด้วยสมุนไพร 1.จิบน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งอุ่นๆ บ่อยๆ น้ำผึ้งมีสรรพคุณช่วยละลายเสมหะ คุณค่าจากน้ำผึ้งและน้ำมะนาวมาผสานตัวรวมกันจะมีฤทธิ์กลายเป็นยา สามารถลดการสะสมเชื้อแบคทีเรีย ช่วยฆ่าเชื้อและลดอาการอักเสบระคายเคืองคอช่วยบรรเทาอาการแก้ไอ สารจากน้ำผึ้งยังมีส่วนช่วยให้เสมหะอ่อนตัวง่าย การขับเสมหะก็จะยิ่งถูกกำจัดได้ง่ายขึ้น 2.สูดไอน้ำที่ผสมน้ำมันหอมระเหย ต้มน้ำเดือดมาเทลงในชามหรือหม้อใหญ่ก็ได้จากนั้นหยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบตามลงไป เช่น […]

เคยรู้กันหรือไม่?! เครื่องดื่มนี้ช่วยกระตุ้นการ”เบิร์น”ของร่างกาย

ไม่ว่าเราจะมองไปทางไหน ตรอกซอกซอยใด เราก็จะเห็นร้านขาย"กาแฟสด"เยอะแยะมากมาย ทั้งร้านถูกร้านแพงเต็มไปหมด วัยรุ่นในสมัยนี้นิยมบริโภคกาแฟมากขึ้น อาจจะเป็นเพราะต้องการที่จะชิลล์ สบายๆ เงียบๆ อยู่กับตัวเองหรือเรียกว่าแนว"Slow Life" แต่กาแฟที่สั่งของวัยรุ่นส่วนใหญ่จะเป็นกาแฟที่เต็มไปด้วยความหวาน ครีม นม เน้นๆเข้มข้น ทำให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพและน้ำหนักขึ้นกันถ้วนหน้าเลยทีเดียวครับ แต่ได้มีงานวิจัยหลายฉบับได้ออกมากล่าวว่า "การดื่มกาแฟดำทำให้ร่างกายเกิดระบบเผาผลาญที่ดี ช่วยละลายไขมันในร่างกายได้ด้วย" ประโยชน์ของกาแฟดำ (กาแฟดำร้อนหรือเย็น ไม่ใส่น้ำตาล) มันช่วยให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญ ช่วยให้ไขมันแตกตัวและให้พลังงานทดแทนจึงลดความอ้วนได้ดี อีกข้อนั่นคือ ช่วยลดอัตราคอเลสเตอรอล ป้องกันโรคหัวใจได้ด้วย ในกาแฟมีนิโคตินที่มีประโยชน์มีวิตามิน B รวมชนิดหนึ่งที่ร่างกายต้องการ ช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้และสร้างระบบเผาผลาญในร่างกายอย่างดีด้วย ในการที่คนเราดื่มกาแฟดำ 1 แก้วแนะนำว่าให้จิบเรื่อยๆ ดื่มได้ประมาณครึ่งชั่วโมงร่างกายจะเริ่มเผาผลาญพลังงาน  ใน1วันเราควรดื่มกาแฟอย่างน้อย 1-2 แก้วเท่านั้น เพราะถ้าดื่มมากไปจะทำให้ระบบประสาททำงานหนักถึงกับตาค้างและหัวใจเต้นถี่มากขึ้นได้ โอ้โห…ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่า กาแฟดำแก้วเล็กๆนี้จะมีประโยชน์มากมาย อย่างที่บอกนะครับการดื่มกาแฟเพื่อสุขภาพนั้นไม่ใช่การดื่มกาแฟที่มีรสชาติหวานมันกลมกล่อม แต่ควรเป็นกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลหรือในร้านกาแฟเรียกเมนูนี้ว่า "อเมริกาโน่" หรือ "แบล็คคอฟฟี่" ถ้าอยากได้ประโยชน์จากกาแฟดำ อยากเผาผลาญพลังงาน ต้องสั่งกาแฟดำไม่หวาน! เท่านั้นนะครับ   เรียบเรียงโดย Thaijobsgov ข้อมูลจาก organicbook.com ภาพจาก google.com [ads=center]  

ต่อไปนี้ ก.พ. ภาค ก จัดสอบทุกเดือน!! โดยใช้คอมพิวเตอร์ในการสอบ เริ่ม 15 มิ.ย.นี้

เป็นข่าวดีสำหรับ วุฒิ ป.โท (สำหรับวุฒิอื่นๆ ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าจะเปลี่ยนระบบตามวุฒิ ป.โท นี้หรือไม่) ซึ่งรายละเอียดโดยสังเขปก็คือ ต่อไปนี้สำนักงาน กพ. จะจัดให้มีการสอบวัดความรู้ทั่วไประดับ ป.โท (กพ. ภาค ก ระดับ ป.โท) ทุกเดือน โดยจะเปิดรับสมัครเรื่อยๆ จนกว่าจะเต็ม (เริ่มเปิดรับสมัคร 15 มิ.ย.นี้) โดยการสอบต่อไปนี้ก็จะไม่ใช้กระดาษอีกต่อไปแล้ว แต่จะเปลี่ยนมาใช้คอมพิวเตอร์ในการสอบแทน แต่จะต้องไปสอบที่ห้องสอบด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงาน ก.พ. นนทบุรี เท่านั้น (คล้ายกับการสอบใบขับขี่ในปัจจุบันที่เปลี่ยนจากกระดาษมาเป็นคอมพิวเตอร์อย่างนั้นแหละ) ส่วนรายละเอียดทั้งหมดก็ตามเอกสารด้านล่างนี้เลยจ้า (คลิกที่นี่หากต้องการดาวน์โหลดไฟล์เอกสารทั้งหมด) ขอบคุณที่มาจาก http://job3.ocsc.go.th/                

มี5ข้อนี้!!น้ำหนักลดชัวร์ ล้านเปอร์เซนต์!!

ปัจจุบันนี้คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการลดน้ำหนักและสร้างสุขภาพที่ดีมากขึ้น อาจจะเป็นเพราะกระแสการลดน้ำหนัก การออกกำลังกาย การอวดรูปร่างที่ดี ซิกแพคนั้น แพร่หลายมากขึ้น บางคนก็ทำได้สมดังความตั้งใจ บางคนก็ยังทำไม่ได้เพราะอดใจกับการเห็นของอร่อยๆไม่ไหว วันนี้เรามีบัญญัติ 5 ประการสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายเพื่อการลดน้ำหนักทุกคนจะต้องมีครับ พูดได้เลยว่ามี 5 สิ่งนี้ บวกกับการลดน้ำหนักในแบบของเราโดยไม่พึ่งยาลดน้ำหนัก น้ำหนักลดแน่นอน!! บัญญัติที่ 1: ต้องรู้จักตัวเองก่อนว่าเราควรลดน้ำหนักหรือไม่? จากการหาดัชนีมวลกาย BMI( Body Mass Index) วิธีการง่ายๆครับ เพียงใช้สูตร BMI = น้ำหนักตัว (กิโลกรัม)  ∕  [ส่วนสูง (เมตร)]2  หรือ น้ำหนัก(กิโลกรัม) หาร ส่วนสูง(เมตร)ยกกำลังสอง ยกตัวอย่างเช่น สมมุติว่าน้ำหนัก 60 kg และสูง 165 cm ก่อนอื่นต้องแปลงค่าความสูงเป็นเมตรก่อน โดย 165 เซนติเมตร ก็จะเท่ากับ 1.65 เมตร ก็เอาค่ามาเทียบในสูงได้เลย  = 60 / (1.65 x 1.65)  = 22.03 ค่า BMI […]

เซ็นสำเนาบัตร ปชช. ยังไงไม่ให้เป็นหนี้? ทนายแนะ 4 วิธีปิดตายป้องกันมิจฉาชีพสวมสิทธิ

บัตรประชาชนและสำเนาบัตรประชาชนเป็นหลักฐานสำคัญที่เราใช้ในการทำธุรกรรมต่างๆ ทั้งกับหน่วยงานราชการ เอกชน หรือแม้แต่ระหว่างบุคคลด้วยกัน ซึ่งในการทำธุรกรรมทั้งหลาย เราไม่สามารถจำได้หมดว่าทำอะไรไปบ้าง ก็แค่ขีดๆ เซ็นๆ ให้มันจบไป จุดนี้แหละที่เป็นจุดบอดทำให้วันดีคืนดีจู่ๆ ก็มีเอกสารให้เราไปชำระหนี้ เพราะมิจฉาชีพถือแอบอ้างสำเนาบัตรประชาชนของเราไปสวมสิทธิกับเรื่องเงินทองโดยที่เราไม่รู้ตัว แล้วจะป้องกันอย่างไรไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก เพจทนายเพื่อนคุณ ได้ชี้แนะไว้ 4 ขั้นตอนดังนี้   1. ขีดเส้นคู่ขนานจากมุมล่างซ้ายลากไปมุมบนขวาเรียกง่ายๆ ว่า "ลากเป็นเส้นทะแยงมุม"(ดังภาพ) 2. ในระหว่างเส้นคู่ขนาน ให้เขียนข้อความว่าใช้เพื่อทำการอะไร แล้วลงท้ายด้วยคำว่า …เท่านั้น พร้อมทั้งเขียนเครื่องหมาย# ปิดหัวปิดท้ายข้อความ ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเพิ่มเติมข้อความ 3. บนเส้นคู่ขนาน(ดังภาพ)เขียนวัน เดือน ปี เพื่อยืนยันวันที่ใช้งาน 4. ใต้เส้นคู่ขนาน เขียนคำว่า "สำเนาถูกต้อง" พร้อมทั้งเซ็นรับรอง โดยลายเซ็นของเราให้เซ็นทับรูปบนบัตรประชาชน ทั้งนี้เพื่อป้องกันการลบออกแล้วถ่ายเอกสารใหม่ของมิจฉาชีพ เราสามารถใช้งานสำเนาบัตรประชาชนของเราด้วยวิธีการเซ็นง่ายๆ เพียง4 ขั้นตอนเเค่นี้ก็ปลอดภัยไร้กังวลแล้วครับ อ๋อ!! เกือบลืม!! ถ้าบัตรประชาชนหมดอายุให้รีบไปติดต่อขอทำใหม่ภายใน 60 วันหลังจากวันหมดอายุ แต่ถ้าเพิกเฉยโดนปรับ 100 บาทครับ ขอบคุณข้อมูลจาก เพจทนายเพื่อนคุณ […]

1 2,916 2,917 2,918 2,927
error: