สาระน่ารู้

Advertisement อินเดียจะสร้างสะพานรถไฟสูง359ม.ทำลายสถิติจีน-ใช้งบกว่า3พันล้านคาดเสร็จปี2558 Advertisement สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า วิศวกรของอินเดียอยู่ระหว่างการสร้างสะพานรางรถไฟซึ่งจะมีความสูงกว่าหอไอเฟลของฝรั่งเศส 35 เมตรและคาดว่าจะเสร็จในปี 2558 โดยสะพานรางรถไฟนี้จะสร้างขึ้นเหนือแม่น้ำเจนาบ เพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ที่ภูมิประเทศเต็มไปด้วยภูเขาในรัฐชัมมูและแคชเมียร์ทางตอนเหนือของอินเดีย คาดว่าสะพานนี้จะมีความสูง 359 เมตรเมื่อสร้างเสร็จ ทำลายสถิติเดิมของสะพานรางรถไฟข้ามแม่น้ำเป้ยผ่านเจียง ในมณฑลกุ้ยโจวของจีน ซึ่งสูงที่สุดของโลกในปัจจุบัน ที่ 275 เมตร Advertisement ทั้งนี้ โครงการสร้างสะพานดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 2545 ทว่ามีความกังวลในเรื่องความปลอดภัยและความเป็นไปได้ในการสร้าง รวมถึงเรื่องที่พื้นที่ดังกล่าวมีลมพัดแรง ทำให้โครงการต้องหยุดชะงักไปเมื่อปี 2551 ก่อนที่จะได้รับไฟเขียวให้กลับมาเดินหน้าต่อในอีก 2 ปีต่อมา คาดว่างบประมาณในการสร้างสะพานรางรถไฟนี้อยู่ที่ 92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,960 ล้านบาท)    ข้อมูล : มติชนออนไลน์ 11 กรกฎาคม 2557 ค้นหา ความรู้ทั่วโลก เพิ่มเติม ที่ > EDUZONES KNOWLEDGE สาระน่ารู้ ความรู้รอบตัวทั่วโลก  เรื่องก่อนหน้า : ญี่ปุ่นจัดนิทรรศการส้วม […]

ยูเอ็นเผยโตเกียวยังครองความเป็นมหานครที่มีประชาชนอาศัยอยู่มากที่สุดในโลก สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ว่า รายงานขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เกี่ยวกับข้อมูลด้านประชากรโลกประจำปีล่าสุด เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี ระบุว่า กว่าครึ่งของประชากรทั่วโลก 7,000 ล้านคนในปัจจุบัน อาศัยอยู่ในเขตเมือง ขณะที่จำนวนเมืองใหญ่ระดับ "มหานคร" หรือเมืองที่มีประชาชนอาศัยอยู่เกิน 10 ล้านคนขึ้นไป ได้เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าจากปี พ.ศ. 2533 เป็น 28 เมือง โดยกรุงโตเกียว เมืองหลวงญี่ปุ่น ยังครองความเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในโลก ด้วยจำนวน 38 ล้านคน รายงานคาดการณ์ว่า จากแนวโน้มการเพิ่มของประชากรโลก บวกกับการขยายตัวของชุมชนเมือง ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะในทวีปแอฟริกา จำนวนประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองต่างๆ ทั่วโลก จะเพิ่มขึ้นอีก 2,500 ล้านคน เป็นกว่า 6,000 ล้านคน ภายในปี พ.ศ. 2588 อินเดีย จีน และไนจีเรีย 3 […]

ชิมแปนซีสื่อสารด้วย 66 ท่า 19 ความหมาย เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา เผยแพร่ผลงานวิจัยที่ค้นพบว่า ชิมแปนซี อาศัยท่าทางในการสื่อสารระหว่างกลุ่มของตนเอง หรือติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ ต่อมาเมื่อไม่นานมานี้ ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเซนต์ แอนดรูวส์ ในสก็อตแลนด์ สหราชอาณาจักร อาศัยการสังเกตุฝูงลิงชิมแปนซีป่ามากกว่า 80 ตัวในอูกันดา พบว่า ท่าทางที่ลิงพวกนี้ใช้ในการสื่อสารซึ่งกันและกันนั้นมี 66 ท่าทาง และทีมวิจัยสามารถถอดรหัสท่าทางเหล่านั้นได้ทั้งหมดเป็นครั้งแรกอีกด้วย ท่าทางดังกล่าวซึ่งลิงในฝูงใช้ซ้ำๆกัน เพื่อแสดงความหมาย มีตั้งแต่การยกมือและแขนขึ้น การใช้มือตบพื้น เรื่อยไปจนถึงการกระทืบเท้าลงกับพื้นซ้ำๆ ท่าทางทั้งหมดนั้นใช้เพื่อการสื่อสารที่มีความหมายเพียง 19 ความหมายเท่านั้น ตัวอย่างเช่น ถ้าหากลิงชิมแปนซีตัวหนึ่งใช้มือแตะอีกตัวหนึ่ง จะมีความหมายว่าให้ลิงตัวนั้น "หยุดทำอย่างนั้นซะ" ส่วนการใช้มือเขี่ยหรือปัดวัตถุอย่างหนึ่งอย่างใด เป็นการสื่อความหมายว่าให้เอาออกไป ในขณะที่การยกแขนข้างหนึ่งข้างใดขึ้นมา สื่อความหมายว่า "ฉันต้องการมัน" หรือ "เอามันมาให้ฉัน" เป็นต้น ข้อมูล : มติชนออนไลน์10 กรกฎาคม 2557 ค้นหา ความรู้ทั่วโลก เพิ่มเติม ที่ > […]

เมืองคาซูกะรณรงค์ห้ามวัยรุ่นใช้สมาร์ทโฟนสี่ทุ่มถึงหกโมงเช้า ผู้บริหารด้านการศึกษาของเมืองออกแคมเปญรณรงค์ห้ามใช้สมาร์ทโฟนระหว่างเวลา 22.00- 06.00 น. คณะกรรมการบริหารด้านการศึกษาของเมืองคาซูกะออกมาระบุเห็นควรว่า นักเรียนมัธยมต้นอายุระหว่าง 13 – 15 ปี ควรจะหยุดใช้โทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตระหว่างเวลา 22.00- 06.00 น.  เนื่องจากรัฐบาลญี่ปุ่นมีความกังวลว่ากลุ่มเด็กวัยนี้จะเสพติดการใช้อินเตอร์เน็ตมากเกินจำเป็น พร้อมกำชับให้ทางผู้ปกครองคอยสอดส่องดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งข้อห้ามดังกล่าวได้ประชุมและได้รับความเห็นชอบกับผู้ปกครองนักเรียนเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามข้อกำหนดดังกล่าวไม่มีบทลงโทษหากไม่เชื่อฟัง ทั้งนี้การสำรวจตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมของปี 2556 พบว่า มากกว่าครึ่งของนักเรียนที่มีอายุตั้งแต่ 13-15 ปี มีโทรศัพท์เป็นของตัวเอง และราว 52 เปอร์เซ็นต์ ใช้สมาร์ทโฟนที่ต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นยอดที่พุ่งสูงขึ้น โดยก่อนนี้รัฐบาลญี่ปุ่นได้รับเสียงเตือนจากหลายฝ่ายที่แสดงความเป็นห่วงการที่เด็กๆจำนวนมากใช้อินเตอร์เน็ตกันอย่างหนักกระทั่งมีความห่วงใยถึงการใช้อินเตอร์เน็ตในการกลั่นแกล้งกัน อีกทั้งยังเป็นภัยต่อการเสี่ยงที่ข้อมูลส่วนตัวอาจรั่วไหลจากการใช้เว็บไซต์ต่างๆ กรณีที่คณะกรรมการบริหารการศึกษาของเมืองคาซูกะ ออกแนวทางห้ามเด็กใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนช่วงกลางคืนนั้น เกิดขึ้นหลังจากมีการหารือกันระหว่างสมาคมครู-ผู้ปกครองที่ห่วงการใช้สมาร์ทโฟนในวัยรุ่น โดยโปสเตอร์รณรงค์นี้ถูกส่งไปยังโรงเรียนมัธยมต้น 6 แห่งในเมืองที่ขอให้โรงเรียนต่างๆในเมืองให้ความร่วมมือแบนการใช้สมาร์ทโฟนในช่วงเวลาดังกล่าว เรียบเรียงโดย EDUZONES KNOWLEDGE ข้อมูล : แนวหน้า, ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 8 ก.ค. 2557 photo : www.fukushima-koko-jyuken.com (not related to […]

แพทย์เตือนขาร็อคโยกหัวระวังเลือดคั่งในสมอง ! มีการเตือนจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศเยอรมนีว่า การโยกหัวในงานคอนเสิรต์เพลงร็อคมากเกินไปนั้น อาจส่งผลให้เกิดอาการเลือดคั่งในสมองโดยไม่รู้ตัว และได้มีกรณีตัวอย่างเกิดขึ้นแล้วกับชายวัย 50 ปีชาวเยอรมนี ซึ่งไปร่วมงานคอนเสิรต์ของวง “มอเตอร์เฮด” วงร็อคชื่อดังจากประเทศอังกฤษ แล้วระหว่างที่มีการแสดงอยู่นั้นเขาก็ได้โยกศรีษะตามจังหวะเพลงด้วยความเมามันส์ และรุนแรง แต่ในอีก 2 สัปดาห์ต่อมา สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นเมื่อชายคนดังกล่าวต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในเมืองฮันโนเวอร์อย่างเร่งด่วน เพราะเขามีอาการปวดศรีษะอย่างรุนแรง ซึ่งผลการสแกนสมอง หรือ การทำ CT สแกนพบว่าชายผู้นี้มีอาการเลือดคลั่งในส่วนระหว่างกะโหลก และสมองทางด้านขวา ส่งผลให้เจ้าตัวต้องเข้ารับการผ่าตัดเอาลิ่มเลือดก้อนนั้นออกมา โดยสุดท้ายแล้วเขาก็ได้รับช่วยเหลืออย่างทันเวลา และกำลังพักฟื้นอาการอยู่ในขณะนี้ตามรายงานเมื่อช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา [ads=center] ชายคนนี้คือคนไข้รายที่ 4 แล้วที่มีอาการเลือดคั่งในสมองเนื่องจากโยกศรีษะเพราะเมามันกับดนตรีมากเกินไป โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องอาการทางสมองอย่างด็อกเตอร์ อาริยัน อิสราเมียน ได้กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า เคยมีคนไข้ที่มีอาการเดียวกันกับชายชาวเยอรมันผู้นี้แล้วในปี 2556 ทั้ง ๆ ที่คนไข้คนดังกล่าวไม่เคยมีประวัติว่าเป็นโรคเกี่ยวกับสมองมาก่อน แพทย์บอกว่าการที่คนเราโยกศรีษะด้วยความเร็วมากเกินไป ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในหมู่แฟนเพลงร็อคประเภท “เฮฟวีย์ เมทัล” ที่มีจังหวะของดนตรีที่หนักหน่วง จะทำให้เลือดที่คอยหล่อเลี้ยงสมองเคลื่อนที่ไปข้างหน้าและกลับหลังอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เลือดเหล่านั้นจับตัวกันเป็นก้อน ซึ่งเป็นบ่อเกิดของอาการเลือดคั่งในสมองได้ชนิดคาดไม่ถึง นอกจากอาการเลือดคั่งในสมองแล้ว การโยกศรีษะมากเกินไปยังทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นผลเสียต่อร่างกายอื่น ๆ ตามมา ยกตัวอย่างเช่น เสี่ยงต่อการที่เส้นเลือดบริเวณคอฉีกขาด เกิดอาการเจ็บปวดที่กล้ามเนื้อบริเวณคอ […]

สหรัฐอเมริกายังครองแชมป์ "ประเทศผู้ผลิตน้ำมันได้มากที่สุดของโลก" ในปีนี้ได้เป็นปีที่สอง หลังจากแซงหน้าซาอุดิอาระเบีย และรัสเซียในปีที่แล้ว กลายเป็นชาติยักษ์ใหญ่ทั้งการผลิตน้ำมันและบริโภคน้ำมัน       โดยปีที่ผ่านมา สหรัฐสามารถสกัดน้ำมันจากหินดินดาน หรือ "หินน้ำมัน"  ได้อย่างมาก โดยเฉพาะการสกัดน้ำมันจากหินดินดาน กำลังจะกลายเป็นปัจจัยหลักที่จะช่วยส่งเสริมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐขณะเดียวกัน ในฐานะที่เป็นประเทศผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ของโลก สหรัฐก็ยังนำเข้าน้ำมันดิบราว 7.5 บาเรลต่อวัน ในช่วงเดือนมี.ค. ที่ผ่านมาด้วย   มีการประเมินกันว่า ยอดการผลิตน้ำมันของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 13.1 ล้านดอลลาร์ต่อบาเรล ในปี 2019 ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุว่า ปัจจุบันการสกัดน้ำมันจากหินดินดานของสหรัฐมีปริมาณมากว่าการผลิตน้ำมันของอิรัก และยังไม่ได้มีผลกระทบต่อราคาน้ำมันโลก ขณะเดียวกัน ประเมินว่า สถานการณ์รุนแรงยึดเมืองน้ำมันจากกลุ่มกบฎในอิรัก จะส่งผลกระทบต่อยอดส่งออกน้ำมันของกลุ่มโอเปค โดยอิรักถือเป็นประเทศน้ำมันยักษ์ใหญ่อันดับสองของกลุ่ม รองจากซาอุดิอาระเบีย รวมทั้งสถานการณ์รุนแรงในไนจีเรียด้วย ขณะที่ลิเบียคาดว่าจะกลับมาส่งออกน้ำมันได้ในเร็ว ๆ นี้หลังจากสามารถยึดคืนท่าเรือส่งน้ำมันสองแห่งทางภาคตะวันออกของประเทศคืนจากกลุ่มกบฎต่อต้านรัฐบาลลิเบียได้    ที่ผ่านมา สหรัฐได้ลงทุนการด้านการพัฒนาน้ำมันและแก๊สในประเมินเป็นมูลค่ามหาศาลกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นตัวเลข 20 เปอร์เซนต์ของงบประมาณใช้จ่ายด้านทรัพย์สินคงที่ของภาคธุรกิจเอกชนทั้งระบบของสหรัฐ และคาดว่า สหรัฐจะสามารถส่งออกน้ำมันดิบ 1 ล้าน และก๊าซธรรมชาติเหลวอีก […]

สำนักงานควบคุมความปลอดภัยด้านการขนส่งของสหรัฐฯ หรือ TSA ประกาศห้ามไม่ให้ผู้โดยสารนำเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต ที่ไม่มีพลังงานแบตเตอรีถือขึ้นเครื่องเข้าสหรัฐฯ        มาตรการใหม่ล่าสุดของ TSA นี้ มีขึ้นหลังมีคำเตือน ถึงเหตุโจมตีที่อาจเกิดจากก่อการร้ายอัลกออิดะห์จากเยเมน และกลุ่มอัล-นูซารา ฟรอนต์ (Al-Nusra Front) ในซีเรีย ที่มีความเป็นไปได้ที่จะแปลงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในชีวิตประจำวัน เช่น ไอแพด ให้เป็นระเบิด ถือขึ้นเครื่องเข้าสหรัฐฯ โดยผู้ก่อการร้ายจะถือพาสปอร์ตกลุ่มประเทศอียู ซึ่งมาตรการใหม่นี้ได้ถูกใช้กับสนามบินในอังกฤษแล้ว โดยผู้โดยสารขาเข้าสหรัฐฯ จากสนามบินในอังกฤษจะต้องถูกตรวจค้นทุกซอกทุกมุม และร้องขอให้ผู้โดยสารแต่ละคนเปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ในขณะที่ทางเจ้าหน้าที่เช็กรองเท้า และเสื้อผ้าของผู้โดยสารเพื่อหาระเบิดด้วย   จห์ จอห์นสัน (Jeh Johnson) รัฐมนตรีกระทรวงมาตุภูมิและความมั่นคงสหรัฐฯ เปิดเผยว่า มาตรการใหม่ที่ออกมานี้เพื่อต้องการเสริมความเข้มงวดด้านความปลอดภัยการเดินทางทางอากาศ แต่กระนั้นจอห์นสันก็ไม่เปิดเผยถึงรายละเอียดที่บริษัทสายการบินและสนามบิน ต่างชาติต้องปฎิบัติ โดยเขากล่าวเพียงว่า ทั้งมาตรการที่เปิดเผยสู่สาธารณะและมาตรการลับนั้นได้แจ้mงไปยังทุกภาคส่วน ที่เกี่ยวข้องให้รับทราบแล้ว   เขายังให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ MSNBC อีกว่า "หน้าที่ของเราคือ การป้องกันการโจมตีของอัลกออิดะห์ครั้งต่อไป ไม่ใช่แค่การล้อมคอกจากเหตุโจมตีล่าสุด และเรารู้ว่ายังมีการคุกคามจากองค์การก่อการร้ายที่เป็นภัยต่อสหรัฐฯ และมีความเป็นไปได้มากที่สุดต่อการเดินทางอากาศ […]