ท้องลายและผิวแตกลายงารักษาได้สุดง่าย!!!

Advertisement Advertisement การแตกลายงาบนผิวหนังนั้นเกิดจากมีการยืดของผิวหนังอย่างต่อเนื่อง มีทั้งที่พบได้ในบุคคลทั่วไปและในคนที่ตั้งครรภ์, ให้นมบุตร, มีสภาวะอ้วนขึ้นอย่างรวดเร็ว, ในวัยรุ่น (อยู่ในช่วงอายุ 9-13 ปี) ที่มีการเปลี่ยนแปลงของการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว  การแตกลายงา ไม่ได้เกิดที่บริเวณท้องเท่านั้นนะครับ ยังพบได้ที่เต้านม, ก้น, ต้นขาด้านบนทั้งด้านในและด้านนอก, บริเวณขาหนีบ, เข่าและข้อศอก เริ่มแรกจะมีลักษณะเป็นรอยนูนเป็นเส้น ๆ สีชมพู, ม่วง และเมื่อเวลาผ่านไป จะมีสีซีดลงและบุ๋มลงไปเล็กน้อย ลักษณะผิวจะเป็นรอยย่นเป็นริ้วเล็ก ๆ ในคนผิวคล้ำจะเห็นรอยแตกได้ชัดกว่าคนผิวขาว Advertisement วิธีรักษา คือ ในกรณีหญิงตั้งครรภ์ เมื่อคลอดบุตรและอาการจะดีขึ้นตามลำดับ แต่สามารถป้องกันด้วยการทาโลชั่นบำรุงผิวเป็นประจำ ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ก็จะทำให้มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยลง ส่วนในคนที่มีน้ำหนักตัวมากหรืออ้วน ถ้าลดน้ำหนักลงมารอยแตกลายงาก็จะน้อยลง และห้ามใช้ยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยเด็ดขาด ครีมโลชั่นหรือยาทาต้องประกอบด้วยอนุพันธ์ของกรดวิตามินเอ เช่น tretinoin ที่จะทำให้อาการของโรคนี้ดีขึ้น และควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็จะทำให้รูปร่างดีและแข็งแรง รอยแยกของผิวหนังก็จะไม่เกิดขึ้น   สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นคือการไม่ปล่อยให้ตนเองน้ำหนักขึ้นมากจนเกินไปและหมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอครับ เพียงเท่านี้ก็จะทำให้มีสุขภาพที่ดีห่างไกลจากอาการแตกลายงาบนผิวหนัง   เรียบเรียงโดย Thaijobsgov ข้อมูลจาก Dailynews ขอบคุณภาพจาก google.com [ads=center]

ลูกๆติดสมาร์ทโฟน 4 วิธีนี้ช่วยได้!

  หากลูกๆของคุณสามารถที่จะดูการ์ตูนหรือเล่นเกมส์บนสมาร์ทโฟนด้วยสายตาจับจ้องอยู่กับหน้าจอมือถือหรือแท็บเล็ตได้เป็นวัน ๆ โดยที่ไม่คิดจะทำกิจกรรมอย่างอื่นเลย นั่นแสดงว่า ลูกของคุณกำลังเสพติดการเล่นแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนแล้วหละครับ จะมีวิธีแยกลูกรักของคุณกับมือถือสมาร์ทโฟนได้อย่างไร วันนี้เรามารู้วิธีการกัน แต่ก่อนอื่นลองมาดูสัญญาณเตือนที่บอกว่าลูกของคุณกำลังติดสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต 1. เวลาที่จะให้ทำกิจกรรมอย่างอื่น จะเริ่มร้องไห้งอแงไม่อยากทำ 2.รู้สึกไม่ชอบไปโรงเรียนและแสดงออกว่าต้องการเล่นแท็บเล็ตอยู่บ้านหรือถ้าไปโรงเรียนก็จะขอนำแท็บเล็ตไปด้วย 3. สมาธิสั้นไม่อยู่นิ่ง มีสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตวางอยู่ข้างหน้าตลอดเวลาโดยไม่ห่างมือ    4 วิธีแก้ปัญหาลูกๆติดสมาร์ทโฟน สามารถทำได้ดังนี้ 1. เป็นแบบอย่างที่ดี เด็กจะซึมซับพฤติกรรมจากการสังเกตุ เมื่อลูกเห็นว่าพ่อแม่หยิบหนังสือที่เป็นประโยชน์มาอ่านมากกว่ากการเล่นสมาร์ทโฟนตลอดทั้งวัน ลูกก็ทำตาม ดังนั้นในช่วงเวลาที่เป็นเวลาของครอบครัว ควรนำเครื่องมือสื่อสารออกไปและใช้เวลาพูดคุยทำกิจกรรมร่วมกับลูก 2. ทำกิจกรรมร่วมกับลูก ส่งเสริมให้ลูกได้เล่นกีฬา เล่นดนตรี การเข้าร่วมชมรมศิลปะ โดยที่พ่อแม่มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมนั้นๆด้วย เช่น เล่นฟุตบอลกับลูก วาดรูปด้วยกัน ซึ่งนอกจากจะเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์แล้วก็ยังมีคุณค่ากว่าการปล่อยให้ลูกใช้เวลากับเล่นแท็บเล็ต สมาร์ทโฟนทั้งวันโดยไม่ได้อะไรเลย 3. ออกกฎของบ้านและกำหนดเวลาชัดเจน สร้างกฎระเบียบต่าง ๆ ภายในบ้านขึ้น โดยควรมีกฎชัดเจนว่าจะไม่เล่นแท็บเล็ตสมาร์ทโฟนในเวลาที่รับประทานข้าวร่วมกัน หรือฝึกให้เขาได้ว่างแผนล่วงหน้า เช่น ก่อนเวลาทานอาหารเย็นเราต้องเตือนลูกล่วงหน้าว่าจะถึงเวลาทานอาหารเย็นแล้วอีก 10 นาที ให้วางแท็บเล็ตลง การเตือนล่วงหน้าจะทำให้ลูกรู้จักการวางแผนและเรียนรู้การเคารพสิทธิส่วนบุคคลด้วย 4. ทำรหัสผ่าน เครื่องคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และ สมาร์ทโฟน ตั้งรหัสไว้เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ลูกเข้าไปเล่นหรือดาวน์โหลดโปรแกรมต่าง ๆ ได้ตามใจและควรตั้งคอมไว้ที่ที่พ่อแม่สามารถมองเห็นและสังเกตุลูกได้ตลอดเวลา    เพียงเท่านี้ก็จะสามารถช่วยพ่อและแม่เข้าไปแทรกตรงกลางระหว่างลูกและสมาร์ทโฟนเพื่อให้มีเวลาและใช้เวลาร่วมกันในครอบครัวมากขึ้นครับ   เรียบเรียงโดย Thaijobsgov […]

้เรอเหม็นเปรี้ยวแก้ได้ง่ายๆด้วยน้ำสมุนไพรสูตรโบราณ

อาการเรอเหม็นเปรี้ยวเกิดจากการกินอาหารที่มีรสจัด มีกากน้อย ย่อยยาก อาหารสุกๆ ดิบๆ หรือกินมา กินเร็วเกินไป เคี้ยวไม่ละเอียด หรือกลืนน้ำลายบ่อยๆ ทำให้ลมเข้ากระเพราะมากเกินไปหรือไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย เกิดความเครียดและกังวลทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานไม่สมบูรณ์ วันนี้เรามีวิธีการทำน้ำสมุนไพรสูตรโบราณง่ายๆที่วัตถุดิบสามารถหาซื้อได้ตามตลาดทั่วไปเพื่อนำมาดื่มแก้อาการเรอเหม็นเปรี้ยวครับ   ส่วนประกอบ : ขิงแก่ ข่าแก่ ตะไคร้ ใบสาระแหน่ น้ำมะกรูด น้ำมะนาว น้ำคั้นใบเตยหอม และน้ำเชื่อม ในสัดส่วนเท่าๆกัน  วิธีทำ : -ต้มขิง ข่า ตะไคร้ และใบสาระแหน่รวมกันใช้เวลาประมาณ 15 นาที -กรองเอาแต่น้ำแล้วทิ้งไว้ให้เย็น -เติมน้ำมะกรูด น้ำมะนาว น้ำคั้นใบเตยหอมและน้ำเชื่อมคนให้เข้ากัน  วิธีการดื่ม ให้ดื่มครั้งละ 1 แก้วหลังอาหารทันที เพื่อช่วยลดอาการเรอเหม็นเปรี้ยว   เรียบเรียงโดย Thaijobsgov ข้อมูลจาก cheewajit.com [ads=center]    

แค่ทำตามนี้ 7 วัน น้ำหนักก็ลดลงได้ถึงเกือบ 8 กิโล!!

หากคุณกำลังหาวิธีการลดความอ้วนอยู่ การอดข้าวหรือการรับประทานยาลดความอ้วนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดีและไม่ถูกต้องอย่างแน่นอนครับ วันนี้เราจะมาแนะนำวิธ๊การลดความอ้วนแบบที่เห็นผลและสามารถทำได้จริงภายใน 7 วัน!! เพียงแค่ปฏิบัติตามในแต่ละวันร่วมกับการออกกำลังกายดังต่อไปนี้ครับ   วันที่ 1 : รับประทานผลไม้สดในวันแรกเพือปรับสภาพของร่างกายด้วยผลไม้ โดยรับประทานผลไม้ประเภทแตงโมหรือแคนตาลูปพร้อมกับดื่มน้ำวันละ 8-12 แก้ว ไม่ควรที่จะทานอาหารประเภทอื่นๆอีกเลย งดอาหารทอดอย่างเด็ดขาด ถ้าคุณรู้สึกห้วก็ให้รับประทานผลไม้และดื่มน้ำให้มากขึ้น วันที่ 2 :ในวันที่2นี้คุณสามารถที่จะรับประทานอาหารประเภทผักได้อย่างเต็มที่ โดยที่ผักเหล่านั้นไม่ได้ผ่านการผัดหรือทอด สำหรับอาหารผักที่แนะนำได้แก่ ถั่ว แครอท แตงกวา ผักกาดหอม กระหล่ำปลี ผักกาด อาจจะใช้วิธีการต้มแล้วรับประทานกับน้ำจิ้มสุกี้และการดื่มน้ำให้มากขึ้นก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญ  วันที่ 3 : วันที่3นี้คุณสามารถที่จะรับประทานผักและผลไม้ได้ทั้งวันแตกงดการรับประทานผักและผลไม้ที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงเช่น มันฝรั่งและกล้วยหอม แผนการอาหารของวันนี้เริ่มต้นด้วยการทานผลไม้เป็นอาหารเช้า ผักในมื้อเที่ยง ผลไม้ในมื้อเย็น และผักผลไม้ในมื้อดึกอีกครั้ง และอย่าลืมดื่มน้ำมากๆด้วย วันที่ 4 : กล้วยและนม คุณสามารถเตรียมกล้วยจำนวน 8-10 ลูก และนมอีก 3 แก้วสำหรับรับประทานในทั้งวัน ในช่วงวันนี้อาจจะรู้สึกหิวจนไส้กิ่วแต่ถ้าจัดสรรอาหารให้ดีก็สามารถทำให้อยู่ได้ทั้งวัน   วันที่ 5 : ในที่สุด!! วันนี้คุณก็สามารถทานข้าวได้ 1 จาน ในมื้อกลางวัน และมะเขือเทศสดจำนวนประมาณ 7-8 ผล ในวันนี้ร่างกายของคุณมีโอกาสที่จะผลิตกรดยูริคเป็นจำนวนมากจึงทำให้ต้องดื่มน้ำในปริมาณที่มากขึ้นประมาณ 12-15 แก้ว วันที่ 6 : สามารถทานข้าวกลางวันเป็นข้าวได้หนึ่งจาน ส่วนมื้ออื่นๆให้เน้นผักเป็นหลักเช่นเดิมและดื่มมากให้มากเพื่อลดอาการหิว  […]

มารู้จักประโยคเด็ด”รู้เท่าไม่ถึงการณ์” ที่จริงแล้วใช้อย่างไรกันแน่!!?

ในสมัยปัจจุบันนี้พวกเราคงจะเคยได้ยินประโยคเวลาที่ผู้ต้องหาไปกระทำความผิดมาแล้วกล่าวว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นพวกตน "รู้เท่าไม่ถึงการณ์" ในหลายต่อหลายคดีและเหมือนกับว่าจะเป็นอุปทานหมู่คือกระทำมาแล้วก็แก้ตัวด้วยประโยคนี้เหมือนๆกันหรือศัพย์ในโลกโซเชียลนั้นเรียกว่า"หงายการ์ดรู้เท่าไม่ถึงการณ์"วันนี้เราจะมาขยายความให้ท่านรู้จักประโยคนี้มากขึ้นว่าจริงๆแล้วมีความหมายว่าอะไรและใช้อย่างไร  พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานได้ให้ความหมายของคำว่า "รู้เท่าไม่ถึงการณ์" ไว้ว่า รู้เท่าไม่ถึงการณ์ (กรรม.) หมายถึง เขลา,คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น  ยกตัวอย่างเหตุการณ์การใช้คำว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ที่ถูกต้องได้ดังต่อไป  นาย ก. ได้รับฝากของจากนาย ข. ไว้โดยที่นาย ข.แจ้งว่าจะมารับคืนในภายหลัง เมื่อตำรวจได้ทำการสืบสวนสอบสวนแล้วได้ทราบว่าของที่นาย ก.ได้รับไว้นั้นเป็นของที่ นาย ข.ได้ทำการโจรกรรมมาจึงทำให้ นาย ก.ถูกดำเนินคดีในข้อหารับของโจร โดยที่นาย ก.นั้นไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นของที่โจรกรรมมาเป็นการ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าของนั้นเป็นของโจร. จากเหตุการณ์ข้างต้นนั้นแสดงให้เห็นถึงการใช้คำว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ที่ถูกต้อง แตกต่างจากคำให้การของผู้ต้องหาในหลายๆคดี ยกตัวอย่างเช่นคดีวัยรุ่นชาย 6 คนทำร้ายร่างกายผู้พิการโดยได้รับสารภาพว่า"ทำไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบและรู้เท่าไม่ถึงการณ์"ซึ่งขัดกับความหมายและการใช้คำนี้เป็นอย่างมาก  ขอบคุณภาพจาก mcot.netและyoutube.com ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า "รู้เท่าไม่ถึงการณ์"เป็นการกระทำที่ไม่ได้ตั้งใจและไม่คาดคิดว่าการกระทำที่ได้ทำนั้นจะส่งผลเสียและผลร้ายขึ้น ขอให้ทุกท่านนำคำนี้ไปใช้ให้ถูกต้องนะครับ    เรียบเรียงโดย Thaijobsgov ข้อมูลจาก พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน  ภาพจาก google.com [ads=center]

วิธีทำ”ไข่เจียวไข่มดแดง” พร้อมประโยชน์ของไข่มดแดงโดยแพทย์!!

เมนูไข่เจียวเป็นเมนูหนึ่งที่สามารถทำได้ง่ายมากๆแถมยังอร่อย โดยสามารถใส่หมูสับ กุ้งสับ ปู แหนมและอื่นๆได้สาระพัด รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆเหยาะน้ำปลานิดซอสพริกหน่อยก็อร่อยมากแล้ว! วันนี้ทางเราจะมาแนะนำเมนูไข่เจียวอีกเมนูที่ค่อนข้างหารับประทานได้ยากนั่นก็คือ ไข่เจียวไข่มดแดงครับ   วัตถุดิบประกอบไปด้วย 1.ไข่ไก่จำนวน 2 ฟอง 2.ไข่มดแดง 3 ช้อนโต๊ะหรือใส่ได้ตามชอบ 3.หอมแดงซอย 2 หัว หรือจะใช้ต้นหอมก็ได้ 4.พริกสดหั่นซอย สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มรสเผ็ดให้กับไข่เจียว 5.น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ  6.ผงปรุงรส 7.น้ำมันสำหรับเจียว   วิธีทำ 1.ล้างทำความสะอาดไข่มดแดง  ล้างเอาแป้งสีขาวออกให้หมด ล้างจนน้ำที่ล้างไข่มดแดงใสไม่เป็นสีขาวของแป้ง นำไปต้มหรือลวกให้สุกก่อนเพื่อความปลอดภัยและถูกสุขอนามัย 2.ตอกไข่ใส่ถ้วย ปรุงรสด้วยน้ำปลาและผงปรุงรส  3.ใส่ไข่มดแดง หอมซอย พริกสดหั่นลงไปแล้ว ตีให้เข้ากัน 4.ตั้งกระทะใส่น้ำมันลงไป ใช้ไฟแรงจัดเพื่อให้น้ำมันร้อนจัด 5.เมื่อน้ำมันร้อนจัดจนมีลักษณะควันขาวลุก ให้เทไข่ที่ตีไว้ลงไป ทอดจนไข่เหลืองสุก พลิกด้านด้านกลับให้อีกด้านเลืองสุกด้วยจากนั้นจึงปิดเตา ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟกับข้าวสวยหอมมะลิร้อนๆ ไข่มดแดงไม่เพียงแต่สามารถนำไปปรุงอาหารให้อร่อยแล้วประโยชน์ของไข่มดแดงก็มีมากเช่นกัน  นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ไข่มดแดงถือเป็นเมนูที่มีคุณค่าทางโภชนาการเพราะมีโปรตีนสูง โดยในไข่มดแดง 100 กรัม หรือประมาณ 6 ช้อนกินข้าวจะมีโปรตีนสูงถึง 8.2 กรัม แถมไข่มดแดงยังมีไขมันและแคลอรีน้อยกว่าเมื่อเทียบกับไข่ไก่ […]

เชื่อหรือไม่? “น้ำปลา” มีประโยชน์มากกว่าช่วยปรุงรสอาหาร!!

น้ำปลา เป็นเครื่องปรุงรสอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในอาหารไทย มีรสชาติเค็มกลมกล่อม เป็นการหมักจากปลาสดกับเกลือ ยังอุดมไปด้วยสารอาหารจำเป็นต่อร่างกายอย่างโปรตีน ซึ่งนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญ ยืนยันว่า น้ำปลาเป็นแหล่งโปรตีนและกรดอะมิโนจำเป็นให้กับผู้ที่ขาดสารอาหารจำพวกนี้ได้ อาจารย์ประจำภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ ม.มหิดล ซึ่งได้วิจัยเกี่ยวกับน้ำปลามากว่า 30 ปี กล่าว่า คนที่กินอาหารมีประโยชน์ครบ 5 หมู่ เป็นประจำอยู่แล้ว อาจไม่เห็นผลชัดเจนจากประโยชน์ของน้ำปลานอกจากรสชาติอร่อย น้ำปลาไม่ได้มีประโยชน์แค่ช่วยปรุงรสอาหารเพิ่มความเค็มเท่านั้น แต่ในน้ำปลายังมีสารอาหารต่างๆ อยู่อีกมากมา เช่น โปรตีน กรดอะมิโน โดยเฉพาะกรดกลูตามิก และยังมีพวกสารประกอบไนโตรเจน วิตามิน และเกลือแร่ต่างๆ อีกหลายชนิด นักวิจัยยังได้กล่าวอีกว่า ผู้ที่ขาดแคลนสารอาหารจำพวกโปรตีน น้ำปลาชั้นเลิศ 2 ช้อนโต๊ะ สามารถทดแทนโปรตีนให้กับผู้ที่ขาดสารอาหารประเภทนี้ได้ถึง 7% ของปริมาณโปรตีนที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันและในคนปกติบริโภคได้ในกรณีที่ใส่ในอาหารอย่างมากที่สุดประมาณ 15-30 ซีซี หรือราว 1-2 ช้อนโต๊ะ โดยไม่ควรบริโภคมากกว่านี้เนื่องจะส่งผลเสียต่อสุขภาพซึ่งการบริโภครสเค็มจัดจะสามารถทำให้เกิดโรคไตและความดันโลหิตสูงได้    เรียบเรียงโดย Thaijobsgov ข้อมูลจาก manager.co.th ภาพจาก Google.com [ads=center]  

ประโยชน์ไม่ใช่น้อย…20 สรรพคุณของสตรอเบอร์รี่!!

]  สตรอเบอร์รี่เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่ปัจจุบันสามารถหารับประทานได้ทั่วไปแม้กระทั่งที่รถเข็นผลไม้บางแห่งก็มีสตรอเบอร์รี่ขายแล้ว  ผลสดของสตรอเบอร์รี่มีรสชาติหลากหลายตั้งแต่เปรี้ยวไปจนถึงรสหวานจัด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ที่ปลูก โดยสตรอเบอร์รี่ที่นิยมปลูกในบ้านเราก็คือ "สตรอเบอร์รี่สวน" โดยสามารถนำไปทำขนมและเครื่องดื่มได้หลากหลายชนิดเลยครับ    20 ประโยชน์ของสตรอเบอร์รี่ -สตรอเบอร์รี่อุดมไปด้วย สารต่อต้านอนุมูลอิสระต่างๆ ที่มีส่วนช่วยในการชะลอวัย ไม่แก่เร็ว -ลดการเกิดริ้วรอย เนื่องจากสามารถเสริมสร้างคอลลาเจ้นในร่างกายได้ -สตรอเบอร์รี่มีพลังงานต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก -ทำให้การเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชาย ลดน้อยลง -ช่วยชะลอการเจริญเติบโตของเนื้องอกที่อาจจะเป็นเนื้อร้าย -ช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดอุดตัน -ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรง และสามารถป้องกันการเกิดโรคหัวใจ -สตรอเบอร์รี่มีส่วนช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอล -ช่วยบำรุงเลือด ทำให้เลือดหมุนเวียนตลอดเวลา -ช่วยบำรุงร่างกายหลังฟื้นไข้ ด้วยการดื่มน้ำสตรอเบอร์รี่สด -ทำให้ไม่เกิดโรคหวัดได้ง่ายและอาการภูมิแพ้ -ช่วยป้องกันการเกิดโรคเลือดออกตามไรฟัน -ช่วยทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ -สตรอเบอร์รี่เป็นยาระบายอ่อน ๆ -ช่วยดีท็อกซ์ขับสารพิษออกจากร่างกาย ทำให้ร่างกายสดชื่นผ่อนคลาย -ช่วยขับปัสสาวะ ด้วยการรับประทานผลสดครั้งละ 5 ผล -ใช้ใบสตรอเบอร์รี่ซ้อนกันหลาย ๆ ใบ นำมาประคบแก้รอยช้ำบวมบนร่างกาย -ช่วยป้องกันโรคเกาต์ -ใช้ใบสตรอเบอร์รี่สดนำมาแช่น้ำทิ้งไว้ค้างคืน แล้วนำมาอมบ้วนปาก ช่วยระงับกลิ่นปากได้ -สตรอเบอรี่มี วิตามิน ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) กรดฟีโนลิกส์ และมีอีกหลายตัวช่วยให้ปรับความดันในตาให้กลับมาเป็นปกติ   ไม่น่าเชื่อนะครับ […]

อร่อยอันตราย! พบไส้กรอก 3 ใน15 ยี่ห้อในท้องตลาดใส่สารกันบูดเกินมาตรฐาน!!

ภาพประกอบจาก aconsciousappetite.wordpress.com ข่าวจาก matichononline เมื่อวันที่ 4 พ.ค. ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) น.ส.มลฤดี โพธิ์อินทร์ นักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ เปิดเผยว่าศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ ได้เก็บตัวอย่างไส้กรอก 15 ยี่ห้อที่วางขายตามท้องตลาด มาตรวจหาสารไนเตรท และสารไนไตรท์ หรือสารกันบูดในอาหาร ซึ่งตามมาตรฐานโคเด็กซ์ กำหนดให้นำมาผสมในอาหารได้ไม่เกิน 80 มิลลิกรัม (มก.) ต่อกิโลกรัม (กก.) ทั้งนี้ ผลการทำสอบพบว่ามี 11 ตัวอย่างที่มีการผสมสารทั้ง 2 ชนิดอยู่ในระดับที่ไม่เกินมาตรฐานกำหนด มี 3 ตัวอย่างที่เกินมาตรฐาน โดยมีการผสมสารทั้ง 2 ชนิดในระดับ 148.61 มก./กก.,132.33 มก./กก. และ 91.27 มก./กก.และมีเพียง 1 ยี่ห้อที่ไม่ได้มีการผสมสารทั้ง 2 ชนิดแต่อย่างใด โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ของ มพบ. ได้ที่ www.chaladsue.com (หรือภาพและลิ้งค์ข้อมูลท้ายข่าวนี้) อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบเพิ่มเติมไม่พบว่ามีการผสมสีลงไปแต่อย่างใด “เราพบว่าผลิตภัณฑ์ทั้งหมดมีการแสดงข้อมูลการใช้สารกันบูดทั้ง 2ชนิดไว้ในฉลากโภชนาการเพียง 6 […]

ใครว่าเส้นหมี่เท่านั้นที่ทำเส้นกรอบได้ … เส้นใหญ่ก็ทำได้ อร่อยด้วย

ในความคุ้นชินของคนทั่วไป หากพูดถึงเส้นกรอบ เรามักจะนึกถึงเส้นหมี่ขาวที่ใส่ในโจ๊ก หรือไม่ก็เส้นหมี่เหลืองกรอบๆ ที่ใส่ในข้าวซอยหรือราดหน้าหมี่กรอบ แต่สำหรับล็อกอินโอเคเลยแมวดำ ได้พิสูจน์ให้เราเห็นไปเลยว่าเส้นก๋วยเตี๋ยว "เส้นใหญ่" ก็ทำได้นะ ——————— [CR]ก๋วยเตี๋ยวหมูสับ…เส้นใหญ่กรอบ วันหยุดอยู่บ้าน ไม่ออกไปไหน นอนอืดเล่นไอแพดนั่นคืองานถนัดของเราเลย … อ้าว! แล้วจะกินอะไรกันดีล่ะ ค้นในตู้เย็นมีเส้นใหญ่เหลืออยู่ งั้นเรามาทำก๋วยเตี๋ยวหมูสับเส้นใหญ่กรอบกันดีกว่า ง่ายๆ ไม่เกิน  10 นาทีก็อิ่มอร่อยได้แล้ว เครื่องปรุง 1.ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่   (หากไม่มีใช้เส้นมาม่าก็ได้นะ) 2.หมูสับ 3.หอมหัวใหญ่ หั่นเต๋า 4.กระเทียมสับ 5.มะเขือเทศ  หั่นเต๋า 6.ซอสปรุงรส   ซอสเปรี้ยว  ซอสมะเขือเทศ  น้ำตาล 7.แป้งข้าวโพด  8.ผักกาดหอม เอาเส้นใหญ่มาผัดกับน้ำมัน  เราชอบให้กรอบๆ เกรียมๆ  (ใครไม่ชอบกรอบก็ไม่ต้องทอดให้กรอบก็ได้นะ) เอาตะหลิวตัดให้เป็นคำเล็กๆ จะได้กินง่ายๆ  ทอดเสร็จก็ทำน้ำราดเลย เอากระเทียมและหอมใหญ่มาผัดให้หอม   ใส่หมูสับลงไปผัดกับหอมใหญ่และกระเทียม พอหมูเริ่มสุกใส่มะเขือเทศหั่นเต๋าลงไปผัด ใส่ซอสมะเขือเทศ  และปรุงรสด้วยซอสปรุงรส  ซอสเปรี้ยว  น้ำตาลทราย จากนั้นเติมน้ำซุป  (แต่ของเราไม่มี  ใช้น้ำเปล่าเลยจ้า) ต้มจนส่วนผสมสุกและเปื่อยกำลังดี  จากนั้นใส่แป้งข้าวโพดเพิ่มความข้นของน้ำราด จัดเตรียมเส้นใส่จานให้เรียบร้อย เสร็จแล้วจ้า  ก๋วยเตี๋ยวหมูสับเส้นใหญ่กรอบ จบแล้วสำหรับก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่กรอบของล็อกอินโอเคเลยแมวดำ ซึ่งในกระทู้เดียวกันนี้ ก็ยังมีความคิดเห็นที่4 ล็อกอินImphamog คอนเฟิร์มเช่นกันว่า เส้นใหญ่ก็ทำให้เป็นเส้นกรอบได้ เมนูราดหน้าก็ทำได้ด้วยนะ ยังไงแล้วแฟนเพจThaijobsgov ก็ลองเอาไปประยุกต์สูตรกันดูนะจ๊ะ อย่ากินเพลินจนลืมลดน้ำหนักเชียวหละ ของอร่อยมักแลกกับความอ้วนเสมอ  ขอบคุณข้อมูลจาก ล็อกอินโอเคเลยแมวดำ เว็บไซต์http://pantip.com/topic/35112301 เรียบเรียงใหม่โดย Thaijobsgov

1 2,976 2,977 2,978 2,982
error: