ไปสมัครงาน รปภ. โดนปฏิเสธ เพราะเหตุผลคือ”เป็นคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้”

Advertisement หนุ่มปัตตานีท้อ หนีร้อนมาพึ่งเย็น ลุยสมัครงาน แต่กลับถูกปฏิเสธเพียงเพราะเป็นคน 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ พ้อเป็นคน 3จังหวัดชายแดนใต้มันผิดตรงไหนทั้งที่เป็นคนไทยเหมือนกัน หลังอพยพมาบ้านภรรยาที่ระยอง โดยก่อนหน้านี้ทำธุรกิจขายอาหารตามสั่งในตัวเมืองปัตตานีไปไม่รอด จึงออกหางานทำเป็น รปภ.แต่กลับถูกปฏิเสธจากเจ้าหน้าที่บริษัทยามหลังทราบว่าเป็นคนปัตตานี ปฏิเสธเสียงดังลั่นว่าบริษัทไม่รับคน3จังหวัดชายแดนใต้ พร้อมทั้งให้ตนกลับ โดยไม่ทราบเหตุผล เผยรู้สึกเสียใจ ทั้งๆ ที่ตนเองและคนใน 3จังหวัดชายแดนใต้ต่างก็ไม่มีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้น และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ทำไมจึงถูกเหมารวม สำหรับคนใน 3จังหวัดต่างก็ต้องการให้เหตุการณ์สงบลงเพื่อจะได้ทำมาหากินได้เหมือนเดิมไม่ต้องอพยพมาหากินต่างถิ่น Advertisement เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 27 ส.ค. นายสมยศ ชุติมากุล อายุ 46 ปี ชาวจ.ปัตตานี ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองพร้อมด้วยภรรยาและบุตรได้อพยพจาก จ.ปัตตานี หลังจากกิจการร้านอาหารตามสั่งไปไม่รอดเพราะลูกค้าลดลงมาก ด้วยสาเหตุความไม่สงบ และเกี่ยวกับเรือประมงที่ลดลงเพราะไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายกำหนด จึงทำให้คนลดน้อยลง จนทำให้กิจการไปไม่รอด จึงได้อพยพมาที่บ้านภรรยาในตลาดเพ ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง โดยเพิ่งอพยพมาเพียง15วัน โดยภรรยาก็เริ่มเปิดร้านขายอาหารตามสั่งในตลาดเพ ตนเองอยากจะช่วยหารายได้เพิ่มเพราะร้านยังมีลูกค้าไม่มาก จึงได้ไปสมัครงานเป็น รปภ.ของบริษัทแห่งหนึ่งในจ.ระยอง ตามที่หลานภรรยาแนะนำ Advertisement ต่อมาเมื่อวันที่ 24ส.ค.ที่ผ่านมา ตนเองจึงได้เดินทางไปสมัครงานที่บริษัทดังกล่าวโดยหลานพาไป […]

ธนาคารแง้มเทคนิคใหม่ ปีหน้าอาจใช้การสแกนลายนิ้วมือในการทำธุรกรรม

ธ.ซีไอเอ็มบีไทย ยืนยันปัจจุบัน ระบบธนาคารพาณิชย์ของไทยปลอดภัย แย้มต้นปีหน้าอาจใช้การสแกนลายนิ้วมือยืนยันตัวตนในการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะธุรกรรมที่มีความเสี่ยงสูง    ภาพประกอบจาก www.funkidslive.com นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า ระบบธนาคารไทยปัจจุบันมีความปลอดภัยในการทำธุรกรรมที่สาขา และทางอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงข้อมูลใดๆ ของลูกค้าที่มีความสำคัญ จะต้องมีการแสดงตัวตน ทั้งการนำเอาบัตรประชาชนตัวจริง เพื่ออ่านค่าผ่านระบบสมาร์ทการ์ด และลูกค้าต้องมาพิสูจน์ตัวตนด้วย จะไม่มีการข้ามขั้นตอนใด เนื่องจากเป็นระเบียบปฎิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ทุกธนาคารจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ซึ่งเมื่อได้รับข้อมูลพนักงานจะมีการตรวจสอบข้อมูลซ้ำทุกครั้ง นอกจากนี้ ยังมีทีมตรวจที่จะสุ่มตรวจสอบทุก 6 เดือน         ส่วนกระบวนการเข้าถึงทางอิเล็กทรอนิกส์ ยังสามารถตรวจสอบข้อมูลผู้ใช้ User รหัสเข้าใช้ และอุปกรณ์เชื่อมต่อที่เป็นอุปกรณ์เฉพาะในธุรกรรมที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อเป็นการยืนยันตัวตนให้แน่ชัด         นอกจากนี้ ปัจจุบัน ธนาคารแห่งประเทศไทยยังมีเปิดให้ธนาคารพาณิชย์นำระบบการยืนยันตัวตนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-KYC มาทดลองใช้กับธนาคารไทย ซึ่งหากระบบมีความพร้อม คาดว่าจะเปิดใช้งานได้ภายในต้นปีหน้า ทำให้ลูกค้ามั่นใจว่า ระบบธนาคารไทยยังมั่นคง และมีความปลอดภัยสูง  ข่าวจาก : manager.co.th

พักงานด่วน-ระงับค่าตอบแทน! คำสั่ง คสช. ม.44 ลงดาบ “หมอเปรม”-“สุขุมพันธุ์ “

วันนี้ (25 ส.ค.59) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 50/2559 เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 6 ระบุว่า โดยที่เจ้าหน้าที่ของรัฐบางรายซึ่งเป็นผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบขององค์กรตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญหรือหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย มูลกรณีที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ หรือมีพฤติกรรมซึ่งเข้าเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นๆ แม้ผลการตรวจสอบหรือการสอบข้อเท็จจริงในขณะนี้ยังไม่อาจสรุปความผิดได้ แต่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอยู่ในความสนใจของประชาชน และมีการดำเนินการไปแล้วในระดับหนึ่ง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 หัวหน้า คสช. โดยความเห็นชอบของ คสช. จึงมีคำสั่ง ดังนี้ ข้อ 1. ให้ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในการกรุงเทพมหานครเป็นการชั่วคราวโดยยังไม่พ้นจากตำแหน่ง จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่ง โดยไม่ได้รับค่าตอบแทนในระหว่างนี้ ข้อ 2. ให้นายเปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในเทศบาลเมืองบ้านไผ่เป็นการชั่วคราวโดยยังไม่พ้นจากตำแหน่ง จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่ง โดยไม่ได้รับค่าตอบแทนในระหว่างนี้ ข้อ 3. ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายซึ่งดำเนินการตรวจสอบหรือสอบข้อเท็จจริงบุคคลตามข้อ 1 และข้อ […]

“หอหญิงล้วน” ไม่ปลอดภัยเพราะยามทำผิดเอง! สาว นศ.โพสต์เตือนภัย ระวังยามบุกปล้ำถึงห้อง

ผู้ปกครองที่มีลูกหลานเป็นหญิงหลายคนอาจจะรู้สึกวางใจ หายห่วงได้ประมาณหนึ่งถ้าเลือกให้ลูกหลานตนเองได้พักในหอหญิงล้วน แต่ภัยสังคมเดี๋ยวนี้มีรอบด้าน ที่ที่คิดว่าปลอดภัยที่สุดก็เป็นที่อันตรายที่สุดได้เหมือนกัน ดังเช่นเรื่องราวของเฟซบุ๊ก Jeranun Into เธอก็ไม่คิดว่ายามจะบุกปล้ำเพื่อนของเธอในหอหญิงล้วนได้ โชคดีที่มีคนไปช่วยเพื่อนไว้ทัน ผู้หญิงบางคนที่เข้าไปช่วยต้องถึงกับถีบประตูให้กระจกแตกจนตัวเองบาดเจ็บ ในขณะที่ยามวิ่งหนีหายไป  โดยเธอได้เล่าผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า เหตุการณ์เมื่อคืนน่าจะประมาณตี 2 กว่าๆ ทำให้รู้ว่า คนเหี้ยๆ นี่แม่งมีอยู่ทุกที่จริงๆ รู้หน้าไม่รู้ใจ ทำผู้หญิงตัวเล็กๆไม่มีทางสู้ได้ไง เกิดกับคนใกล้ตัวก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน สงสารเพื่อน ทำได้แค่ปลอบกับรอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจจัดการ แจ้งความไว้เรียบร้อยแล้ว เหตุการณ์เกิดขึ้นที่หอและห้องของเราเอง  *** แต่คนที่เสียหายคือเพื่อนของเรา มันพยายามจะปล้ำเพื่อนเรา เพราะรู้ว่าเพื่อนเราสู้ไม่ไหว ตอนนั้นเราไปเที่ยวกับเพื่อนเรา แต่เพื่อนเราไม่ไหวก็กลับมาหอก่อน โดยมีเพื่อนอีกคนมาส่งพร้อมเอาแฟนมันมาเป็นเพื่อนด้วย แต่ไอ้ยามไล่เพื่อนเราลง บอกว่าผู้ชายห้ามอยู่นะไรงี้ เพื่อนเราก็คงไม่ได้เอะใจอะไรก็ลงไปพร้อมแฟนมัน น่าจะเป็นจังหวะที่เพื่อนคนที่มาส่งกลับไปแล้ว ฉวยโอกาสตอนเพื่อนเราอยู่คนเดียว บุกเข้าห้อง เพราะห้องเราเพื่อนไม่ล็อครอเรากลับมา พอเรากลับมาแล้วขึ้นไป เพื่อนก็เล่าเรื่องให้ฟังว่าไอ้ยามจะปล้ำ เท่านั้นแหละตกใจมาก พยายามตั้งสติกัน แล้วรีบโทรหาพรรคพวกกันทันที ตอนนี้เป็นหอหญิงล้วนแล้วด้วย คิดดูว่า ขนาดเป็นคนรักษาความปลอดภัยของหอ แต่กลับทำเรื่องชั่วๆ เอง แล้วความปลอดภัยอยู่ตรงไหนวะ อันตรายมากๆ ระวังตัวกันด้วยนะคะ แต่เพื่อนเราไม่ได้เป็นไรมากนะ เพราะขัดขืนก่อน  …พอหลายคนรู้ข่าวก็แห่มากันโดยมิได้นัดหมาย ชายฉกรรจ์ประมาณเกือบๆ หลายสิบชีวิต […]

ยอมลดราคาแล้ว! รถไฟฟ้าสายสีม่วงสถานีละบาท-ตลอดสายเหลือแค่29บาท เริ่มตั้งแต่1ก.ย.นี้

พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมร่วมกับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีเอ็ม มีมติเห็นชอบลดราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วงต่อสถานีลง 50% เหลือสถานีละ 1 บาท จากเดิมค่าโดยสารต่อสถานีละ 2 บาท แต่ยังคงอัตราค่าโดยสารแรกเข้าไว้ที่ 14 บาท ซึ่งหากรวมค่าโดยสารตลอดสายจำนวน 16 สถานี ราคาจะลดลงเหลือ 29 บาท จากเดิมราคาอยู่ที่ 42 บาท และหากเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สุดสายปลายทางที่สถานีหัวลำโพง ราคาจะอยู่ที่ 54 บาท จากเดิมราคาอยู่ที่ 70 บาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไปจนกว่าการเชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้าระหว่างช่วงสถานีบางซื่อ และเตาปูนจะแล้ว ทั้งนี้ ผู้โดยสารที่จะได้รับการลดอัตราค่าโดยสารดังกล่าวจะต้องใช้บัตรเอ็มอาร์ที พลัส (MRT Plus) เท่านั้น และหากบัตรเอ็มอาร์ที พลัส สำหรับนักเรียนและนักศึกษา จะได้รับส่วนลดเพิ่มขึ้นอีก 10% […]

ครม.เห็นชอบ “เอาผิดข้าราชการย้อนหลังได้” แม้จะพ้นราชการ/ลาออก/เกษียณไปแล้ว

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 23 สิงหาคม เมื่อเวลา 14.30 วันที่ 23 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ประชุมเห็นชอบการกำหนดมาตรฐานวินัยข้าราชการกับผู้ที่พ้นข้าราชการ ภาพประกอบจาก prachatai.com ซึ่งหมายถึงการเอาผิดในสมัยที่ยังรับราชการอยู่ แต่พ้นราชการ ลาออก หรือเกษียณอายุราชการ แล้วไม่สามารถเอาผิดได้ โดยกฎหมายที่เกี่ยวข้องในประเด็นนี้ คือ พ.ร.บ.การป้องกันปราบปรามการทุจริต พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน 2551 และกฎหมายตามที่ข้าราชการสังกัดอยู่ แต่ว่ากฎหมายเหล่านี้มีความลักลั่นกันเอง ดังนั้นจึงกำหนดให้ใช้มาตรฐานเดียวกัน 2 หลักเกณฑ์ คือ 1.ถ้ามีการดำเนินการกระทำผิดสมัยรับราชการ แล้วคณะกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น (ป.ป.ช.) หรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) ชี้มูลความผิดทางวินัยและลงโทษตามที่ชี้มูล โดยจะไม่นำกฎหมายที่ข้าราชการผู้นั้นสังกัดอยู่มาบังคับใช้ พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อไปว่า 2.เป็นเรื่องที่หน่วยงานต้นสังกัดตรวจพบว่าข้าราชการในสังกัดทำความผิดในสมัยที่ยังรับราชการ เลยได้กำหนดวิธีการปฏิบัติ ดังนี้ประการแรกให้ สอบสวนภายใน 1 ปีนับตั้งแต่พ้นราชการ ประการต่อมา การสั่งลงโทษต้องสั่งลงโทษภายใน 3 ปีนับตั้งแต่พ้นราชการ ทั้งนี้มีข้อยกเว้นว่าหากมีการไปร้องศาลปกครองแล้วพบว่ามีความผิดกรณีอื่นๆเกิดขึ้น […]

กฎหมายที่หลายคนไม่รู้ ยกเลิกบริการอินเทอร์เน็ตก่อน12เดือน ไม่ต้องเสียค่าปรับ!

ปัญหาคาใจใครหลายๆคนที่ พอตกลงเซ็นต์สัญญาใช้บริการอินเทอร์เน็ตปุ๊บ ก็จะมีสัญญาตัวหนังสือเล็กจิ๋ว ดูดีๆ ก็จะพบว่าเป็นสัญญา 12 เดือนที่ต้องใช้บริการ แล้วแบบนี้จะยกเลิกได้ไหม? ภาพประกอบจาก www.inkyfreshpress.com กฎหมายได้กำหนดไว้ว่า ในการตกลงใช้บริการโทรคมนาคมย่อมไม่ใช่เรื่องที่จะผูกมัดกันโดยตลอด ผู้บริโภคจะเปลี่ยนใจยกเลิกบริการเมื่อใดก็ได้ เพียงแต่ต้องทำหนังสือแจ้งล่วงหน้า 5 วัน อย่างไรก็ดี ในกรณีที่ผู้บริโภคประสบปัญหาจากการใช้บริการ ก็สามารถยกเลิกได้ทันที และกรณีมีเงินผู้บริโภคค้างอยู่ที่ผู้ประกอบการ ก็จะต้องคืนให้ภายใน 30 วัน หากล่าช้าจะต้องจ่ายดอกเบี้ยด้วย ส่วนกรณีที่ผู้ให้บริการโทรคมนาคม ใช้กลยุทธ์การตลาดแบบให้ของแถม เช่น ติดตั้งโทรศัพท์พ่วงอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยกำหนดเงื่อนไขว่าจะต้องใช้บริการในระยะยาว 1 ปีนั้น ถึงแม้ตามสัญญาให้บริการจะระบุเงื่อนไขดังกล่าว แต่ตามกฎหมายแล้ว ผู้บริโภคยังคงมีสิทธิที่จะเลิกใช้บริการได้ เพราะคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.) ได้ออกระเบียบเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไว้ สรุปสาระได้ดังนี้ "กรณีที่บริษัทมอบเครื่องโทรศัพท์ หรือเครื่องอุปกรณ์ใดๆ ให้ผู้บริโภคใช้ในราคาถูก แต่กำหนดให้ผูกพันตามสัญญาเป็นระยะเวลานาน ผู้ใช้บริการสามารถยกเลิกสัญญาได้โดยไม่ต้องเสียค่าปรับใดๆ แต่ต้องส่งมอบเครื่องอุปกรณ์ดังกล่าวคืนให้แก่บริษัท และหากมีความเสียหายเกิดขึ้น ผู้ใช้บริการจะต้องชำระค่าเสียหายตามจริง" ข้อมูลจาก : นิตยสารฉลาดซื้อ

เริ่ม1ต.ค.นี้! ครม.อนุมัติเกณฑ์ค่าตอบแทนใหม่ ลดช่องว่างระหว่างวิชาชีพในกระทรวงสาธารณสุข

ครม.อนุมัติหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการเบิกจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนกระทรวงสาธารณสุข (ฉ.11,12) มีหลักเกณฑ์สำคัญคือ หลักเกณฑ์พื้นที่ 6 ระดับ อายุราชการ 3 ช่วงอายุ เพิ่มกลุ่มสายงานส่งเสริมสุขภาพ ควบคุมป้องกันโรค ฟื้นฟูสมรรถภาพและคุ้มครองผู้บริโภค และช่องว่างค่าตอบแทนระหว่างวิชาชีพลดลง แต่ยังคงส่วนที่ต่างคือ ค่าวิชาชีพและส่วนต่างเงินเดือนภาครัฐและเอกชน  ภาพประกอบจาก www.facagri.cmru.ac.th นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เมื่อ 23 สิงหาคม 2559 ว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการเบิกจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนที่ปฏิบัติงานให้กับหน่วยบริการของกระทรวงสาธารณสุข (ฉ.11,12 ) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ โดยควรปรับปรุงเรื่องความเป็นธรรมและความเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจและลดการลาออกของบุคลากรในโรงพยาบาลหรือหน่วยบริการที่มีการลาออกของบุคลากรมาก โดยเป็นที่ยอมรับของบุคลากรทุกวิชาชีพ และได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการพิจารณาทบทวนระบบการจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในภาครัฐ ในการจ่ายค่าตอบแทนมีหลักเกณฑ์สำคัญ 4 ประเด็นคือ 1.ใช้หลักเกณฑ์พื้นที่ 6 ระดับ เหมือนกันทุกวิชาชีพ  2.ใช้หลักเกณฑ์อายุราชการ 3 ช่วงอายุ ได้แก่ ปีที่ 1-3 ปีที่ 4-10 ปีที่ 11 ขึ้นไป เหมือนกันทุกวิชาชีพ  3.เพิ่มกลุ่มสายงานส่งเสริมสุขภาพ ควบคุมป้องกันโรค ฟื้นฟูสมรรถภาพและคุ้มครองผู้บริโภค  4.ช่องว่างค่าตอบแทนระหว่างวิชาชีพลดลง ทั้งนี้ หลักการสำคัญของการจ่ายค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติงาน จะครอบคุลมงานบริการ งานบริหาร และงานวิชาการ โดยค่าตอบแทนที่เจ้าหน้าที่จะได้รับต้องผันแปรไปตามผลการปฏิบัติงานของแต่ละบุคคล ซึ่งจะมีการกำหนดค่าคะแนนประกันผลการปฏิบัติงานขั้นต่ำ และมีการกำหนดกรอบวงเงินเพื่อจ่ายค่าตอบแทนโดยปรับฐานการจ่ายค่าตอบแทน ในกลุ่มเภสัชกร พยาบาล สหวิชาชีพ กลุ่มผู้ให้บริการตามระดับวุฒิการศึกษา สายระดับปริญญาตรีและต่ำกว่าปริญญาตรี ส่วนกลุ่มแพทย์และทันตแพทย์ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนเงินเพิ่มมาที่จะนำมาจ่ายค่าตอบแทนนั้น ได้มาจากการปรับพื้นที่โรงพยาบาล 200-300 แห่งที่มีความเจริญมากขึ้น ทำให้ลดพื้นที่ระดับทุรกันดาร โดยจะดำเนินการอย่างมีส่วนร่วมเพื่อปรับระดับพื้นที่ให้เหมาะสมต่อไป และจะเร่งให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2559 เป็นต้นไป ข่าวจาก : hfocus.org

(ประสบการณ์น่าคิด) โชคดีที่ทำประกันไว้ ไม่อย่างนั้นต้องรับผิดชอบค่ารักษาเกือบ 2 แสน

กรมธรรม์ประกันภัยในปัจจุบันมีความหลากหลายมากจนขนาดที่ว่าบริษัทต่างๆ พากันแข่งจัดโปรโมชันเพื่อดึงดูดลูกค้า และเราก็มักจะได้ยินข่าวร้ายในมุมมองผู้บริโภคกันมาบ้างเกี่ยวกับการถูกเอารัดเอาเปรียบของตัวแทนหรือบริษัท จนหลายคนเริ่มหวาดระแวงไปแล้วว่าบริษัทประกันเอาเปรียบผู้บริโภค ไม่น่าไว้วางใจ แต่อย่างไรเสียอีกด้านหนึ่งมันก็คือความคุ้มครองสมชื่อ "ประกัน" ที่ทำให้เราอุ่นใจได้บ้างว่าหากเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย เราก็ไม่ต้องกระอักเลือดรับผิดชอบคนเดียวเพียวๆ กับค่าใช้จ่ายแสนสาหัส ถ้าจะกล่าวง่ายๆ ก็คือ "ก็พอจะมีกรมธรรม์ที่จริงใจต่อลูกค้าบ้าง แต่ลูกค้าก็ต้องฉลาดเลือกกันหน่อย" ดังเช่นประสบการณ์ของชาวพันทิปSherlockoam ที่ลูกของเขาป่วยจนต้องนอน รพ.เอกชน 11 วัน โดนค่าใช้จ่ายไป 196,714 บาท โชคดีที่เขาทำประกันกับบริษัทหนึ่งไว้ จึงไม่ต้องแบกภาระแสนโหดนี้ไว้ลำพัง หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงการบอกเล่าประสบการณ์เพื่อให้ผู้อ่านได้คิดวิเคราะห์ถึงการบริโภคอย่างคุ้มค่า มิได้มีเจตนาแฝงโฆษณาหรือดิสเครดิตแต่อย่างใด ฤดูฝนเป็นช่วงที่การเจ็บไข้ได้ป่วยมาเยี่ยมเยียนเราได้บ่อยที่สุด ถ้าเกิดกับผู้ใหญ่เองก็ไม่น่าห่วงเท่าไร แต่ถ้าเกิดกับลูกน้อยของเราๆ ท่านๆ แล้วมันสงสารเด็กจับใจครับ ที่ผมมาตั้งกระทู้นี้เพราะต้องการแชร์ประโยชน์ในการทำประกันสุขภาพ ลูกผม อายุ 1 ปี 9 เดือน ต้องนอนรพ.เป็นเวลา 11 วัน เนื่องจากในชีวิตของผมไม่เคยต้อง Admit เลย พอลูกต้องเข้า Admit เลยไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรยังไง โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายอันแสนโหดร้าย ออกตัวก่อนเลยว่าผมไม่ได้ขายประกัน ไม่ได้มีอาชีพเกี่ยวข้องกับประกันนะครับ แค่อยากแชร์ประสบการณ์ ลูกผมเข้า Admit ที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งแถวซอยศูนย์วิจัยเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 57 […]

“กสิกรไทย”ยกเลิกแล้ว!! บริการเปลี่ยนรหัสผ่านคอลเซนเตอร์ ป้องกันเหตุซ้ำร้อย ลค.โดนขโมยเงิน

ธนาคารกสิกรไทย ประกาศยกเลิก! บริการเปลี่ยนรหัส K-cyber Banking ผ่านคอลเซ็นเตอร์ ป้องกันลูกค้าออนไลน์ถูกขโมยเงิน ธนาคารกสิกรไทยประกาศยกเลิกให้บริการเปลี่ยนรหัส K-cyber Banking ผ่านทางคอลเซ็นเตอร์ เพื่อป้องกันปัญหาจากกรณีมีลูกค้าออนไลน์ถูกขโมยเงินจากบริการออนไลน์แบงค์กิ้ง เพื่อป้องกันปัญหาเกิดขึ้นซ้ำอีก การเปลี่ยนรหัสจะทำได้ช่องทางเดียว คือเคาน์เตอร์ของธนาคาร ซึ่งต้องใช้บัตรประชาชนตัวจริงและสมุดบัญชีเท่านั้น พร้อมแนะนำลูกค้าในการรักษาข้อมูลส่วนตัว ก่อนหน้านี้ นายอดิศวร์ หลายชูไทย รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย บอกว่า จากกรณีที่ นายพันธ์สุธี มีลือกิจ ลูกค้าของธนาคาร ถูกมิจฉาชีพยักยอกเงินในบัญชีผ่านบริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ตเค-ไซเบอร์ จำนวน 986,700 บาท นั้น ธนาคารรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเห็นใจนายพันธ์สุธีที่ประกอบอาชีพสุจริต แต่ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรอย่างไม่รู้ตัว ดังนั้น เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนที่เกิดขึ้นธนาคารยินดีรับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากกรณีดังกล่าวทั้งจำนวน 986,700 บาท เพื่อนายพันธ์สุธีจะสามารถนำเงินไปดำรงชีพและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพหาเลี้ยงครอบครัวต่อไปได้ โดยทางธนาคารกสิกรไทย ได้ออกคำชี้แจงกรณีดังกล่าวดังนี้ 1. จากจำนวนเงินที่ลูกค้าถูกคนร้ายถอนไป เนื่องจากคนร้ายได้ข้อมูลจากลูกค้าไปทำทุจริต ธนาคารเสนอความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาภาระของลูกค้าครึ่งหนึ่งของจำนวนเงินที่ถูกทุจริต และจะช่วยลูกค้าอย่างเต็มที่ในการติดตามตัวคนร้าย 2. ลูกค้ามั่นใจได้ว่าระบบของธนาคารมีความปลอดภัย เนื่องจากเรามีการ verify ตัวตนลูกค้าก่อนให้บริการทุกครั้ง ทั้งนี้ทางธนาคารขอแนะนำว่า ลูกค้าควรเก็บข้อมูลส่วนตัวไว้เป็นความลับ เพื่อความปลอดภัยในการใช้บริการ […]

1 2,938 2,939 2,940 2,960
error: