[สูตรเร่งรัด!] มือนุ่ม แค่ 1 นาที

Advertisement     ใครอยากมือสวย! ยกมือขึ้น “มือ” เป็นอวัยวะที่ใช้งานตลอดทั้งวัน คนทำงานที่ใช้มืออย่างหนัก เจอความร้อน-ความเย็นหรือสารเคมี อาจทำให้เกิดปัญหา ผิวมือแห้งเหี่ยว หยาบกร้าน สาวๆหลายคนอายุ 30 ปีแต่ผิวมือเหมือนอายุ 60 ปี มือจึงเป็นอวัยวะที่สังเกตได้ง่าย ลองใช้วิธีนี้ดูอาจได้ผล และไม่ใช้เงินเท่าไหร่ในการการรักษาด้วย ในการรักษามือให้สวย มีวิธีการดังนี้ Advertisement     ส่วนผสม: น้ำมันมะกอก ½ ถ้วย และน้ำตาลทรายขาว 3 ช้อนโต๊ะ ผสมเข้าด้วยกัน Advertisement       ขั้นตอน: ขัดมือด้วยน้ำมันมะกอกที่ผสมน้ำตาลทราย ถูวนรอบๆมืออย่างเบาๆ นาน 1-2 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด น้ำตาลทรายละเอียดจะช่วยสครับเซลล์ผิวที่แห้งกร้านให้หลุดออก ส่วนน้ำมันมะกอกจะบำรุงผิวมือให้ชุ่มชื้น เนียนนุ่มขึ้น [ads=center]

[รู้หรือยัง?] 5 สิ่ง กินแล้ว!!หน้าเด็ก?

คำกล่าวที่ว่า You are, what you eat. (คุณกินอะไร คุณก็จะได้สิ่งแบบนั้น) แล้วถ้าอยาก “หน้าเด็ก” ล่ะต้องกินอะไร?  ที่นี้จึงขอแนะนำ อาหาร 5 สิ่งที่กินแล้วหน้าเด็ก ผิวนุ่มเนียน และช่วยชะลอวัยได้ ดังนี้   1.ปลาแซลมอนตามธรรมชาติ (Wild Salmon)      ในปลาแซลมอนที่ได้มาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ จะมีสารแอสตาแซนธิน(Astaxanthin) สารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง (สูงกว่าวิตามินซี 6,000 เท่าและวิตามินอี 550 เท่า)ช่วยในการปกป้องเซลล์ผิว 2.ผักใบเขียว(Vegetable)        เช่น ปวยเล้ง คะน้า และผักใบเขียวอื่นๆ มีลูทีน (Lutein)  ทำหน้าที่สองอย่างด้วยกันคืออย่างแรกจะช่วยเพิ่มความสามารถในการปกป้องตัวเองของผิวหนังจากรังสียูวีได้ นอกจากนี้ลูทีนยังช่วยฟื้นฟูผิวให้มีความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้น ลดรอยเหี่ยวย่นของผิวได้         3.มะเขือเทศ(Tomato)            ในมะเขือเทศมี สารไลโคปิน(Lycopene) ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่เป็นตัวการก่อเกิดริ้วรอยบนผิว อีกทั้งช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้ด้วย จึงทำให้ผิวพรรณมีสุขภาพดี ไม่มีริ้วรอยแก่ก่อนวัย ดูสดใสอยู่เสมอ 4.มันเทศ(Sweet potato)      สาร เบตาแคโรทีน […]

[เหลือเชื่อ!]ดื่มน้ำอุ่น แล้วหุ่นเพรียว!!

     การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายเป็นสิ่งดี และเมื่อเราดื่มน้ำอุ่นหรือจิบน้ำร้อนเข้าไป ร่ายกายจะดูดซึมน้ำได้ง่ายกว่าน้ำเย็น เนื่องจากน้ำอุ่นมีอุณหภูมิใกล้เคียงกับร่างกายของเรานั่นเอง ผู้ที่ดื่มน้ำเป็น จึงมักดื่มน้ำอุ่น(Warm water)ในตอนเช้าหลังการตื่นนอนทันที เพื่อให้ร่างกายสดชื่นเร็วที่สุด       การดื่มน้ำอุ่นจะช่วยสร้างความอบอุ่นและช่วยให้การหมุนเวียนของเหลวในร่างกายไหลเวียนดีขึ้น  น้ำอุ่นอุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส  จะช่วยรักษาอุณหภูมิในร่างกาย และเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญอาหาร และยังกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก โดยการดื่มน้ำอุ่น 1 แก้วผสมกีวี 1 ชิ้น เอนไซม์ในกีวีจะช่วยย่อยโปรตีนได้  หรือการดื่มน้ำอุ่นที่ผสมมะนาว จะลดความอยากอาหาร ทำให้กินอาหารได้น้อยลงและกรดในน้ำมะนาวจะช่วยขจัดสารพิษและไขมันสะสมในร่างกาย บรรเทาอาการท้องผูก สมาคมมะเร็งในอเมริกาได้แนะนำว่าควรจะดื่มน้ำมะนาวอุ่นๆ เพื่อกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้ไม่มีสิ่งตกค้าง ลดโอกาสเสี่ยงการเป็นมะเร็งลำไส้  หากอยากให้สมองตื่นตัว สดชื่นได้ตลอดทั้งวัน ให้ดื่มน้ำอุ่นแช่สะระแหน่ 2-3 ใบ น้ำมันหอมระเหยของสะระแหน่ เมื่อสูดดมแล้วจะรู้สึกผ่อนคลาย ลดอาการบวมน้ำ และช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตได้ดี      ดังนั้น ระหว่างช่วงการลดน้ำหนัก นอกจากจะควบคุมอาหาร  และหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแล้ว ควรดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอและเหมาะสมต่อร่างกาย ลองเลือกดื่มน้ำอุ่นเพื่อดูแลสุขภาพแถมยังสามารถลดน้ำหนักได้อีกด้วย     แนะนำ!! สูตรน้ำอุ่นเพื่อลดน้ำหนัก ดังนี้ สูตรที่ 1  […]

[รู้หรือยัง?] 2 วิธีป้องกัน…หูอื้อตอนนั่งเครื่องบิน

     อาการปวดหู หรือหูอื้อในระหว่างขึ้น ลง…เครืองบินนั้น มีสาเหตุมาจาก ความผิดปกติของท่อยูสเตเซียนที่อยู่ภายในหูชั้นกลาง ซึ่งมีหน้าที่ช่วยปรับความดันภายในหูให้เท่ากับบรรยากาศภายนอกหากมีการเปลี่ยนเเปลงระดับความกดดันบรรยากาศอย่างรวดเร็ว หรือในระยะเวลาอันสั้น เช่น การขึ้นลงลิฟท์เร็วๆ, การนั่งบนเครื่องบินที่กำลังขึ้นหรือลงเร็ว,การดำน้ำโดยลดระดับเร็วเกินไป เป็นต้น จะก่อให้เกิดอาการหูอื้อ ปวดหู เวียนศรีษะหรือบ้านหมุนได้                                                   ภาพ เเสดงท่อยูสเตเชียนเชื่อมระหว่างหูชั้นกลางกับช่วงคอส่วนบน                             […]

[เวิร์ก!!]กดจมูกง่ายๆให้ถ่ายคล่อง

            ปัญหาเรื่องการขับถ่าย!! เป็นปัญหารบกวนใจของใครหลายๆคน ก่อนอื่นเราต้องรู้สาเหตุก่อนว่า อาการท้องผูกนั้นมีมาจากสาเหตุใด เช่น บางคนไม่นิยมรับประทานอาหารจำพวกผักเเละผลไม้ ทีมีเส้นใยอาหาร(fiber) เเต่บางคนกินผักมากเเล้วก็ยังไม่ถ่าย สำหรับคนในวัยสูงอายุก็จะมีเเนวโน้มที่จะเกิดอาการท้องผูกมากกว่าวัยอื่นๆ เนื่องจากมีกิจกรรมการเคลื่อนไหวร่างกายน้อยทำให้ลำไส้ใหญ่ทำงานน้อยลง หรือการดื่มน้ำน้อยทำให้อุจจระเเข็งเเละเเห้งยิ่งขึ้นเเละการขับถ่ายไม่เป็นปกติสม่ำเสมอ ตลอดจนการรับประทานยาบางชนิดก็ทำให้เกิดอาการท้องผูกได้เช่นเดียวกัน อาการท้องผูกมักจะมีความสัมพันธ์กับการถ่ายอุจจระลำบาก ต้องใช้เวลาเบ่งนานก็ปกติหรือมีอาการเจ็บทวารหนักเวลาขับถ่ายร่วมด้วย ซึ่งกลุ่มที่มีพฤติกรรมเหล่านี้จำเป็นต้องมาวิเคราะห์หาสาเหตุที่เเท้จริงของอาการท้องผูก หากท้องผูกนานติดต่อกันนาน 3 เดือนจัดว่าเป็น ท้องผูกเรื้อรัง ต้องรีบเเก้ไขหรือปรึกษาเเพทย์          ในทางการเเพทย์จีน มีวิธีการกดจุด หรือการใช้นิ้วมือกดสัมผัส เพื่อกระตุ้นอวัยวะในร่างกายให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ที่นี้จะเเนะนำวิธีง่ายๆเพื่อเเก้ไขอาการท้องผูกในเบื้องต้น เรียกว่า "วิธีการกดจุดอิ๋งเซียง"  ภาพ เเสดงจุดอิ๋งเซียง        จุดอิ๋งเซียง จะอยู่บริเวณ ร่องข้างจมูกหรือ ที่รู้จักกันในชือ"ปีกจมูก" โดยเริ่มจากใช้นิ้วมือกดตรงจุดอิ๋งเซียงทั้งสองข้างพร้อมๆกัน หากบริเวณร่องจมูกเเคบเกินไปทำให้กดลำบากอาจใช้วิธีนวดวนรอบๆจุด หรืออาจใช้นิ้วหัวเเม่มือกดโดยไขว์มือกันเพื่อให้สะดวกขึ้น กดเเละนวดประมาณ 5-10 นาที จนพอรู้สึกชา จากนั้นก็สะบัดข้อมืออย่างเร็วๆ 1 ครั้ง ก็จะสามารถบรรเทาอาการท้องผูกให้น้อยลงเเละถ่ายได้คล่องขึ้น     […]

เเก้!ปัญหาส้นเท้าเเตก ง่ายๆได้ผลเร็ว

      เเฟชั่นรองเท้าเปิดส้น ของสาวๆในปัจจุบันที่เน้นเปิดเผยบริเวณส้นเท้าที่เรียบสะอาด ดังนั้นจึงต้องต้องรักษาผิวส้นเท้าให้อยู่ในสภาพปกติ เรียบสวยเนียนเเละนุ่ม เพื่อจะอวดผู้อื่นได้ แต่หลายคนไม่ให้ความสำคัญกับการดูเเลสุขภาพเท้ามากนัก นี่เองจึงเป็นที่มาของปัญหา "ส้นเท้าเเตก"  เนื่องจากส้นเท้าเป็นอวัยวะที่มีการใช้งานตลอด ประกอบด้วยเส้นเลือด เส้นประสาท เเละผิวหนังหลายชั้น ปัญหาส้นเท้าเเตก มาจากหลายสาเหตุ เช่น อายุที่มากขึ้นทำให้ความยืดหยุ่นของเท้าลดลงหรือผิวหนังบริเวณเท้าขาดความชุ่มชื้น  บ่อยครั้งเกิดจากการเสียดสีของส้นเท้ากับวัสดุรองที่เเข็งจนเกินไป หรือการใช้เท้าสัมผัสพื้นโดยตรง เหล่านี้ทำให้ส้นเท้าขาดความยืดหยุ่น เกิดเป็นรอยเเตกเป็นรอยเล็กๆหากเเตกติดต่อกันเป็นเวลานานอาจทำให้มีเชื้อโรคเข้าไปสะสมได้ หรือเกิดจากการสวมใส่รองเท้าที่ขนาดไม่พอดีกับเท้าตลอดจนการรับน้ำหนักเกินของเท้า ของผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากกว่าปกติ ผู้ที่อ้วนหรือเริ่มอ้วน หรือน้ำหนักตัวเพิ่มจากการตั้งครรภ์ มีโอกาสเกิดอาการส้นเท้าแตกได้    [ads]   วิธีรักษาส้นเท้าเเตก 1.ขั้นการเเช่เท้า        เริ่มต้น!!! การเเช่เท้าเพื่อทำความสะอาดเท้าเเละให้เซลล์ผิวหนังที่ตายเเล้วนุ่มขึ้น โดยเเช่เท้าในน้ำสบู่เพื่อให้ผิวเท้าสะอาดเเละนิ่ม หรือเเช่เท้าในน้ำอุ่นผสมน้ำส้มสายชูเเละน้ำยาบ้วนปาก ในส่วนเท่าๆกัน น้ำอุ่นจะทำให้รุขุมขนขยายตัวทำให้สิ่งสกปรกหลุดออกมา เเล้ว นวดคลึงปลายเท้าเพื่อให้เลือดหมุนเวียนได้ดี หรือสามารถเลือกเเช่เท้าในน้ำมะนาวกับน้ำสะอาดก็ได้ น้ำมะนาวจะมีกรดอ่อนๆช่วยผลัดเซลล์ผิว ให้เเช่ทิ้งไว้ 10-20 นาทีสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จากนั้นเช็ดเท้าด้วยผ้าขนหนูให้เเห้งสะอาด 2.ขั้นการขัดเท้า/สครับเท้า/ขูดส้นเท้า     การขัดเท้าเพื่อขัดเซลล์ที่ตายเเล้วให้หลุดออก เพื่อให้ผิวส้นเท้ากร้านน้อยลงเเละบางลง อาจเลือกใช้สมุนไพรขัดเท้าที่วางขายตามท้องตลาด มา     เเปรงขัดอย่างเบาๆใต้เท้าประมาณ 2-3 นาที […]

ใช้ยาดม ยาหม่องบ่อยๆจะมีอันตรายไหม?

    ยาดม เเละยาหม่อง จัดเป็นยาที่คนไทยรู้จักกันดีเพราะมีทุกบ้าน พกติดตัว ที่ทำงานหรือติดไว้ในรถยนต์ สรรพคุณของยาดม เเละยาหม่องเพื่อช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนศรีษะ ง่วงนอน หน้ามืด เป็นหวัดคัดจมูก มีน้ำมูกไหล หรือถูกเเมลงกัดต่อย ทั้งยังช่วยผ่อนคลายเเละลดความตึงเครียดได้ด้วย            ยาดม เเละยาหม่องจะมีองค์ประกอบที่สำคัญ ได้เเก่ เมนทอล(memthol) การบูร(camphor) หรือพิมเสน(borneo camphor) นอกจากนี่้ยังมีตัวยาชนิดอื่นๆผสมลงไปตามเอกลักษณ์เฉพาะตัวของยาดมหรือยาหม่องนั้นๆ                                   ภาพที่1 เมนทอล หรือ เกล็ดสะระเเหน่                        […]

“โรคติดเช็คมือถือ” คุณเป็นหรือเปล่า?

         หากคุณมีอาการต้องหยิบมือถือสมาร์ทโฟนขึ้นมาเช็คนั่นเช็คนี่อยู่บ่อยๆ ทั้งที่บางทีก็ไม่ได้รออีเมล์หรือการตอบกลับเฟสบุ๊คจากใคร หรือค้นหาอะไรจากอินเตอร์เน็ตจริงจัง เหล่านี้คือสิ่งบ่งบอกว่า  คุณติดเช็คมือถือ        การติดเช็คมือถือ เป็นปรากฏการณ์ที่ได้จากการศึกษาของทีมนักจิตวิทยาในสหรัฐอเมริกา ที่อธิบายว่า พฤติกรรมการเช็คมือถือทุกๆ10 นาทีและแต่ละทีก็แค่เช็คแป๊ปๆไม่เกิน 30 วินาทีต่อครั้ง(ทำอย่างนั้นเป็นประจำจนติดเป็นนิสัย(เสีย)    วิธีทดสอบว่า เราติดเช็คมือถือหรือไม่ ทำได้โดยวางมือถือไว้ในตำแหน่งหนึ่งสักพัก แล้วถ้าเรารู้สึกว่าการไม่มีมือถืออยู่กับตัวเป็นปัญหาชีวิต นั่นละใช่เลย  การรักษาอาการนี้ ทำได้โดยการจัดช่วงเวลาและตำแหน่งที่ปลอดสมาร์ทโฟน  เช่น การไม่พกมือถือในห้องนอน หรือไม่ใช้สมาร์ทโฟนในระหว่างทานข้าว เป็นต้น   แหล่งอ้างอิง http://hrzone.healthrising.netdna-cdn.com/wp-content/uploads/2013/08/21279690_s.jpg http://www.medindia.net/news/healthinfocus/1.htm

5 วิธี “บอกลารูขุมขนกว้าง”..แบบได้ผลสุดๆ

5 วิธี "บอกลารูขุมขนกว้าง"..แบบได้ผลสุดๆ           1.ล้างหน้าด้วยน้ำอุณหภูมิห้องทุกวัน แต่ไม่ควรล้างหน้าบ่อยจนเกินไป กางล้างหน้าที่เหมาะสมควรทำเพียง 2 ครั้งเท่านั้น ตอนเช้าตื่นนอน และตอนกลางคืนในช่วงเวลาชำระล้างร่างกาย การล้างหน้านั้นจะช่วยล้างคราบสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ในรูขุมขนออกไป ซึ่งเป็นการช่วยกระชับรูขุมขนของคุณให้เล็กลงได้ …   2.ประคบก้อนน้ำแข็งบนใบหน้า โดยการนำก้อนน้ำแข็งถูเบาๆ ไปตามบริเวณที่รูขุมขนกว้าง ประมาณ 15-30 วินาที จะช่วยทำให้รูขุมขนกระชับแล้วเล็กลง อีกทั้งยังเรียกความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าได้อีกด้วย ทำประจำทุกเช้าได้ยิ่งดีค่ะ … 3.เบคกิ้งโซดา เมคอัพอาร์สติส มืออาชีพเคยบอกไว้ว่า เบคกิ้งโซดาช่วยในการกระชับรูขุมขนบนใบหน้าได้ พร้อมยังต่อต้านการเกิดสิวสำหรับสูตรการใช้เบคกิ้งโซดานั้นไม่ยาก คือ ผสมเบคกิ้งโซดาประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ กับน้ำอุ่นประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ทาลงบนผิวที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง แล้วนวดให้เป็นวลกลมอย่างเบาๆ ประมาณ 30 วินาที แล้วล่างออกด้วยน้ำเย็น ทำเป็นประจำทุกคืน ประมาณ 5-7 วัน ต่อสัปดาห์หลังจากนั้น จึงค่อยๆ ลดปริมาณลงให้เหลือเพียง 3-5 […]

เตือนภัย ! 5 เหตุผลอันตราย อย่าโพสภาพลูกลงบน “Social Network”

เตือนภัย ! 5 เหตุผลอันตราย อย่าโพสภาพลูกลงบน "Social Network"     1.ยิงมิจฉาชีพมีข้อมูลของเหยื่อเท่าไหร่ เหยื่อก็ยิ่งเสี่ยงเท่านั้น การโพสรุปลงบนโซเชี่ยลเน็ทเวิร์คที่ไม่ว่าใครก็ค้นหาได้อย่าง IG ถือว่าเสี่ยงที่สุด เพราะมิจฉาชีพสามารถทราบข้อมูลจำนวนมากได้โดยที่เราไม่รู้ตัวเลย ยิ่งเราโพสเยอะเท่าไหร่ คนร้ายยิ่งรู้ว่าเราทำงานที่ไหน กลับบ้านกี่โมง ลูกกี่ขวบแล้ว ไปเรียนหรือยัง เรียนที่ไหน ไปรับตอนไหน ฯลฯ ข้อมูลเหล่านี้แหละที่คนร้ายสามารถนำมาวางแผนได้มากมาย   2.การโพสรูปลูกว่าอยู่ที่ไหนบ้างถือว่าเสี่ยง ยิ่งแชร์โลเคชั่นยิ่งเสี่ยงสองเท่า มิจฉาชีพอาจตามดูข้อมูลที่เราโพสอยู่ การที่เราโพสรูปลูกทุกครั้งที่ไปรับลูก ทำให้คนร้ายคาดเดาได้ว่าเราจะมารับลูกในช่วงเวลาไหนบ้าง เด็กอยู่คนเดียวที่ไหนบ้าง ส่งผลให้มีโอกาสเกิดอันตรายกับเด็กได้มากขึ้น   3.จะให้ลูกอยู่บ้านแล้วไปเที่ยว ไม่ต้องถ่ายภาพลูกเพื่อบอกรักลูกก็ได้ มันก็ต้องมีบ้างที่พ่อแม่ต้องออกไปข้างนอกแล้วปล่อยลุกให้อยู่บ้านคนเดียว (ยิ่งอายุราว 10 ขวบที่พอดูแลตัวเองได้แล้ว) การโพสภาพลุกก่อนออกไปเที่ยวแล้วบอกว่า “รักลูกนะจ้ะ” มันก็เหมือนกับบอกมิจฉาชีพว่า “ลูกชั้นอยู่บ้านคนเดียวแล้ว เข้ามาได้เลยนั่นเอง”   4.ถ่ายภาพเด็กกับของเล่น ใครว่าไม่น่าห่วง เด็กบางคนชอบเล่นเลโก้ บางคนชอบตุ๊กตา การโพสบอกว่า ลูกตัวเองชอบอะไรเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเด็ก 5-7 ขวบ เป็นการชี้เป้าว่า […]

1 654 655 656 702
error: