แจกสูตร!! 10วิธีลดกลิ่น”ตด” เป็นมิตรต่อจมูกของเราและคนรอบข้าง

Advertisement ปูด…ปาด..เสียงผายลมที่อยู่กับมนุษย์มาตั้งแต่เกิดจนตาย อันเป็นเสียงที่คุ้นชิน แต่สิ่งที่ไม่พึงประสงค์นั้นก็คือ"กลิ่น"อันรัญจวนของมันนั่นเอง วันนี้เราจะมาแจกสูตรลดกลิ่น"ผายลม"หรือ"ตด"ให้ท่านผู้อ่านได้ลองเอาไปปฎิบัติตามดูครับ Advertisement 10 วิธีการลดกลิ่นเหม็นของการผายลม          1. รับประทานสิ่งเหล่านี้ให้น้อยนั่นก็คือ ไข่ เนื้อ ผักตระกูลกะหล่ำเช่น บร็อกโคลี่ กะหล่ำปลี เนื่องจากผักเหล่านี้มีกำมะถัน แบคทีเรียในลำไส้จะย่อยให้เป็นแก๊สที่มีกลิ่นเหม็น ถั่ว มีน้ำตาลที่ร่างกายย่อยไม่ได้ ทำให้หมักหมมอยู่ในลำไส้ใหญ่ แบคทีเรียในลำไส้จะย่อยน้ำตาลพวกนี้แทนทำให้เกิดแก๊สและกลิ่น          2. ถ้ามีความจำเป็นจะต้องรับประทานอาหารจำพวกถั่ว ควรแช่น้ำไว้อย่างน้อย 12 ชั่วโมง จึงนำมาประกอบอาหาร หรือนำไปแช่ในน้ำร้อน 10-15 นาทีขึ้นไปแล้วจึงนำไปปรุงอาหาร จะช่วยลดปัญหากลิ่นเหม็นจากการผายลมจากการกินถั่วได้            3. ลดละอาหารที่มีไขมันสูงเพราะอาหารประเภทไขมันใช้เวลาย่อยนาน จึงทำให้ไอ้เจ้าแบคทีเรียมีเวลาในการสร้างตัวในลำไส้ ทำให้เกิดอาการท้องอืด และผายลมได้แถมมีกลิ่นอีกด้วย Advertisement          4. ลดแอลกอฮอล์หรืออาหารที่มีแก๊สเช่น น้ำอัดลม เบียร์ โซดา เพราะจะไปเพิ่มปริมาณลมและแก๊ส ทำให้เรอและผายลมมากขึ้น     […]

ความเชื่อหรือเรื่องจริง!!? ข้อห้ามช่วงตอนมีประจำเดือนของสาวๆ

  ในสังคมไทยในปัจจุบันยังคงเก็บรักษาคำว่า"ความเชื่อ"ไว้อยู่มากเลยครับ โดยที่บางคนก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดโดยไม่มีการศึกษาข้อเท็จจริงใดๆ ในเรื่องหนึ่งที่เป็นที่ข้อสงสัยของสาวๆนั่นก็คือข้อห้ามช่วงตอนมีประจำเดือนของสาวๆ ซึ่งมีหลายต่อหลายข้อมาก วันนี้เราจะมาคลายข้อสงสัยและความเชื่อเหล่านี้กันครับว่ามันจริงหรือไม่จริงกันแน่นะ!!    1. เขาว่ากันว่า…ห้ามอาบน้ำเย็นในช่วงที่มีประจำเดือน!!?  อันที่จริงแล้ว..เมื่อเวลาที่มีประจำเดือนนั้น ฮอร์โมนในร่างกายจะมีการแปรปรวนภูมิคุ้มกันลดลง การอาบน้ำเย็นจะทำให้ร่างกายต้องปรับอุณหภูมิตาม อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยได้ น้ำเย็นในที่นี่คือไม่ใช่น้ำที่ใส่น้ำแข็งนะครับ!! ถ้าเป็นแบบนั้นจะเป็นเมนส์หรือไม่ก็ไม่ควรจะอาบจ่ะ! ผู้หญิงที่เป็นประจำเดือนสามารถอาบน้ำเย็นในอุณหภูมิปกติได้ครับ     2.เขาว่ากันว่า…ห้ามรับประทานน้ำแข็ง หรือของเย็นในช่วงที่มีประจำเดือน อันที่จริงแล้ว..ผู้หญิงที่เป็นประจำเดือนาสามารถรับประทานน้ำแข็ง หรือของเย็นได้ตามปกติ โดยที่มีปริมาณที่ไม่มากจนเกินไปครับ   3.เขาว่ากันว่า… ห้ามออกกำลังกายเวลามีประจำเดือน อันที่จริงแล้ว..มันเป็นความเชื่อที่ผิดมาก!! เพราะความจริงแล้วการออกกำลังกายเป็นประจำ ร่างกายจะหลั่งสารเอนดอร์ฟินออกมา สารนี้จะทำให้เราเกิดความสุข ช่วยผ่อนคลายความเครียด และช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด ดังนั้นการออกกำลังกายจึงเป็นวิธีป้องกันอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นในระหว่างมีประจำเดือนได้   4.เขาว่ากันว่า…ห้ามมีเพศสัมพันธ์ขณะที่มีประจำเดือน อันที่จริงแล้ว…ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากตอนช่วงที่สาวๆมีประจำเดือนนั้นจะสามารถทำให้ช่องคลอดเกิดการติดเชื้อได้ง่าย เกิดการเลอะเทอะสกปรก ทางที่ดีควรรอให้ประจำเดือนหมดไปก่อนจะดีกว่าครับ   5.เขาว่ากันว่า…ห้ามลงเล่นน้ำขณะที่มีประจำเดือน อันที่จริงแล้ว ลงเล่นน้ำได้ครับแต่ต้องระมัดระวังเรื่องความสะอาด เพราะในน้ำนั้นอาจจะมีสิ่งสกปรกปนเปื้อนอยู่ ทำให้เชื้อโรคเข้าไปในช่องคลอดแล้วเกิดการอักเสบได้ ดังนั้น ถ้าใครที่อยากจะลงเล่นน้ำในสระว่ายน้ำก็คงจะต้องเลือกสระว่ายน้ำที่สะอาด เลือกช่วงเวลาที่ไม่มีคนใช้บริการ มากนัก และควรใช้ผ้าอนามัยแบบสอดก่อนที่จะลงว่ายน้ำ   เรียบเรียงโดย Thaijobsgov ข่อมูลจาก wangnamyen.net ภาพจาก Google.com [ads=center]

แพทย์เตือน!! อย่าให้นมทารกแทนกัน เสี่ยงติดเชื้อ!!

  จากข่าวเมื่อปีที่แล้วที่พยาบาลท่านหนึ่งสวมวิญญาณความเป็นแม่ ให้นมทารกน้อยวัย4เดือนแทนแม่ของเด็ก เนื่องจากแม่ของเด็กนั้นประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ไม่สามารถให้นมได้ หลังจากที่ข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ก็ทำให้นายแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิและเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิกได้ออกมาเตือนผู้ที่ให้นมแทนแม่ของเด็กว่าการให้นมแทนกันนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเนื่องจาก… ในน้ำนมคนเรานั้นมีเชื้อไวรัสที่สามารถติดต่อได้ เช่น เอดส์ ซิฟิลิส ไวรัสตับอักเสบบี,ซี ไวรัสซีเอ็มวี ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคลูคีเมียหรือโรคภูมิต้านทานทำงานผิดปกติ (HTVL1,HTVL2) จึงไม่สามารถนำมาให้เด็กคนอื่นกินโดยไม่ได้ผ่านการตรวจหาเชื้อเหล่านี้ก่อน ซึ่งจะทำได้ในรพ.ที่มีธนาคารนมแม่ การรับนมแม่บริจาคกันเองจึงมีความเสี่ยงที่ลูกจะได้รับเชื้อเหล่านี้ การให้ทารกได้รับนมจากอกแม่นั้นเป็นสิ่งที่ดี เพราะน้ำนมของแม่นั้นมีประโยชน์ต่อทารกแต่ใช่ว่าทุกคนจะให้นมแทนกันได้ ท่านผู้อ่านท่านไหนทราบแล้วก็ไม่ควรที่จะนำน้ำนมของคุณแม่ท่านอื่นมาให้ลูกของเราเด็ดขาดนะครับ เพื่อเป็นการลดความเสียงที่อาจจะเกิดขึ้นกับลูกของเรา   เรียบเรียงโดย Thaijobsgov ข้อมูลจาก http://th.theasianparent.com/ ขอบคุณภาพจาก Google.com [ads=center]

“อาการดวงตาเมื่อยล้า” บรรเทาและป้องกันได้ด้วยวิธีนี้!!

ในปัจจุบันนี้คนเรามีการใช้สายตามากขึ้นจากการใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงานหรือการจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถือ รูดหน้าจอขึ้น-ลงเพื่อเล่นโซเชียลกับเพื่อนๆเป็นเวลานาน ส่งผลทำให้สายตาเสีย ทำให้ค่าสายตาสั้นเร็วกว่าปกติและเกิดอาการเมื่อยล้าของดวงตา วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีป้องกันและการบรรเทาอาการเมื่อยล้าของดวงตากันครับ โดยมีวิธีง่ายๆดังต่อไปนี้  การป้องกันและบรรเทาอาการที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองคือ หยุดพักสายตา จากการทำงานด้วยจอคอมพิวเตอร์ดังนี้ -ทุก 15-30 นาที ให้หลับตาและมองออกไปไกลๆประมาณ 2-3นาทีเพื่อเป็นการผ่อนคลายสายตา  -ในทุกๆ 1 ชั่วโมงควรที่จะหยุดทำงานแล้งลุกขึ้นยืนเดินไปผ่อนคลายประมาณ 2-3 นาทีแล้วจึงกลับมาทำงานใหม่ -ในทุก 3-4 ชั่วโมงควรหยุดพักทำงาน 15-20 นาที โดยหลับตาลงเพื่อที่จะไม่ใช้สายตา -กระพริบตาให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มน้ำตา ทำให้ตาชุ่มชื่น การนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อตา  -การนวดตา วางข้อศอกลงบนโต๊ะ หงายฝ่ามือขึ้น โน้มตัวทิ้งน้ำหนักไปด้านหน้า วางศรีษะลงที่ฝ่ามือ ให้เบ้าตาวางอยู่บริเวณด้านล่างฝ่ามือ นิ้วมือวางอยู่บนหน้าผาก (ระวังอย่าให้มีแรงกดลงไปที่ตัวลูกตา ) หลับตา สูดหายใจเข้าลึกๆช้าๆทางจมูก กลั้นใจไว้ประมาณ 4 วินาที ผ่อนหายใจออก ช้าๆสูดหายใจใหม่ ทำสลับกันแบบนี้ต่อเนื่องประมาณ 15-30 นาที -การประคบ โดยการใช้ผ้าร้อน(ไม่ควรที่จะร้อนจนเกินไป)และผ้าเย็น สลับกันทุกๆ30วินาทีโดยทำต่อเนื่องประมาณ 2 นาทีแล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดและนวดเบ้าตาเบาๆ  ดวงตาเป็นสิ่งที่สำคัญของร่างกายฉะนั้นควรที่จะรักษาสุขภาพดวงตาไว้และไม่ควรใช้ดวงตาอย่างหักโหมครับ เมื่อมีอาการเกิดขึ้นก็อย่าลืมใช้วิธีการข้างต้นในการบรรเทาอาการ แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้เกิดอาการดังกล่าวครับ ขอให้มีสุขภาพดวงตาที่ดีกันทุกท่านนะครับ   เรียบเรียงโดย […]

แจกสูตรสุดแซ่บ!! น้ำตกคอหมูย่าง เห็นแล้วน้ำลายสอ!!

น้ำตกคอหมูย่าง เป็นอาหารอีสานอย่างหนึ่งที่มีชื่อเสียงและมีรสชาติที่แซ่บถึงใจและกลมกล่อม เหมาะแก่การกับแกล้มกับเครื่องดื่มชนิดต่างๆเป็นอย่างยิ่งนะครับ วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการหมักคอหมูและการทำน้ำตกเพื่อให้ท่านผู้อ่านสามารถนำไปทำได้ครับ วิธีการง่ายๆมีดังนี้ วัตถุดิบและสูตรการหมักคอหมู 1.คอหมูน้ำหนักประมาณ 350 กรัม  2.ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ 3.ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ 4.นมข้นจืด 1/3 ถ้วย  5.รากผักชีตำละเอียด 2-3 ราก 6.พริกไทยป่น 1 ช้อนชา  วิธีการทำคือนำส่วนผสมทั้งหมดข้างต้นคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วหมักทิ้งไว้ 1 คืนเพื่อให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้าเนื้อ  วิธีการปรุงสุกคอหมูย่างสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การกริลในกระทะเทฟล่อนใส่น้ำมันลงไปนิดหน่อย,การย่างบนเตาไฟฟ้าหรือเตาถ่าน(ถ้าเป็นเตาถ่านจะได้กลิ่นรมควันนิดๆ) หรือจะอบด้วยเตาอบก็ได้เช่นกันครับ [ads=center] วัตถุดิบและวิธีการทำน้ำตกคอหมูย่าง 1.คอหมูที่สุกแล้วหั่นบางๆ 2.หอมแดงหั่น 1/4 ถ้วย 3.สะระแหน่และผักชีฝรั่งหั่นหยาบ 1/3 ถ้วย 4.พริกป่น ใส่ตามชอบ เผ็ดมากเผ็ดน้อย 5.ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ 6.น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ 7.น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ 8.น้ำตาล 1/2 […]

สารให้ความหวานแทนน้ำตาล…เทวดาหรือซาตาน??!!!

สารให้ความหวาานแทนน้ำตาลหรือ Aspartame (สารแอสพาแทม)  เป็นสิ่งอันตรายที่อยู่อาหารและเครื่องดิ่มหลากหลายชนิด หลายๆท่านชอบรับประทานและคิดว่ามันจะช่วยไม่ให้เราอ้วนได้แต่ความจริงแล้วมันส่งผลเสียต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก สารแอสพาแทมสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างรุนแรงนั้นคือ โดยตัวมันเองสามารถละลายได้ ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมและกระจายไปทั่วร่างกาย  แตกต่างจากแซกคารีน (Saccharin) ซึ่งสามารถย่อยสลายได้ เพราะระบบย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหารจะสะสมไว้ในร่างกายของเราและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเราในภายหลัง แอสปาร์แตมเป็นสารให้ความหวานที่เกิดขึ้นจากการรวมสารเคมี 3 ชนิดเข้าด้วยกัน นั่นคือกรดแอสปาร์ติก (Aspartic Acid) ฟีนิลอะลานีน (Phenylalanine) และเมธานอล (Methanol)จริงอยู่ที่ว่าสารทั้งสามนี้สามารถกำจัดออกไปจากร่างกายได้ แต่ถ้าบริโภคในปริมาณมากเกินไปอาจจะก่ออันตรายต่อร่างกาย อาการต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อได้รับสาร Aspartame ในปริมาณที่มาก -อาการเกี่ยวกับหู มีอาการหูอื้อ ได้ยินเสียงก้องอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยเมื่อได้รับสาร Aspartame ถ้าบริโภคในปริมาณที่มาก ก็อาจจะสูญเสียการได้ยินได้เช่นกัน -อาการเกี่ยวกับตา   การบริโภคแอสปาร์แตมอาจจะทำให้มองภาพได้ไม่ชัด และมีอาการปวดตา -อาการเกี่ยวกับหน้าอก มีอาการหายใจลำบาก มีไหลเวียนขอรงเลือดลดลง ทำให้การเต้นของหัวใจมีความผิดปกติ  -อาการเกี่ยวกับทางเดินอาหาร มีอาการปวดท้อง ท้องร่วง อาจจะมีเลือดออกมาด้วย ปวด จุก เสียด และท้องอืด -ผมร่วง ประจำเดือนมาไม่ปกติ ระดูขาวมามากผิดปกติ บางคนอาจจะประสบกับปัญหาน้ำหนักลดและน้ำตาลในเลือดต่ำ -ก่อให้เกิดอาการทางระบบประสารทได้หลายอาการ เช่น การสูญเสียความจำ  อาการสับสน ไมเกรน วิงเวียนศีรษะ  อาการชัก พูดจาติดอ่าง เกิดอาการเหนื่อยล้าจนเกินปกติ ค่อนข้างน่ากลัวเลยนะครับ […]

เคล็ดลับเลือกผัก…เลือกอย่างไรให้ปลอดภัยน่ารับประทาน

ผักสดนั้นเป็นวัตถุดิบที่ขาดไม่ได้เลยในอาหารไทยครับ เนื่องจากคนไทยชื่นชอบรับประทานผัดสดกับน้ำพริก  เมื่อก่อนคนไทยไม่จำเป็นต้องพิถีพิถันกับการเลือกซื้อผักมากมาย เนื่องจากสมัยก่อนคนไทยปลูกผักด้วยวิธีธรรมชาติและปลอดสารพิษ ต่างจากสมัยปัจจุบันที่มีการใช้สารเคมีในการทำให้ผักดูน่ารับประทานแต่แฝงไปด้วยอันตรายจากสารตกค้าง ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเลือกผักให้ปลอดภัยน่ารับประทานกันครับ 1. ควรเลือกซื้อผักที่มีขายตามฤดูกาล เพราะนอกจากจะมีราคาที่ถูกกว่าผักนอกฤดูกาลแล้ว ยังจะได้ผักที่สดสะอาดปลอดจากสารเร่งการเจริญเติบโตต่างๆ เนื่องจากเราจะสันนิษฐานได้ว่าผักนอกฤดูกาลนั้นเติบโตมาจากการใช้สารเร่งโตหรือสารเคมีที่ทำให้ผักนั้นเกิดผลผลิตนอกฤดูกาล  2. ไม่ควรเลือกซื้อผักที่มีเศษดินติดอยู่ และเลือกซื้อผักที่มีรูพรุนตามใบ เพราะนั่นหมายถึงเป็นผักที่ใช้ยาหรือสารเคมีน้อยนั่นเอง 3. ผักสดพื้นบ้านเช่น กระถิน ดอกแค ชะอม หน่อไม้ ไม่มีสารเคมีเจือปนทั้งนี้เพราะผักเหล่านี้ไม่ต้องการการบำรุง สามารถเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติตลอดทั้งปี 4. ผักกาดขาวหรือผักกะหล่ำปลี ควรเลือกหัวที่มีน้ำหนักมาก นั่นหมายถึงมีใบที่ชิดกันมากอยู่ภายใน ซึ่งผักสองชนิดนี้เรามักจะเลือกรับประทานที่ใบ แนะนำให้เลือกหัวที่มีช่วงก้านเล็กและแคบ 5. ถั่วฝักยาว ถั่วลันเตา ถั่วแขก ควรเลือกที่อ่อนๆ สีเขียวเนื้อแน่น ฝักยาวตรง ไม่คด ไม่พอง ไม่ฝ่อ เมล็ดข้างในฝักอวบอิ่ม ไม่แห้ง 6.การเลือกซื้อผักคะน้า ไม่ควรเลือกที่แก่เกินไป โดยวิธีการดูผักคะน้าว่าแก่หรือไม่ให้ดูตรงรอยตัดบริเวณโคนต้น ซึ่งจะสามารถมองเห็นเส้นสีขาวเล็กๆ ซึ่งยิ่งเป็นผักที่แก่มากเท่าไหร่ ถ้าเส้นที่ว่านี้ใหญ่ขึ้นเท่าไหร่ก็หมายความว่าจะแก่มากเท่านั้น 7. แตงกวา ควรเลือกลูกที่ยังเขียวอยู่แม้ว่าจะมีผิวขรุขระบ้างก็ตาม เพราะลูกที่ยังเขียวคือลูกอ่อน ที่ถ้าผิวของแตงเริ่มเป็นสีขาวแสดงว่าแก่แล้ว ส่วนเรื่องที่ว่าเลือกแตงไม่ให้ขมนั้น ควรเลือกลูกที่ไม่ลีบจนเกินไปจะช่วยได้เป็นอย่างดี 8. ผักจำพวกมะเขือ ให้เลือกดูที่ขั้ว ถ้าพบว่ามีลักษณะแบนราบติดไปกับผล ไม่ควรเลือกซื้อเพราะหมายถึงผลเริ่มจะเหี่ยว […]

ป้องกันเสื้อยืดหดได้ง่ายๆด้วย 5 วิธีและวิธีแก้การหดของเสื้อผ้า

หลายๆท่านเคยประสบปัญหานี้อย่างแน่นอนครับนั่นก็คือ เสื้อยืดที่ซื้อมานั้น"หด"จนตัวสั้นลง ใส่ไม่กี่ครั้งซักไม่กี่ครั้งก็หดแล้ว วันนี้เรามี 5 วิธีการที่จะป้องกันเสื้อของทุกท่านหดหรือสั้นลงได้ครับ  5 วิธีป้องกันเสื้อหด 1.ควรที่จะตรวจสอบป้ายสัญลักษณ์การซักผ้าให้ดีว่าผ้าที่เราซื้อมานั้นเหมาะกับการซักด้วยเครื่องซักผ้าหรือซักด้วยมือ เพราะผ้าบางชนิดควรต้องซักด้วยมือหรือซักเเห้งเท่านั้นเพื่อป้องกันปัญหาผ้าหด   2.หากต้องการสลายคราบบนเสื้อผ้าโดยการแช่น้ำไม่ควรแช่ผ้าในน้ำร้อน ไม่ใช้เวลานานเกินไป โดยเฉพาะเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้าย เพราะความร้อนสามารถทำให้เสื้อผ้าหดได้   3.ไม่ควรซักผ้าด้วยน้ำร้อน เพราะผ้าบางชนิดจะเกิดการหดเมื่อโดนกับน้ำร้อน    4.หากไม่แน่ใจว่าเสื้อผ้าจะหดตัวหรือไม่ ก่อนที่จะซักผ้าสามารถลองใช้กระบอกฉีดน้ำฉีดลงบนเนื้อผ้าบริเวณใดบริเวณหนึ่ง หากเนื้อผ้าหดตัวมากอย่างเห็นได้ชัด คุณควรทำการซักแห้งแทนเพราะเนื้อผ้าที่ที่ซื้อมานั้นไม่สามารถถูกน้ำได้   5.หลีกเลี่ยงการอบผ้าที่ใช้อุณภูมิสูง เพราะความร้อนสามารถทำให้ผ้าหดตัวได้  วิธีแก้เสื้อผ้าที่หดแล้ว 1.นำน้ำอุ่นพอประมาณใส่ไว้ในกะละมังแล้วผสมแชมพูเด็กในอัตราส่วนประมาณ 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 1 ลิตร เนื่องจากแชมพูเด็กจะช่วยคลายใยผ้าที่หดตัวอยู่และช่วยทำให้ผ้านุ่มขึ้น ใยผ้าที่คลายออกนั้นจะสามารถยืดขยายให้กลับสู่สภาพปกติได้ดังเดิม 2.ทำการแช่ผ้า โดยใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีและทำการยืดขยายเสื้อผ้าในขณะที่ยังแช่อยู่   3.ให้บิดเสื้อผ้าให้แห้งอย่างเบามือ โดยไม่ต้องล้างน้ำสะอาด เพื่อให้ใยผ้ายังสามารถคลายตัวได้อยู่เมื่อทำการยืดขยายให้กลับสู่สภาพเดิม 4.ใช้ผ้าขนหนูแห้งมาม้วนผ้ากับเสื้อผ้าแล้วกดเบาๆ เพื่อให้ผ้าขนหนูซับน้ำออกให้ได้มากที่สุด 5.หากเสื้อผ้ายืดขยายได้ยากเพราะเป็นผ้าเนื้อแข็ง สามารถใช้ไอน้ำจากเตารีดผ้าไอน้ำเพื่อช่วยให้เนื้อผ้าอ่อนตัวลงได้ 6.จากนั้นให้พาดเสื้อผ้ากับราวตากผ้าเพื่อตากให้แห้ง และไม่ควรตากเสื้อผ้ากับไม้แขวนเพราะอาจทำให้เสียรูปทรงได้ เพียงเท่านี้เสื้อผ้าที่เราซื้อมาก็สามารถกลับมาใส่ได้ใหม่ดังเดิมแล้วครับ ลองนำไปใช้ดูนะครับ   เรียบเรียงโดย Thaijobsgov ข้อมูลจาก Flyingdudezclothing […]

มารู้จักโรควูบ!! ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน

  โรควูบ คือ อาการที่มีลักษณะคล้ายจะเป็นลมเกือบจะหมดสติ หรือบางรายหมดสติไป (Syncope) โดยเป็นภาวะที่สามารถพบได้บ่อย สาเหตุของการเป๊นโรคนี้นั้นมีมากมายโดยหนึ่งในสาเหตุเหล่านั้น เป็นเกิดจากความผิดปกติทางหัวใจ โดยสามารถเกิดขึ้นได้ทุกขณะในชีวิตประจำวันเช่น การเดิน การขับรถ หรือการทำกิจกรรมต่างๆ เมื่อมีอาการวูบเกิดขึ้นก็จะส่งผลต่อผู้ใกล้ชิดทางด้านจิตใจคือเกิดความกังวลว่าจะฟื้นขึ้นมาหรือไม่และอาจก่อให้เกิดความไม่มั่นใจในการทำกิจกรรมต่างๆ เพราะกลัวจะเกิดอาการวูบ อาจทำให้ล้มลง เกิดอุบัติเหตุจากการล้มหรือเสียการทรงตัวได้ ได้ทราบข้อมูลเบื้องต้นแล้วเรามารู้จักโรคนี้และวิธีการปฐมพยาบาลกันเลยครับ  อาการของโรควูบ มีอาการหน้ามืดหมดสติ ซึ่งเกิดขึ้นได้ขณะยืน เช่น บนรถเมล์ ในห้องน้ำ อาจมีอาการอื่นประกอบ เช่น เหงื่อออก ตัวซีด อาเจียน โดยตัวของโรคเองจะไม่ก่อให้เกิดความอันตรายมากนักแต่ขึ้นอยู่กับว่า ณ ตอนนั้นกำลังทำอะไรอยู่เช่น อยู่ในห้องน้ำก็อาจจะทำให้ศรีษะกระแทกพื้นได้ หรือขณะขับรถก็อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้  ผู้มีปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดอาการวูบ คือ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคหัวใจ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ผู้มีปัญหาด้านการได้ยิน  ผู้ที่เคยเกิดอุบัติเหตุที่ศีรษะหรือหู เมื่อพบเห็นผู้มีอาการวูบและวิธีการปฐมพยาบาล เบื้องต้นเมื่อพบผู้ที่มีอาการวูบนั้น สิ่งแรกคือต้องประเมินว่าผู้ป่วยหมดสติหรือไม่ชีพจรเป็นอย่างไเมื่อหมดสติ ถ้าผู้ป่วยไม่หมดสติก็แค่ให้ผู้ป่วยนั่งลงหรือนอนลงก็เพียงพอ ถ้าอาการดีขึ้นแล้วก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรต่อ แต่หากอาการไม่ดีขึ้นก็ควรนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้เคียงโดยเร็วที่สุด การป้องกันการเกิดอาการวูบ ผู้ที่ไม่เคยเป็นหรือมีความเสี่ยงที่จะเป็นต้องปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสม ก็จะช่วยลดโอกาสเกิดการวูบได้ เช่น การรักษาสุขภาพกาย สุขภาพจิตให้แข็งแรง ด้วยการรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่อดหลับอดนอน เพียงเท่านี้ก็จะสามารถลดความเสี่ยงจากการเกิดอาการวูบได้แล้วครับ […]

บทความดีๆ ปลุกไฟฝัน…”เมื่อผมได้คุยกับคนที่คนอื่นเรียกว่า ไอ้กระจอก”

ความฝันของคนวัยทำงานส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้นการเก็บเงินก้อนไว้สานฝันอะไรสักอย่าง อาจจะรถแพงๆ บ้านสักหลัง ธุรกิจส่วนตัวสักอย่าง หรือแค่มีเงินเลี้ยงครอบครัวได้เรื่อยๆ ก็โอเคแล้ว กว่าจะสานฝันแต่ละอย่างได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หลายครั้งต้องพับโครงการไว้ก่อนเพราะสภาพการเงินไม่คล่อง หรือมันเป็นฝันที่สูงเกินไปจนรู้สึกท้อ  แต่ความเป็นจริงแล้ว เราไม่ต้องฝันอะไรที่เกินตัวมากไปก็ได้ … ลองมาดูแนวคิดของชายส่งเอกสารคนหนึ่งกับรถมอเตอร์ไซค์เก่าๆ ในเรื่องเล่า "เมื่อผมได้คุยกับคนที่คนอื่นเรียกว่า ไอ้กระจอก" ของคุณanan6414… แล้วทัศนคติของคุณอาจเปลี่ยนไป (ก็ไม่รู้ว่าเรื่องราวดังกล่าวจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องราวดีๆ ที่น่าคิด น่าเก็บไว้เป็นแรงบันดาลใจจริงๆ) ——————– เมื่อผมได้คุยกับคนที่คนอื่นเรียกว่า "ไอ้กระจอก" เรื่องนี้เกิดขึ้นกับผมเองที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในขอนแก่น วันนั้นผมเองรู้สึกหมดอาลัยตายอยาก และเซ็งกับการทำงานในตำแหน่งนี้เหลือเกิน และสุดจะหาทางทำให้สำเร็จได้ ผมนั่งสูบบุหรี่ มองดูชีวิตคนอื่นไปเรื่อยๆ จนสะดุดกับชายคนนึงที่หย่อนตัวนั่งลงข้างๆผม ชายคนนี้ขับมอเตอร์ไซค์โนวา อาร์เอส เก่าๆ ในรูปแบบของคนส่งเอกสารแบบเต็มยศ เมื่อเขานั่งลงพร้อมกับเอ่ยปากขอยืมไปเช็คเพื่อต่อบุหรี่ ผมยื่นไปไม่คิดอะไร และผมเริ่มพูดออกไป ถามเขาว่าทำงานที่ไหน เขาตอบและเราเริ่มคุยกัน ผมถามเขาว่า "มอเตอร์ไซค์เนี่ย มันขับได้ไกลขนาดไหนท่าทางจะพังอยู่แล้ว จะไปไหวไหมเนี่ย"   เขาตอบ "มันเคยเป็นรถใหม่เหมือนรถพี่นั้นล่ะ แต่ตอนนี้มันเป็นรถเก่าที่เป็นรถผม ผมดูแลมันดี มันวิ่งได้ไม่ดับแสดงว่ามันปกติ เสียแต่ตรงที่มันเก่า แต่เวลาที่เราไปห้าง พี่ก็ต้องจอดรถไว้ที่ลานจอดรถ ตอนนั้นพี่กับผมก็เท่ากันแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าพี่มีเงินในกระเป๋าเท่าไรล่ะ นั้นล่ะคือระดับการบริการที่พี่จะได้รับจากพนักงาน […]

1 2,975 2,976 2,977 2,983
error: