หลั่งน้ำตาดีใจนักข่าวเยี่ยมบ้าน นร.ม.5สุดรันทดหาเลี้ยงตัวลำพัง พ่อแม่ตาย-พี่น้องหนีหาย

Advertisement 20 ธ.ค.59 ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ข่าวสดได้รับแจ้งจากนายชยันต์ ธานะราช ส.จ.สกลนครเขตอำเภอบ้านม่วง ว่า มีนักเรียนชายโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในตำบลดงเหนือ อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร ร้องขอความช่วยเหลือ เนื่องจากเป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่เสียชีวิตหมดแล้ว ใช้ชีวิตลำพัง ต้องการเรียนหนังสือ ทุกวันนี้รับจ้างทำงานทุกอย่างที่มีคนจ้างและกรีดยางให้ชาวบ้าน พอเป็นค่าใช้จ่ายแต่ละวัน จึงพร้อมผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 82 หมู่ 9 บ้านคำปลาฝา ต.ดงเหนือ อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร ซึ่งเป็นหมู่บ้านติดเขตแดนกับอำเภอโซ่พิสัย จ.บึงกาฬ อยู่ห่างจากตัวจังหวัดสกลนครราว 130 ก.ม. Advertisement ที่บ้านดังกล่าว พบกับนายชัชวาล หรือ แหล่ เหล่าบุรม อายุ 16 ปี ใช้ชีวิตลำพังคนเดียว โดยเมื่อทราบว่าเป็นผู้สื่อข่าวมาพบ ก็ถึงกับหลั่งน้ำตา เล่าว่า ชีวิตลำบาก เพราะอยู่คนเดียว แต่ก่อนก็ยังพอทน มีพี่น้องรวมกันทั้งหมด 3 คน พี่สาวและน้องสาว ตนเป็นคนกลาง พ่อแม่ทำนา ฐานะยากจน แม่ตายตั้งแต่ตนอยู่ชั้น […]

ธอส.ระดมบ้านราคาต่ำกว่าหลังละล้าน ปล่อยสินเชื่อให้ผู้มีรายได้น้อยปีหน้า4,000ยูนิต

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานของธนาคารปี 2560 จะเน้นดำเนินตามนโยบายของรัฐบาลให้ผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยให้มากที่สุด โดยธนาคารได้ร่วมมือกับผู้ประกอบการที่มีบ้านปลูกเสร็จพร้อมอยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ที่ในเขตเมืองและปริมณฑลจำนวน 4,000 ยูนิต มาขายให้กับผู้มีรายได้น้อย โดยธนาคารจะปล่อยสินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรนทั้งดอกเบี้ยต่ำ ผ่อนน้อยในระยะยาวให้กับผู้ซื้อบ้าน ซึ่งจะเป็นการช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้มีรายได้น้อยให้ดีขึ้น นอกจากนี้ ในปีหน้าธนาคารยังมีแผนออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อสำหรับผู้มีรายได้อีกต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการมีบ้านเพื่ออยู่อาศัยให้มากที่สุด สำหรับสินเชื่อบ้านทั่วไปก็จะดูแลดอกเบี้ยผู้กู้ไม่สูงเพื่อลดภาระในการผ่อนชำระให้มากที่สุด สำหรับปี 2560 ธนาคารตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 1.8 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่คาดว่าจะปล่อยสินเชื่อได้ 1.7 แสนล้านบาท เป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้น 5-6% หรือ 1 หมื่นบาท โดยคาดว่าจะทำกำไรได้ในระดับเดียวกับปีนี้ที่ 9,500 ล้านบาท "ธนาคารไม่ได้มีเป้าหมายทำกำไรสูงสุด การทำกำไรของธนาคารให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่คลังกำหนด ซึ่งมีผลกับค่าคอบแทนพิเศษให้กับพนักงาน หากเกินกว่าที่กำหนด ธนาคารก็จะนำไปลดดอกเบี้ยให้กับลูกค้าตามนโยบาย" นายฉัตรชัยกล่าว ข่าวจาก : Posttoday

ผู้ว่าฯกทม.เตรียมพิจารณางบ1,600ล้าน มอบโบนัสข้าราชการ-บุคลากรกว่า9หมื่นคน

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กำลังพิจารณามอบเงินโบนัสประจำปี 2559 ให้ข้าราชการและบุคลากรกว่า 90,000 คน ตั้งงบประมานไว้ 1,600 ล้าน สั่งหน่วยงานรวมงบที่เหลือในปี 2559 มาสมทบ วันที่ 7 ธันวาคม 2559 พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แจ้งข่าวว่า กำลังพิจารณาเงินรางวัลประจำปีให้กับข้าราชการ ครู และบุคลากร รวม 90,000 คน ในอัตรา 1 เท่าของเงินเดือน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ซึ่งทาง กทม. ต้องจัดสรรงบประมาณอยู่ที่จำนวน 1,600 ล้านบาท  ทั้งนี้ได้มอบหมายให้ผู้บริหารฝ่ายข้าราชการประจำ หางบประมาณ มาจ่ายโบนัสให้กับข้าราชและบุคลากรให้ได้ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร จะทำหน้าที่รวบรวมคะแนนและจัดลำดับการให้เงินรางวัลของหน่วยงานต่าง ๆ โดยแต่ละหน่วยงานที่รับผิดชอบจะเป็นผู้ประเมินตามเกณฑ์ชี้วัดบุคลากรภายใน  รายงานระบุว่า การได้รับเงินรางวัลสำหรับบุคลากรที่เข้าข่าย จะมีการจ่ายตามผลประเมินระดับบุคคลใน 2 ระดับ ได้แก่ 0.5 เท่า และ 0.4 เท่าตามลำดับ โดยหน่วยงานที่มีคะแนนมากกว่าหรือเท่ากับ 4.771 จะได้โบนัส […]

สปส.ยืนยันปีหน้าขยายเพดานเก็บเงินสมทบประกันสังคม จากเงินเดือน15,000 เป็น20,000

เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เผยเตรียมขยายเพดานจัดเก็บเงินสมทบจาก 15,000 บาท เป็น 2 หมื่นบาท ชัดเจนกลางปีหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ-ความเป็นอยู่ ยันส่งผลดีมากกว่าในเรื่องสิทธิประโยชน์ 9 ธ.ค.59 นายสุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เปิดเผยว่า การปรับฐานเพดานการคำนวณเงินสมทบใหม่ในอัตราร้อยละ 5 ของฐานเงินเดือน จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนช่วงกลางปี 2560 โดยจะขยายเพดานจัดเก็บเงินสมทบเป็น 20,000 บาท จากเดิมที่เก็บ 15,000 บาท เพื่อเสถียรภาพของกองทุน สอดรับกับสภาพเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของผู้ใช้แรงงาน และจากนั้นอีก 4-5 ปีจะมาทบทวนใหม่ว่ายังเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจหรือไม่ นายสุรเดช ยันยันว่า การปรับฐานครั้งนี้จะส่งผลดีกับผู้ประกันตนที่อยู่ในระบบประกันสังคมที่มีฐานเงินเดือนสูงกว่า 15,000 บาท เนื่องจากจะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น อาทิ สิทธิประโยชน์จากการว่างงาน ซึ่งปัจจุบันหากถูกเลิกจ้างจะได้ในอัตราร้อยละ 50 ของ 15,000 บาท คือ 7,500 บาท เมื่อปรับเป็น 2 หมื่นบาท จะได้เงินว่างงานเพิ่มขึ้น 1 หมื่นบาท นอกจากนี้ยังพบว่า ปัจจุบันมีผู้ประกันตนที่มีเงินเดือน […]

ธ.ก.ส.เริ่มโอนเงินให้ผู้มีรายได้น้อยตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่9ธ.ค. คาดครบ 3ล้านรายวันที่ 12ธ.ค.

นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ได้รับข้อมูลผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติจากกระทรวงการคลังแล้วในวันที่ 9 ธ.ค. จำนวน 3.8 ล้านราย ซึ่งจะสามารถโอนเงินเข้าบัญชีผู้มีรายได้น้อยที่เข้าร่วมโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐกับ ธ.ก.ส. ได้ทั้งสิ้น 3 ล้านราย ภายในวันจันทร์ที่ 12 ธ.ค. 2559 เนื่องจากผู้ลงทะเบียนกลุ่มนี้คุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของรัฐบาลและมีบัญชีเงินฝากที่ ธ.ก.ส. จึงสามารถโอนเงินเข้าบัญชีได้ทันที โดยระบบจะทยอยประมวลผลการโอนเงินตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของคืนนี้ ผู้ที่ได้รับสิทธิ์สามารถเบิกเงินได้ในวันรุ่งขึ้น ส่วนผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการตรวจสอบแล้วและยังไม่มีสมุดบัญชีเงินฝากอีก 8 แสนราย ขอให้มาติดต่อเปิดบัญชีได้ที่ ธ.ก.ส. สาขาที่ท่านลงทะเบียนไว้เพื่อธนาคารจะได้โอนเงินช่วยเหลือตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาลต่อไป ข่าวจาก : khaosod.co.th ภาพจาก : vigotech.co.th

ครม.ไฟเขียว บุตรหลานต่างด้าวเกิดไทยเกิน15ปี-จบป.ตรี ขอสัญชาติได้!

ปลัดมหาดไทย แจ้งเวียนหน่วยงานในสังกัดเตรียมความพร้อมดำเนินการ หลัง ครม.ไฟเขียว บุตรหลาน คนต่างด้าว กลุ่มชาติพันธุ์ ชนกลุ่มน้อย ยื่นขอสัญชาติไทยได้ หากอยู่อาศัยมาแล้วไม่น้อยกว่า 15 ปี – เรียนจบชั้นปริญญาตรี แหล่งข่าวจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ในช่วงเย็นวันที่ 7 ธ.ค.2559 ที่ผ่านมา นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้แจ้งเวียนมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลของเด็กนักเรียนนักศึกษาและบุคคลไร้สัญชาติที่เกิดในราชอาณาจักรไทย ให้ทุกส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทยได้รับทราบและเตรียมความพร้อมในการดำเนินงาน โดยระบุว่า ที่ประชุม ครม. ได้มีมติเห็นชอบให้สัญชาติไทยแก่คนที่เกิดในประเทศไทย 2 กลุ่ม คือบุตรหลานของคนต่างด้าวกลุ่มชาติพันธุ์หรือชนกลุ่มน้อยที่ได้จัดทำทะเบียนประวัติไว้และได้อยู่อาศัยในประเทศไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า15ปี และบุตรหลานของคนต่างด้าวอื่นๆ ที่เรียนจบชั้นปริญญาตรีแล้วสามารถยื่นคำร้องขอมีสัญชาติไทยได้ด้วย  นอกจากนี้ ที่ประชุมครม. ยังมีมติอนุมัติหลักการให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามหลักสิทธิมนุษยชนสามารถออกกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัติสัญชาติ ซึ่งตามหลักกฎหมายควรออกกฎกระทรวงตั้งแต่ปี 2551 แต่ก็ไม่มีการดำเนินการให้ถูกต้อง โดยให้สิทธิบุตรหลานของคนต่างด้าวทั้งหลายไม่ว่าจะเข้าเมืองไทยมาอย่างไร ทั้งมีหนังสือเดินทาง และไม่มีหนังสือเดินทาง สามารถอาศัยอยู่ในประเทศไทยโดยไม่ผิดกฎหมายคนเข้าเมืองตราบเท่าที่พ่อและหรือแม่ยังอาศัยอยู่ในประเทศไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมครม.เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.2559 ที่ประชุม ครม. ได้อนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอ ในการแก้ไขปัญหาเรื่องสัญชาติและสถานะบุคคลของเด็กนักเรียนนักศึกษาและบุคคลไร้สัญชาติที่เกิดในราชอาณาจักรไทยดังนี้ 1. อนุมัติให้บุตรของชนกลุ่มน้อยหรือกลุ่มชาติพันธุ์ที่เกิดในราชอาณาจักรไทยและมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ ได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไป คือ  1.1 บิดาหรือมารดาที่เป็นชนกลุ่มน้อยหรือกลุ่มชาติพันธุ์จะต้องได้รับการจัดทำทะเบียนประวัติ มีเลขประจำตัว […]

รัฐบาลยังให้5 ธ.ค.เป็น”วันพ่อแห่งชาติ”ต่อไป เตรียมเสนอ13ต.ค.เป็นวันสำคัญของชาติ

“รัฐบาล”ถก“วันสำคัญของชาติ ปี60”ก่อนทูลเกล้าฯ แล้วชงครม.พิจารณาประกาศเป็นทางการ เผยข้อสรุปเบื้องต้น“ 5 ธันวาฯ”ยังคงเป็น“วันพ่อแห่งชาติ”ต่อไป 8 ธ.ค. 59 แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมเป็นการภายใน โดยมีผู้เข้าร่วมได้แก่ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตัวแทนจากสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ตัวแทนจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ตัวแทนจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเตรียมการเรื่องวันสำคัญที่จะกำหนดให้เป็นวันหยุดในปี 2560 ตามที่หลายหน่วยงานสอบถามนั้น เบื้องต้นที่ประชุมได้ข้อสรุปว่า วันสำคัญของชาติในปีหน้า ได้แก่ วันที่ 5ธันวาคม ซึ่งรัฐบาลมีความประสงค์ให้เป็น “วันพ่อแห่งชาติ” ต่อไป ส่วนวันที่ 28 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร จะมีการจัดงานพระราชพิธีขึ้น และในวันที่ 13 ตุลาคมนั้น รัฐบาลก็ถือว่าเป็นอีกวันสำคัญของชาติ แต่ที่ประชุมยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเรียกวันดังกล่าวให้มีเกิดความมเหมาะสมที่สุด หรือมีแนวทางปฏิบัติอย่างไร อีกทั้งที่ประชุมยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะกำหนดให้ทั้ง 3 วันสำคัญดังกล่าว เป็นวันหยุดด้วยหรือไม่ เนื่องจากยังมีขั้นตอนหลังจากนี้ คือ นายวิษณุ […]

ครม. อนุมัติ โครงการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ครอบคลุม 24,700 หมู่บ้านทั่วประเทศ

เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) รับทราบและเห็นชอบตามที่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดท.) เสนอ ดังนี้ 1. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในการประชุม ครั้งที่ 2/2559 เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2559 ซึ่งเห็นชอบในหลักการต่อ (ร่าง) แผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนารายยุทธศาสตร์ของแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2560-2564) และผลการดำเนินการ รวมทั้งปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ 2.เห็นชอบแนวทางการดำเนินโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยมอบหมายให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจซึ่งเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญด้านโครงข่ายโทรคมนาคมเป็นผู้ดำเนินการ ในลักษณะการเบิกจ่ายงบประมาณแทนกัน ตามที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ทั้งนี้ ทรัพย์สินที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการของหน่วยงานที่รับผิดชอบจากการเบิกจ่ายเงินงบประมาณแทนกัน ให้ ดท. ขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลัง (กค.) 3.มอบหมายให้ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการกิจกรรมการขยายโครงข่าย อินเทอร์เน็ทความเร็วสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการกิจกรรมการเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ สู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Digital Hub) […]

“ยอมรับว่าจน ไม่อายสายตาคนอื่น ขอแค่ลูกไม่ดูถูกพ่อก็พอ”ความในใจพ่อยาจกปั่นรถส่งเรียน

หากเลือกเกิดได้ 1 ในสิ่งที่หลายคนอยากขอพรแต่แรกเกิดคงหนีไม่พ้นการขอให้เกิดมาแล้วมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย แต่เพราะเราเลือกเกิดไม่ได้นี่สิ เราถึงต้องดิ้นรนกันไปตามชะตาชีวิต โดยเฉพาะคนยากจนที่ต้องอดทนสู้สร้างฐานะตนเองไม่พอ ยังต้องต่อสู้กับสายตาคนอื่นที่ดูถูกเหยียดหยามไปด้วย "ลุงพิณ" ก็คือคนหนึ่งที่หากเลือกเกิดได้ เขาก็คงอยากจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่เพียงเพราะเพื่อชีวิตตนเองและภรรยา หากแต่เพื่อลูกสาวที่รักของตนเองด้วย แต่กระนั้นความยากจนก็ไม่ได้เป็นปัญหาในการดำรงชีวิตแต่อย่างใด และไม่อายที่จะส่งปั่นจักรยานไปส่งลูกในสภาพเนื้อตัวมอมแมม แขนพิการ เพราะใจความสำคัญคือ "ไม่อายสายตาคนอื่น ยอมรับว่าจนจริงๆ และสอนลูกให้พอใจในสิ่งที่มีอยู่ อีกทั้งลูกก็ยังไม่อายพ่อที่เป็นแบบนี้ ปั่นจักรยานไปส่งเรียนด้วยสภาพแบบนี้ทุกวัน" เรื่องราวของ "ลุงพิณ" ถูกเปิดเผยโดย "ตาอั่ม" (ตาอั่ม สาระศาลิน) ถ่ายทอดลงเพจ YouLike (คลิปเด็ด) เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา ดังต่อไปนี้ @ตาอั่ม_[ระบุว่า]… #จำได้มั๊ยลุงยาจกที่ถีบจักรยานส่งลูกสาวเรียนอาชีวะ ลุงคนนี้ชื่อ"ลุงพิณ" หรือ #ลุงยาจกส่งลูกเรียนอาชีวะ(ชีวิตจริงลุงแขนใช้งานได้ข้างเดียว) ใครจะมองลุงอย่างไง ดูถูกลุงอย่างไง ลุงไม่สนเพราะที่ลุงจนมันเรื่องจริง ลุงยอมรับ (จนแค่ตัวสกปรกก็ที่กายแต่หัวใจไม่เคยจนและยิ่งใหญ่มาก) คำว่าพ่อนั่นยิ่งใหญ่ทุกลมหายใจเพื่อลูก…ทุกข์อย่างไงก็ต้องยิ้มสู้ (ผมสะเทือนใจมากๆตอนเจอคุณลุงแล้วคนงานทักผมว่า..มาเก็บหนี้ไอ้พิณเหรอ) ทุกข์ที่ไม่เคยเอ่ยปากของลุงท่านนี้…เมื่อทุกข์ต้องยิ้มสู้แล้วเดี๋ยวทุกอย่างก็ดีเอง อย่างแรกที่ดีเห็นได้ชัดคือใจ แต่เรื่องจริงน่าเศร้ากว่าที่เห็น(เศร้าได้อีก) ผมขอเรียกลุงว่า…ลุงพิณยอดคุณพ่อหัวใจทองคำ แล้วกัน(ติดตามอ่านในคอลัมน์เดลินิวส์เร็วๆ นี้) ลุงพิณ อายุ 56 ปี เนื้อตัวสกปรกมอมแมมผิวดำตัวกร้านแขนพิการหนึ่งข้าง ใช้การได้ไม่ค่อยดี ท่าทางรูปร่างเปรียบเทียบกับขอทานข้างถนนก็ไม่ต่าง(เป็นการตัดสินคนจากภายนอก ) ตาอั่ม…ผมหยิบโทรศัพท์มือถือแล้วเปิดรูปให้ลุงดูพร้อมกับถามลุงพิณว่าชายที่ปั่นจักรยานพ่วงลูกคนนี้ใช่คุณลุงไหม? ลุงพิณ…ตอบว่าใช่ปั่นไปส่งลูกอย่างนี้ทุกๆ วัน […]

นศ.ถล่มยับ ร้านขายชุดนักศึกษาชื่อดังย่าน มช.คิดค่าลองเสื้อครั้งละ20/ติดป้ายเตือนแรงมาก!

ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หากร้านค้าจะติดป้ายเตือนเพื่อรักษาคุณภาพของสินค้าและสิ่งของอื่นๆ ที่เป็นต้นทุนภายในร้านให้ยังมีคุณภาพดี ไม่เสียหาย แต่ก็ต้องมีวาทศิลป์หรือรู้จักการใช้คำพูดสักหน่อย มิฉะนั้นจะกลายเป็นการไล่ลูกค้าได้ เฉกเช่นกรณีของเฟซบุ๊ก Pachara Wuttipianlert นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ ที่เจอป้ายเตือนของร้านขายชุดนักศึกษาชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านหน้า มช. ดังนี้ ซึ่งหลังจากเฟซบุ๊กดังกล่าวได้โพสต์เรื่องราวนี้ลงไป ก็มีหลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นในเชิงเห็นด้วยเป็นอย่างมาก พร้อมแชร์ประสบการณ์ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ร้านนี้ชื่อดัง แต่แปลกที่พนักงานมารยาทแข็งกระด้าง ไม่ง้อลูกค้าเกินไป คิดค่าลองเสื้อครั้งละ 20 บาท อีกทั้งยังชอบถามในเชิงไม่พอใจหรือแกมบังคับลูกค้า เมื่อลูกค้าลองเสื้อผ้าแล้วยังหาไซส์ที่ถูกใจไม่ได้ บางคอมเม้นท์ก็แคปหน้าจอมาให้ดูกันไปเลยว่า นอกจากหน้าร้านจะบริการไม่ดี แม้กระทั่งในเพจร้านก็ยังตอบลูกค้าไม่ดี แข็งกระด้าง ไม่นิ่มนวลชวนซื้อเช่นกัน ก็น่าติดตามว่าทางร้านค้าจะทราบเรื่องนี้หรือไม่? หากทราบแล้วจะวางตัวอย่างไรต่อ? แต่ก็น่าคิดว่าเรื่องสั้นๆ แต่มีคนเข้ามาพูดเป็นเสียงเดียวกันมากกว่า 230 คอมเม้นท์และอีก 3,700 คนที่แชร์ออกไป ก็น่าจะพอยืนยันได้ดีว่าการเลือกใช้คำพูดที่เหมาะสมในการค้าขาย มีผลต่อลูกค้าโดยตรงเสมอ หากเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ลูกค้าก็พร้อมจะบอกต่อ หากแย่มากๆ ลูกค้าก็ไม่อาจง้อ และทนไม่ไหวที่จะส่งต่อถึงชื่อเสียงในด้านลบ คลิกที่นี่ เพื่อเข้าสู่ลิ้งค์ต้นเรื่องแบบไม่เซนเซอร์  

1 3,786 3,787 3,788 3,902
error: