สาระน่ารู้

Advertisement การกระทำบางอย่างที่เราทำไปโดยไม่รู้ตัวอาจเป็นการบั่นทอนความสุขของตัวเองทีละนิดก็ได้ มาดูกันเถอะว่านิสัยเหล่านี้มีอะไรบ้าง      1.เช็กเมล์ และเล่น Facebook หรือ Twitter ในเวลางาน   บางคนอาจข้องใจว่ามันทำให้ไม่มีความสุขตรงไหน ในเมื่อหลาย ๆ คนก็ติดกันงอมแงม แต่ในความเป็นจริง มันเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้คุณไม่มีความสุขในที่ทำงาน เพราะยิ่งคุณเล่นเว็บพวกนี้มากเท่าไร ใจคุณก็ยิ่งออกห่างงานมากเท่านั้น  เวลาเห็นคนอัพรูปว่าไปเที่ยว ไปกินของอร่อย ๆ มีแต่จะทำให้คุณเปรียบเทียบกับงานที่ทำแล้วพาลไม่พอใจงานของตัวเองซะเปล่า ๆ แถมทำให้เสียสมาธิ ทำงานช้าลง ดังนั้นใครที่รู้ตัวว่าชอบเล่น ควรล็อกเอาต์แล้วปิดมันซะ   2.ส่งเมล์โดยไม่ระมัดระวังคำพูด   บางครั้งการที่เราส่งเมล์ไปเพียงสั้น ๆ ห้วน ๆ หรือใช้ภาษาที่ไม่แสดงความเคารพ อาจทำให้หลาย ๆ คนเข้าใจผิดได้ และก่อให้เกิดความไม่พอใจในที่สุด เพราะฉะนั้นควรอ่านสิ่งที่ตัวเองพิมพ์ให้รอบคอบก่อนส่งทุกครั้ง นอกจากนี้ เรื่องที่ละเอียดอ่อนควรคุยทางโทรศัพท์หรือการพูดคุยกันซึ่ง ๆ หน้าแทน เพราะช่วยให้อธิบายให้เข้าใจกันได้ดีกว่า   3.ยึดมั่นในกฎระเบียบมากเกินไป   ควรเรียนรู้จากคนอื่น รู้จักพลิกแพลง เสนอไอเดียใหม่ ๆ ลองทำอะไรที่แตกต่างบ้าง […]

หากพูดถึง แตงกวา เชื่อว่าคงเป็นหนึ่งในผักสุดโปรดของใครหลายๆคนเป็นแน่แท้ แตงกวา ถือเป็นไม้เลื้อยที่นิยมปลูกเพื่อใช้ผลเป็นอาหารมาช้านานแล้ว โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นนั้นมีความเชื่อว่า แตงกวา คืออาหารสุดโปรดของกัป ปะ หรือ คัปปะ ปิศาจในความเชื่อโบราณของญี่ปุ่น     โดยคนญี่ปุ่นเชื่อว่า ถ้าเขียนชื่อตัวเองลงไปในแตงกวา แล้วขว้างลงไปในแม่น้ำ เมื่อคัปปะมาเจอแตงกวานี้เข้าก็จะกินอย่างเอร็ดอร่อย และก็จดจำชื่อที่อยู่บนแตงกวาด้วย คราวหน้าบังเอิญต้องเจอะเจอเจ้าของชื่อ คัปปะก็จะไม่ทำอันตรายอะไรแก่คนผู้นั้น            นอกจากชาวญี่ปุ่นที่มีความเชื่อเกี่ยวกับแตงกวาแล้วนั้น คนไทยเองก็มีความเชื่อเกี่ยวกับแตงกวาเช่นเดียวกันค่ะ โดยคนไทยสมัยก่อนมีความเชื่อว่าถ้าแตงกวาขมแสดงว่าเคยมีงูเลื้อยผ่าน แล้วคุณล่ะเชื่อไหมว่ารสขมของแตงกวา นั้นเกิดจากการกระทำของ "งู" !!            ทว่าในปัจจุบันก็ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลที่ล้มล้างความเชื่อของคนโบราณที่ว่า แตงกวาขมเพราะงูเลื้อยผ่าน ไปแล้วค่ะ โดยข้อมูลนี้อ้างอิงจาก สวทช. ที่ได้อธิบายถึงสาเหตุที่แตงกวา หรือบวบมีรสขมในบางลูกนั้น เกิดจากสาร ควบคุมความขมในผักตระกูลแตงที่ชื่อว่า Cucurbitacin ซึ่งหากเมื่อใดก็ตามที่สารนี้มีคุณสมบัติเป็นยีนเด่นแตงกวาลูกนั้นก็จะมีรสขม และในทางกลับกันหากเป็นยีนด้อยแตงกวาลูกนั้นก็จะไม่มีรสขม นอกจากนี้ยังมีเอนไซม์ที่ชื่อ ว่า Elaterase อีกตัวที่กำหนดระดับความขมของแตงกวา โดยตัวมันเองมีหน้าที่ดึงน้ำออกจากสาร […]

ย้อนอดีต 100 ปี กรุงเทพฯ คลิปนี้ย้อนอดีตกลับไปเมื่อ 100 ปีก่อนกับกรุงเทพมหานครของเรา   ที่มา youtube.com  

การสร้างสะพานแขวนยาวที่สุดในโลก คลิปนี้เป็นคลิปสารคดีจาก National Geographic แสดงถึงวิธีการสร้างสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในโลก จะมีวิธีการปฎิบัติงานอย่างไรและใช้ระยะเวลานานแค่ไหนเชิญชมกันเลยครับ   ที่มา youtube.com  

ความทุกข์ในอดีตก็เหมือน ทาก "ความหลังก็คงไม่ต่างอะไรกับทากตัวน้อยๆ หมายความว่า ทากมันจะเกาะและกัดใครคนใดคนหนึ่งอย่างยาวนานก็ต่อเมื่อคนๆนั้น -ยัง- "ไม่รู้สึกตัว" ต่อเมื่อรู้สึกตัวนั่นแหละ วันเวลาของทากตัวนั้นก็ย่อมจะหมดลง" "คนที่ยังปล่อยให้อดีตอันปวดปร่ามาทำร้ายชีวิตในปัจจุบันขณะนั้นได้ ก็คือคนที่ "ยังไม่รู้สึกตัว" เท่านั้น สำหรับคนที่ "รู้สึกตัว" อยู่เสมอ ไม่มีทางหรือเป็นไปไม่ได้เลยที่คมมีดแห่งอดีตจะกรีดใจให้เจ็บปวด" ว. วชิรเมธี กล่าว

เรื่องจริงของอาหารทะเล  ที่คุณไม่อยากอ่าน ! ผมไม่เห็นรถส่งน้ำแข็งที่สะพานปลามานานมากแล้วครับ เห็นแต่แรงงานเพื่อนบ้านหิ้วถังน้ำยาลงเรือแทน ข้างถังเขียนว่า.. “PARAFORMALDEHYDE” โดย : สมศักดิ์ เพ็ชรศิริ ฟอร์มาลีน หรือ ฟอร์มัลดีไฮด์ ทั้งสองตัวนี้ในทางเคมีคือสารตัวเดียวกัน เพียงแต่ว่าเมื่ออยู่ในรูปของสารละลายจะเรียกว่า “ฟอร์มาลีน” ซึ่งเป็นชื่อที่เราคุ้น ๆ กันดีก็คือน้ำยาดองศพ ส่วน “ฟอร์มัลดีไฮด์” มีสถานะเป็นก๊าซที่อุณหะภูมิปกติ มีกลิ่นฉุนแสบจมูก ส่วนมากที่จำหน่ายกันอยู่ทั่วไปอยู่ในรูปของสารละลายน้ำภายใต้ชื่อน้ำยาฟอร์มาลีน โดยปกติสารละลายนี้จะไม่เสถียรเมื่อเก็บไว้นานโดยเฉพาะที่อุณหภูมิสูง จึงมีการเติมสารยับยั้งหรือที่เรียกว่าสารที่ทำหน้าที่เป็นตัวสเตบิไลเซอร์ เช่นเมทานอล 5-15% หรือมีขายในรูปของ.. “พาราฟอร์มัลดีไฮด์ ”   [ads]   ลองฟังเสียงสนทนาในเรือ(ออกสำเนียงพม่าด้วยก็ได้).. “เถ้าแก่ สูตรนี้ดีครับ ไม่เหม็นแสบจมูก” เวลาพวกเราไปซื้ออาหารทะเลในตลาด ไม่ต้องยกขึ้นมาดม ไม่ได้กลิ่นหรอกครับ อายแม่ค้าเขาด้วย หลังแช่มาอย่างชุ่มโชกเขาเรียกว่าดองน้ำยา แม่ค้าก็ใส่ถุงมือล้างน้ำเปล่าสัก 2-3 รอบ แล้วเอามาขึ้นแผงขายพวกเรา แม่ผมมีตลาดสดอยู่ที่พัทยา..อาหารทะเล พืชผักต่างๆ แม่ค้ายังไม่กล้ากินของที่ตัวเองเอามาขาย หากอยากกินหรือนำไปฝากญาติพี่น้อง ก็เตรียมไว้เป็นกรณีพิเศษ ในเรือประมงก็แช่ แม่ค้าในตลาดก็แช่ […]

  ชาวเน็ตแชร์!! ภาพสุนัขเเสนรู้หายาก มีสัมมาคาราวะ “ไหว้พระ” ได้เหมือนคน!   สมาชิกเฟซบุ๊กที่มีชื่อว่า “พระนพดล สิริวํโส” ได้โพสต์ภาพพร้อมระบุว่า “แสวงหาคุณของลูกศิษย์ พระพุทธเจ้า ดีกว่าแสวงหา โทษ ของลูกศิษย์ พระพุทธเจ้า” ซึ่งเป็นภาพที่สุนัขตัวหนึ่ง ยกขาหน้าทั้งสองข้างมาประกบกัน เหมือนกับว่ากำลังพนมมือไหว้พระสงฆ์ที่ยืนอยู่ตรงหน้า สร้างความประทับใจแก่ชาวเน็ตที่ได้พบเห็นเป็นอย่างมาก ว่าช่างเป็นสุนัขเเสนรู้ รู้จักทำความดีและมีสัมมาคาระ   ด้านชาวเน็ตที่ชมภาพดังกล่าว ต่างเเสดงความความคิดเห็นไปต่างๆนานา อาทิ คุณ Rangsun Srisuk ที่ได้เเสดงความคิดเห็นว่า เชื่อว่าสัตว์ที่ทำคุณงาม ความดีพวกนี้แหละครับ ชาติหน้าอาจได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ส่วนมนุษย์ที่ทำแต่ความเลว ชอบเบียดเบียนผู้อื่น สะสมแต่ความเลว ไม่รู้จักบาป บุญ คุณ โทษ ชาติหน้าก็คงจะได้ไปเกิดเป็นสัตว์ทดแทนกันไป ประมาณนั้นอะนะ เพราะเคยเห็น หลวงพ่อ หลวงปู่ ที่ปฏิบัติเก่งๆ ท่านมักจะเตือนเสมอว่า กว่าจะมาเกิดเป็นมนุษย์นั้นยากมาก” หรือคุณเสฏฐวุฒิ พิมพ์ทรัพย์ ที่ได้เเสดงความคิดเห็นไว้ว่า “เป็นภาพที่ทำให้คนเห็นแล้วยิ้มได้”           ข่าวโดย : TnewsOnlin

หลายคนอาจจะรู้จัก Adolf Hitler ในมาดของผู้สำนาซีอันแสนโหดเหี้ยม ที่สั่งฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว แต่วันนี้เราจะไม่พูดถึงเรื่องนั้น เพราะเกรงว่าจะเครียดไป มาดูเรื่องเบาๆกันดีกว่า เกี่ยวกับประวัติของเขาในอีกแง่มุมหนึ่ง ไปทำความรู้จักกับเขากันเลย   ฮิตเลอร์เคยถูกช่วยชีวิตจากการจมน้ำตอนอายุ 4 ขวบ     รักแรกของเขาคือผู้หญิงชาวยิวที่ชื่อว่า Stefanie Isak     ฮิตเลอร์ถูกนายทหารชาวอังกฤษที่ชื่อ Henry Tandey ละเว้นชีวิต เนื่องจากฮิตเลอร์บาดเจ็บและไม่มีอาวุธ ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 1     ฮิตเลอร์มีอัณฑะข้างเดียว       หลานชายของฮิตเลอร์ William Patrick Hitler หนีจากเยอรมันและขอเข้าร่วมกองทัพเรือของอเมริกา       Henry Ford ผู้คิดค้นรถ Ford คือแรงบัลดาลใจของฮิตเลอร์กับการกระทำที่ฮิตเลอร์ทำต่อพวกยิว     นายแพทย์ Eduard Bloch ลดค่าใช้ค่าใช้จ่ายในการรักษาให้ฮิตเลอร์ เนื่องจากเศรษฐกิจตกต่ำมาก บางครั้งก็รักษาให้ฟรีเลย […]

เตือนคนรุ่นใหม่เลิกใช้ชีวิตไร้ค่า หยุดเสียเวลากับ สมาร์ทโฟน โป๊ปฟรานซิสกล่าว   จริงอยู่ใช่ว่าสมาร์ทโฟนมีข้อดี ย่อโลกเกือบทั้งใบให้มาอยู่ในมือเรา มีสาระมากมายอยู่ในนั้นให้เราได้ค้นหา แต่จะมีสิ่งใดเล่าในโลกนี้ที่จะมีแต่ข้อดี หากเรามัวแต่ใช้สมาร์ทโฟนกันเกือบทุกเวลาไม่ว่าจะเป้นเวลาทานอาหารเข้าห้องน้ำปลดทุกข์ หรือในทุกๆกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เรามาลองนับเวลากันดูดีดีว่าเวลาที่เราใช้กับสมาร์ทโฟนต่อวันเป้นเป็นเท่าไหร่ ซึ่งเราเอาเวลานั้นไปทำอย่างอื่นอาจจะสร้างสรรค์และได้ประโยชน์มากกว่าอีกหลายเท่า โป๊ปฟรานซิสไม่ได้กล่าว พี่เบ้นซี่กล่าวเอง ท่อนหลังนี่อ่ะ 55+  

วิทยาศาสตร์จากห้องวิจัยปฏิบัติการ “Bristol Robotics Laboratory” ได้คิดค้นระบบเซลล์เชื้อเพลิงจุลินทรีย์ ที่สามารถชาร์จโทรศัพท์มือถือได้ครั้งแรกของโลก        ย้อนกลับไปสามปีที่แล้ว ห้องปฏิบัติการนี้ได้คิดค้นวิธีการเก็บเกี่ยวพลังงานจากปัสสาวะได้เป็นที่แห่งแรก จนการวิจัยได้ก้าวกระโดด จากการคิดค้นพลังงานเชื้อเพลิงจุลินทรีย์เพื่อเป็นแหล่งพลังงานสำหรับเทคโนโลยีได้    ถึงแม้ว่าความคิดในการเก็บเกี่ยวพลังงานจากปัสสาวะนี้นั้นมีในวงกว้าง แต่ก็ยังคงต้องขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของพลังงานตามธรรมชาติ แต่การค้นพบดังกล่าวไม่ต้องอาศัยเงื่อนไขใดๆ เพิ่ม โดยผลการวิจัยนั้นสามารถใช้เชื่อเพลิงจุลินทรีย์ (microbial fuel cells -MFCs) ที่ได้จากปัสสาวะ มาผลิตไฟฟ้าที่ถึงแม้จะให้พลังงานที่ต่ำ แต่ก็เพียงพอสำหรับการชาร์จโทรศัพท์มือถือที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก ซึ่งนักวิจัยก็ยังคงพัฒนาโครงการต่อไป และหวังว่าในอนาคตของเสียจากห้องน้ำที่บ้าน จะสามารถนำมาแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้ากลับมาใช้ในบ้านได้      ที่มา energysavingmedia.com