ทั่วไป

Advertisement กระแสดราม่าที่ ดักแด้ หรือ บัญชา คำทอง โดนด่าหลังจากใส่ชุดมโนราห์ไปเชียร์ซีเกมส์ที่สิงค์โปร เป็นเรื่องที่มีความคิดเห็นหลากหลายบางคนเห็นด้วยกับการที่มองว่า ดักแด้ ทำไม่ถูกกาละเทศะ แต่เสียงส่วนใหญ่กลับมองว่าการที่เขาเอาชุดมโนราห์มาใส่ไม่ใช่เรื่องเสียหายเลย กลับเป็นการเผยแพร่วัฒณธรรมศิลปะไทยให้ชาวโลกได้รู้จักเป็นการสมควรแล้วเรอที่ชายผู้นี้จะโดนด่าว่าไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ด่าว่าเป็นคนลบหลู่ดูหมิ่นความเชื่อและศรัทธาของใครบางคน วันนี้ทางทีม Thaihothit เลยขอโอกาสเปิดใจชีวิตนักเชียร์ระดับชาติคนนี้กันหน่อยเพราะ กว่าที่เขาจะเดินทางมาถึงการเป็นนักเชียร์ระดับชาติอย่างทุกวันนี้เขาผ่านอุปสรรคมาไม่ใช่น้อย ถึงขนาดต้องขายรถจนหมดตัวเพื่อหาเงินเป็นค่าเดินทางไปเชียร์นักกีฬาไทยที่ต่างประเทศ Advertisement "ตอนช่วงแรกๆที่ผมเดินทางไปเชียร์เราออกตังค์เองครับ ก็ไม่มีเงินหรอกแต่ใจมันอยากไปเชียร์ เลยเอารถไปขาย เอาไปจำนำอะไรแบบนี้ เสียค่าใช้จ่ายเอง อะไรประหยัดได้ก็ประหยัด ไปถึงก็ไม่รู้จะไปนอนไหนบางทีก็ไปนอนตามวัดไทยในต่างประเทศ นอนตามบ้านคนไทย ร้านอาหารไทย คือบางคนเขาเห็นเรามาทำเพื่อประเทศเขาก็ช่วย บางทีถ้าหาที่นอนไม่ได้ก็แอบเนียนไปนอนกับพี่ๆน้องๆนักข่าวสื่อมวลชน ครั้งหนึ่งจำได้ไปเชียร์เอเชียนเกมส์ที่เกาหลี ก็แอบเนียนไปนอนกับนักข่าวในโรงแรม แต่เตียงมันไม่พอเพราะมีแค่ 2 เตียงผมก็เลยไปนอนในตู้เสื้อผ้า เอาหัวซุกเข้าไป" ทำไมถึงไม่ยอมเลิกไปเชียร์ ถ้าชีวิตมันดูลำบากขนาดนี้ "คือผมทำตรงนี้มาเกือบ 20 ปีแล้วตั้งแต่ซีเกมส์ครั้งที่ 18 ที่เชียงใหม่ สมัยเรียนรามผมฝันอยากเป็นกีฬาทีมชาติแต่เราความสามารถไม่ถึงเลยขอเอาเป็นคนเชียร์ข้างสนามแล้วกัน ทำมาเรื่อยๆจนรู้สึกว่าเราลงหลังเสือไม่ได้ มีแข่งทีมไทยที่ไหนต้องไปที่นั่น ผมไปเชียร์ไม่ใช่เฉพาะนักกีฬาไทยปกตินะครับ กีฬาคนพิการผมก็ไป แบบ ครั้งหนึ่งจำไม่ได้ที่ไหน นักกีฬาตาบอด เขามาพูดกับผมว่าได้ยินเสียงเชียร์จากเรา เขารู้สึกดีใจมีกำลังใจขึ้นมา บางครั้งผมก็ช่วยเข็นรถเข็นพาเขาไปห้องน้ำ คือเราไปด้วยใจจริงๆ" […]

กลายเป็นประเด็นอีกรอบ เมื่อนักแสดงตลกสาว "ตุ๊กกี้ สุดารัตน์ หรือ ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน" ได้เข้าไปคอมเม้นท์ในอินสตาแกรมของพระรูปหนึ่งว่า "ไม่สมควรเล่น ig นะคะ เป็นพระทำไมเล่นได้ ไม่เหมาะ" ก่อนจะโดนญาติโยมคอมเม้นท์สวนกลับ บ้างก็ว่าควรเอาเวลาที่จะว่าคนอื่นไปขัดเกลาตัวเองดีกว่า นี่เป็น IG ของหลวงพี่เขา ไม่ควรมายุ่ง บ้างก็ว่า พระท่านไม่ได้โพสต์อะไรที่เสื่อมเสีย แต่เป็นการใช้สื่ออินเทอร์เน็ตจูงใจให้คนเข้าวัด ทำบุญ และแชร์คำสอนดี ๆ ก็ไม่น่าจะผิดถ้าท่านจะเล่นโซเชียลแบบนี้                 ในขณะที่พระรูปดังกล่าว ได้คอมเม้นท์ตอบกลับ ตุ๊กกี้ ว่า "เหรียญมี 2 ด้านนะโยม มีทั้งคุณและโทษ งานศาสนาก็เช่นกัน หาได้เผยแพร่ที่วัดที่เดียว ทุกวันนี้โยมเข้าวัดน้อยแต่เล่น ig เยอะ ถ้าตามโลกไม่ทัน งานศาสนาก็ไม่เดิน"   [ads]             หลังจากนั้น พระรูปดังกล่าว ก็ได้โพสต์ภาพที่วัด พร้อมข้อความชี้แจงถึงตุ๊กกี้ อีกครั้งว่า "ก็คงต้องขอเจริญพรกับคุณโยมตุ๊กกี้ชิงร้อยด้วยนะ ที่บอกว่าเป็นพระไม่ควรเล่นโซเซียล อาจเป็นเพราะโยมตุ๊กกี้มองโลกด้านเดียวแต่อาตมามอง 2 […]

นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ผู้ร่วมขับเคลื่อนเครือข่ายสมาพันธ์นักเรียนไทยเพื่อการปฏิวัติระบบการศึกษาไทย ได้แสดงข้อความวิพากษ์วิจารณ์พิธีไหว้ครูผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว Netiwit Ntw  โดยระบุว่า ครูอยู่ในฐานะมนุษย์ และก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการผิดพลาด (ครูได้เคยคิดหรือไม่ การที่ครูชอบอ้างบ่อยๆ ว่าตนสอนนักเรียนคนนั้นคนนี้จนได้ดี ก็ยังมีอีกหลายคนที่เกลียดโรงเรียน และไม่ชอบวิชาความรู้ไปตลอดทั้งชีวิตเพราะมาจากครูเช่นกัน) การมาสร้างครูให้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ด้วยพิธีกรรมต่างๆ นั้นยังสมควรต่อไปหรือไม่ ทำไมไม่ให้วันครู เป็นวันที่ครูจะสัญญาว่า ครูจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ครูก็เป็นมนุษย์เสมอนักเรียนที่ต้องเรียนรู้ไปพร้อมกัน เติบโตไปพร้อมกัน ฟังเสียงคำวิพากษ์วิจารณ์แล้วปรับปรุง วันไหว้ครูปีนี้ ตนไม่มาโรงเรียน ที่ไม่มาไม่ใช่ไม่รักครู แต่มีเหตุผลการที่รักใครคนหนึ่ง ไม่ต้องไปหมอบคลาน เราหยอกล้อพูดคุยกันสนุกๆ กันได้ตรงไปตรงมา ครูกับนักเรียนเป็นเสมือนมนุษย์ที่มีผิดมีถูกเรียนรู้ไปด้วยกัน แต่พิธีกรรมดังกล่าวทำลายความสัมพันธ์ของคนสองคนให้ยกอีกคนสูงกว่าอีกคน (ทั้งยังบังคับด้วย) ตนไม่เคยเห็นพิธีกรรมไหว้ครูที่ครูขอโทษนักเรียนว่าตนได้ทำผิดพลาดอะไรไปบ้างและขอให้นักเรียนให้อภัย หรือเป็นการเปิดใจครูต่อนักเรียน ไม่มีที่พิธีกรรมดังกล่าวจะสร้างความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน “เราต้องการรักแบบกลัวๆ รักแบบสยบยอมหรือ ถ้าเป็นอย่างนั้นผมไม่ทำ ผมรักครูได้โดยที่ผมเท่ากับครู เรียนรู้แบบคนเสมอกัน”   อ่านเนื้อทั้งหมด Netiwit Ntw [ads=center]

  เนื้อคู่ไม่ดี เนื้อคู่ไม่ดีไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ท่านว่าเกิดจากการกระทำที่เคยทำมาแม้ในภพนี้หรือภพก่อนของผู้นั้น คือ เคยเป็นชู้กับผู้อื่นที่มีครอบครัวแล้ว เคยทำร้ายจิตใจคู่ตนเอง เคยยุยงคู่คนอื่นให้เลิกกัน เคยทำร้ายจิตใจในความรักที่ผู้อื่นมีให้แก่ตน การแก้กรรมเนื้อคู่ไม่ดี แนะนำให้ปฏิบัติ ดังนี้   เลิกความเป็นคนเจ้าชู้ มักเดียวใจเดียว ไม่คบคนที่มีคู่แล้วหรือไม่นอกใจคู่ของตนเอง หมั่นเข้าวัดทำบุญร่วมกับคู่ของตนเองเป็นนิจ หมั่นทำบุญ และอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่ถูกตนทำร้ายจิตใจหรือแก่่เจ้ากรรมนายเวรทั้งภพก่อน และในภพปัจจุบัน ส่งเสริมความรัก และยินดีต่อความสุขของคู่ครองคนอื่น เช่น ร่วมทำบุญในงานแต่ง เป็นต้น   แก้กรรมร้างคู่ คน บางคนขาดคู่แท้ คู่ถาวรเพราะวิบากกรรม ชาติก่อนอาจเคยทำให้คู่รักต้องเลิกกันไปโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม หรืออาจเคยพรากคู่รักให้แยกจากกัน หรือเคยยุยงให้เขาแตกกัน หรือขัดขวางมิให้เขาได้ครองคู่กัน [ads] การแก้กรรมดวงที่ร้างคู่ แนะนำให้ปฏิบัติ ดังนี้ ถวายเทียนคู่หรือแจกันคู่ ถวายให้ครบ 9 วัดอย่างต่อเนื่อง จะทำบุญเดือนละ 1 วัดหรือ 2 วัดก็ได้ตามแต่สะดวก ให้ถวายในวันเกิดของตน เช่น คนเกิดวันพุธ ก็ไปทำบุญวันพุธ อธิษฐานจิตขอทำบุญเพื่อแก้วิบากกรรม ตั้งจิตภาวนาขอพรเรื่องคู่ตามที่หวัง (สามารถถวายสิ่งของอื่นแก่วัดได้ แต่ควรถวายสิ่งของที่ใช่เป็นคู่ เช่น […]

เด้งจริง แจ่มจริง อะไรจริง สำหรับสาวเซ็กซี่ ที่ตอนนี้กำลังเป็นกระแสให้หนุ่มๆ ได้ติดตามกัน น้องนิว หรือ ชื่อในเฟสบุกคือ นิวนิว ทีมงาน เอวเด้ง สำหรับความฮอตของน้องนิวเกิดขึ้นมาน้องนิวได้ไปออกรายการ ซุปเปอร์หม่ำ เทป ดีเจเพชรจ้าและ ดีเจภูมิ เป็นแขกรับเชิญ งานนี้ความเซ็กซี่ของน้องนิว เข้าตาหนุ่มๆ อย่างจัง เพราะนอกจากสวย เซ็กซี่ ขี้เล่น น้องคนนี้ยังมีดีกรีเป็นถึงแชมป์โคโยตี้ประเทศไทย   ลีลาการเต้นของน้องนิว จะพลิ้วไหว ขนาดไหนไปชมกันเลย       สำหรับใครอยากเป็นเพื่อนกับน้องนิวสามารถติดตามได้ที่ เฟสบุก นิวนิว ทีมงาน เอวเด้ง นะครับ     [ads=center]

เคยไหม…ที่คุณรู้สึกเหนื่อยใจกับการทะเลาะเบาะแว้งกันด้วยเรื่องเดิม ๆ เคยไหม…ที่คุณรู้สึกเหนื่อยใจกับการกระทำของเขา เคยไหม…ที่คุณรู้สึกเหนื่อยใจกับคำพูดบางคำของเขา เคยไหม…ที่คุณรู้สึกเหนื่อยใจกับความขี้หึง ขี้ระแวงของเขา เคยไหม…ที่คุณรู้สึกเหนื่อยใจกับความเจ้าชู้ไม่สิ้นสุดของเขา เคยไหม…ที่คุณรู้สึกเหนื่อยใจกับคำโกหกคำโต ที่มักแวะเวียนมาหาคุณเสมอ เคยไหม…ที่คุณรู้สึกเหนื่อยใจกับความคาดหวังที่มากเกินไปของตัวเอง และ…เคยไหม…ที่คุณรู้สึกเหนื่อยใจกับความรักของตัวเอง [ads]                ถ้าคุณเคยรู้สึกเหนื่อยใจเพียงแค่ 1 ใน 3 ของคำถาม ก็คงได้เวลาแล้วล่ะ ที่คุณจะลองหันมาพิจารณาถึง "ความสัมพันธ์" ของคุณทั้งคู่ ลองหันหน้ามาคุยกันเกี่ยวกับความเหนื่อยใจของแต่ละคน เพราะบางทีการเก็บความรู้สึก โดยไม่เปิดเผยออกมาให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่า ณ ตอนนี้คุณกำลังคิดอะไรอยู่ มันก็เหมือนกับการอดทนอดกลั้นที่เปล่าประโยชน์ เพราะเขาไม่มีทางมารับรู้ได้เลยว่าคุณรู้สึกอย่างไร ในทางกลับกันคุณก็ไม่มีวันรู้ได้เลยว่าเขารู้สึกอย่างไรเหมือนกัน แต่ต้องคุยกันด้วยเหตุผล ยอมวางอารมณ์เก็บไว้ แล้วงัดเอาเหตุผลมาแชร์กัน                ซึ่งถ้าได้คุยกันแล้ว ทะเลาะกันก็แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างมันยังไม่ดีขึ้น คุณทั้งคู่ยังคงรู้สึกเหน็ดเหนื่อยในการคบหา ทั้ง ๆ ที่ยังรู้สึกรักกันอยู่ ทางออกที่ดีที่สุดคือ "ถอยออกมาคนละก้าว" เพื่อย้อนกลับมาสำรวจตัวเองกันอีกสักครา หันไปอยู่กับตัวเองกันสักพัก ลองไปใช้ชีวิตที่ไม่มีกันและกันดูสิว่า คุณทั้งคู่ยังรู้สึก "เหนื่อยใจ" … "คิดถึง" หรือ "สบายใจ" กันแน่!                ถ้าความรักของเราที่ยังมีให้กันและกันยังมั่นคง และเต็มล้นอยู่หัวใจ ความรู้สึกจะบอกเราเองว่าควรหันหน้าเข้าหากัน แต่ถ้ามันรู้สึกว่า "ผูกพัน" มันไม่ใช่ "ความรัก" ก็อย่าทนฝืนจูงมือกันเดินต่อไปเลย เพราะต่างคนต่างทรมาน ต่างคนต่างเหนื่อย ต่างคนต่างไม่เข้าใจกันและกันซะที มันทำให้ใจของเรายิ่งล้า ยอมเจ็บตอนนี้ดีกว่า สร้างความผูกพันให้มันหนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ   […]

เส้นกากบาทกลางฝ่ามือ คนที่มีเส้นกากบาทกลางฝ่ามือไม่ว่าจะอยู่ข้างซ้ายหรือข้างขวา หรือมีทั้ง2ฝ่ามือเลยก็ดี มักจะขึ้นอยู่ในลายมือของผู้มีเหตุมีผล ชอบที่จะสอนและให้ความคิดเห็นกับทุกๆคน ส่วนใหญ่จะขึ้นในมือของเจ้าอาวาส เกจิ อาจารย์ ครู บาร์อาจารย์ หรือผู้ชำนาญการทางด้านด้านหนึ่งผู้ที่มีมักมีจิตใจหนักแน่นและมีจุดยืนของตนเองยิ่งอยู่ในบุคลที่มีความเข้มแข็งอยู่แล้วจะยิ่งชอบค้นหาแสวงหา กากบาทนั้นยิ่งกว้างใหญ่ยิ่งดี  ผมเคยเห็นในลายมือของวู้ดดี้เป็นกากบาทกลางฝ่ามือใหญ่มากๆจึงไม่แปลกที่วู้ดดี้ได้ 1 ใน 100 ผู้ทรงอิทธิพลต่อสื่อในภาคเอเซีย ลองปั้นใครหรือช่วยเหลือใครคนนั้นย่อมไม่ธรรมดา และเช่นเดียวกันถ้าผู้มีเส้นกากบาทหลางฝ่ามือนี้ไปกลั่นแกล้งใครหรือทำผิดประการใดก็โดนทำโทษเช่นเดียวกัน ก็เรียกว่าเป็นเส้นเหลือเชื่อเส้นหนึ่ง ทางพระเขาเรียกว่า “เส้นผลบุญและเวรกรรมที่ทำกันมาตั้งแต่ชาติปางที่แล้ว”บางที่ยังหมายถึงคนระลึกชาติได้ด้วยความรู้สึกจึงยังต้องมาทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้คน บางคนบวชพระไม่สึก บางคนทำหน้าที่ครู บางคนไปเป็นหมอรวมทั้งหมอดู เพราะยังหมายถึงซิกเซ้นส์รางสังหรณ์ได้ด้วย บางคนที่เชื่อเรื่องมีองค์ใน หรือคนทรงเจ้าที่มีองค์ในอยู่ในตนเองตามที่บุคคลนั้นเคารพนับถืออยู่จึงตั้งชื่อตามสิ่งที่ตนเองเคารพบูชา และคนที่มีเส้นกากบาทกลางฝ่ามือมักจะแคล้วคลาดอยู่ตลอด ไม่ค่อยมีศัตรู เพราะศัตรูมักจะแพ้ภัยตนเองหรือศัตรูกลับมาเป็นมิตรอยู่ตลอด เขาเรียกว่ามีพระเกตุคุ้มครอง   [ads] บางท่านมักจะพูดจาตรงๆไม่อ้อมค้อม มักจะชอบอยู่กับป่ากับเขาหรือปลีกวิเวกได้ดีขึ้นอยู่กับอารมณ์ของผู้นั้นอีกที ถ้าสำหรับไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงควรมีทั้ง2ข้างจึงจะดี ถ้ามีข้างใดข้างหนึ่งจะมีนิสัยไปทางนั้น เช่น ถ้าผู้ชายมามีเส้นกากบาทข้างซ้ายนิสัยมักจะหนักไปทางหญิง คือเรียบร้อย และเช่นเดียวกันผู้หญิงมามีเส้นกากบาทกลางฝ่ามือทางข้างขวา มักใจร้อนกล้าหาญนักรบ รักความยุติธรรม นิสัยจะละม้ายคล้ายผู้ชายเลย ส่วนใหญ่ลายมือที่มีเส้นกากบาทกลางฝ่ามือจะเชื่อมทำให้ดูเป็นลายมือที่ขาดอยู่แล้วครับ แต่มีสติมีปัญญากล้าคิดกล้าตัดสินใจ ในช่วงเวลาที่จะต้องใช้ความร้อนหรือความกล้าหาญก็จะใช้เป็น และเวลาบทที่จะเย็นก็จะเย็นโดยเป็นเหมือนน้ำแข็งเลยนี่คือความหมายของเส้นกากบาท แต่มักจะมีปัญหาเรื่องความรักได้สำหรับบางคนที่มีความอ่อนไหวในรักมากๆจะคล้ายลำคาญหรือระแวงเรื่องความรักได้ง่ายทำให้หลายๆคนไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องของความรักก็มี แต่ไม่ทุกคนไป แต่สำหรับคนที่มองข้ามปัดเศษกลับอยู่ได้และมีความสุขในเรื่องความรัก ก็คือเส้นกากบาทกลางฝ่ามือคือเส้นสัมผัสที่หกหรือคนช่างสังเกตุถ้าใช้นำไปสอนใครหรือเป็นห่วงใครได้ดี แต่ถ้านำมาใช้กับตนเองโดยเรื่องความรักถ้าไม่ตลกนำหรือหัวเราะนำก็จะกลายเป็นคนหวาดระแวงได้ง่ายเช่น ความฉลาดนำไปสังเกตุความประพฤติจับผิดแฟนคนรักก็จะชอบจับผิดทำให้หลายคนอยู่กันไม่ได้ แต่คนที่มีกากบาทกลางฝ่ามือแล้วนำมาปลง มองข้ามเรื่องเล็กๆน้อยของคนรักก็จะไม่หวาดระแวงกลับกลายเป็นเอาใจเก่ง มีความสุข ดูแลครอบครัวเป็น […]

  สวัสดีค่ะดิฉันได้สมัครสมาชิกใหม่เพื่อขอเล่าประสบการณ์ของดิฉันเองที่เกิดขึ้นมาร่วม 10 ปีเผื่อจะเป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่กำลังคิดที่จะทำบาปและผลที่ตามมา ดิฉันตัดสินใจดีแล้วกับการตั้งกระทู้นี้และยอมรับในสิ่งที่อาจตามมา จุดเริ่มต้นเมื่อ 10ปีที่แล้วตอนนั้นจขกท.อายุย่าง 19 ปี พื้นฐานครอบไม่ค่อยอบอุ่นเท่าใดนัก มีแม่ที่ค่อนข้างเข้มงวดชอบดุด่าว่ากล่าว ครอบครัวมีปัญหาบ่อยๆ ก่อนเข้ามหาลัยนั้นจขกท.ไม่ค่อยได้ออกไปสัมผัสโลกภายนอกเลย เลิกเรียนเข้าบ้านจนเป็นนศ.ปีที่ 1 ของม.แห่งหนึ่งในภาคเหนือ ชีวิตพลิกผันพ่อกับแม่แยกทางกันบางวันจขกท.ก็อยู่บ้านพ่อบ้างบ้านแม่บ้าง และการเรียนในมหาลัยนั้นทำให้จขกท.มีอิสระมากขึ้นได้ทำอะไรตามใจตัวเองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สมัยนั้นวิทยุชุมชนกำลังมาแรง จขกท.ได้เป็นดีเจสมัครเล่นที่วิทยุชุมชนแห่งหนึ่งเป็นจุดเริ่มต้นให้จขกท.เจอผู้ชายคนหนึ่งที่ขอจำและเกลียดจนวันตาย ขอสมมุติว่าชื่อหนึ่ง พี่หนึ่งอายุมากกว่าจขกทราวๆ 5-6ปี เริ่มแรกจากการที่พี่หนึ่งโทรเข้ามาในรายการทุกวันๆ เหมือนแฟนรายการหลังๆมาพี่หนึ่งเริ่มมาเยี่ยมที่สถานีซื้อขนมมาให้บ้าง มาคุยด้วยบ้างจนเริ่มคบกัน เค้าก็ชวนเราไปบ้านเค้าซึ่งบ้านนั้นเป็นบ้านเช่าที่พี่หนึ่งแบ่งเช่ากับเพื่อนอีก 2 ห้อง แรกๆนั้นก็ไม่มีอะไรค่ะนั่งฟังเพลงบ้าง ช่วยกันทำอาหาร ตั้งวงกินเหล้าแต่จขกท.ไม่กินนะตอนนั้นยังกินไม่เป็นไม่คิดจะลองซะด้วยซ้ำ พอไปบ่อยๆเข้าสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้มันก็เกิดเมื่อมีโอกาสอยู่กันสองต่อสอง โดยที่ไม่ได้มีการป้องกัน มีครั้งแรกก็มีครั้งที่สองและครั้งต่อๆไป เวลาผ่านไปเดือนแรกจขกท.ยังไม่เอะใจเพราะคิดว่าคงไม่ท้องง่ายขนาดนั้นช่างโง่เหลือเกิน ช่างไร้เดียงสาเหลือเกิน พอเดือนที่สองประจำเดือนก็ยังไม่มา เริ่มกังวลใจเรื่องท้องยังไม่พอต้องมาเจอกับแฟนเก่าของพี่หนึ่ง เค้าเปิดประตูห้องตอนเราสองคนอยู่ด้วยกันในห้องพาเพื่อนมาด้วยหนึ่งคน พี่หนึ่งบอกให้จขกท.กลับบ้านไปก่อน หลังจากวันนั้นพี่หนึ่งก็เปลี่ยนไปค่ะเริ่มหงุดหงิดใส่เราบ้าง ไม่อยากให้มาหาบ้าง เดินหนีไม่ยอมคุยบ้าง จนแฟนเก่าพี่หนึ่งโทรมาบอกเราว่าเค้ากลับมาคืนดีกันแล้ว เค้าคบกันมานานแล้วเราเป็นแค่เด็กที่ถูกเค้าหลอกเอาแค่นั้นแหละเค้าห้ามเราไปยุ่งกับพี่หนึ่งอีก. เราเครียดมากเริ่มกลัวว่าจะท้องจึงซื้อแผ่นตรวจฉี่มาตรวจ เราท้องค่ะตอนนั้นเราไม่มีทางออกเลย ไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาใครเราโทรไปหาพี่หนึ่งบอกว่าเราท้อง เค้าบอกว่าไม่ใช่ลูกเค้าหรอกทั้งๆที่เค้าเป็นผู้ชายคนแรกของเรา เราปล่อยให้เวลาล่วงเลยจนเข้าเดือนที่ 3 ยังหาทางออกไม่ได้กินยาสตรีเป็นขวดๆ ร้องไห้จนตาบวมทุกวันจนแม่จขกท.เห็นยาสตรีในห้องนอนจึงมาถามว่าประจำเดือนมารึยัง คาดคั้นมากๆจนเรายอมรับว่าท้อง […]

 สำนักข่าวเอพี เปิดเผยเรื่องราวของบริการ "หาชู้" ที่ประเทศเกาหลีใต้ว่า ตอนนี้บริการนี้กำลังไปได้ดี เพราะตอบโจทย์ทั้งคุณสามีที่อยากจะหนีความขัดแย้งภายในบ้านออกไปซู่ซ่าอารมณ์ดีกับสาวอื่น ทั้งคุณภรรยาขี้เบื่อที่มองหาชู้ไว้คบหา ให้กระชุ่มกระชวยหัวใจอีกครั้ง            แอชลีย์ เมดิสัน (Ashley Madison) คือเว็บไซต์ผู้ให้บริการหาชู้ที่ว่านี้ กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง เพราะในสังคมเกาหลีใต้ไม่สนับสนุนให้สามีและภรรยามีชู้ ถึงขั้นที่แต่ก่อนนี้การมีชู้เป็นเรื่องผิดกฎหมายเลยทีเดียว            แต่ทางบริษัทกลับคาดหวังว่า แม้จะขัดต่อวัฒนธรรมอันดีงามของประเทศอย่างไร แต่ก็น่าจะประสบความสำเร็จภายใน 5 ปีข้างหน้า และเกาหลีใต้จะเป็นตลาดอันดับที่ 3 รองจากสหรัฐอเมริกาและแคนาดา            ทางแอชลีย์ เมดิสัน ได้เปิดเผยว่า ตอนนี้มีผู้หญิงจำนวนมากเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกเว็บไซต์หาชู้แห่งนี้แล้ว นั่นแสดงให้เห็นว่าพวกเธอได้ปลดตัวเองจากกรอบเดิม ๆ ให้สามารถมีกิ๊กกั๊กให้กระชุ่มกระชวยหัวใจได้ เหมือนกับที่ผู้ชายหลาย ๆ คนทำเป็นเรื่องปกติ              อย่างไรก็ดี แอชลีย์ เมดิสัน ไม่ได้เพิ่งมาเปิดตัวครั้งแรกในเกาหลีใต้ แต่เปิดตัวตั้งแต่เดือนเมษายน 2556 แล้ว และหลังจากเปิดตัวได้เพียง 2 สัปดาห์ ก็ถูกทางการเกาหลีใต้แบน เพราะขัดต่อกฎหมายที่ถือว่าการนอกใจนอกกายเป็นเรื่องผิด แต่ถึงอย่างนั้นภายใน 2 สัปดาห์นี้ก็มีผู้สมัครเข้าใช้บริการไปแล้วกว่า 50,000 คน            หลังจากถูกแบนไปได้ปีเศษ ล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ศาลเกาหลีใต้ได้ล้มเลิกกฎหมายห้ามนอกใจนอกกายที่มีมายาวนานกว่า 60 ปีไป ทำให้การแบนยุติลงไปด้วย แอชลีย์ เมดิสัน เลยผงาดขึ้นมาใหม่ […]

เรื่องราวนี้เป็นเนื้อหาที่อยากแชร์ให้ทุกท่่่่านได้อ่านและระลึกถึง บุญคุณของพ่อแม่เมื่อท่านแก่เฒ่าแล้วเราควรตอบแทนพระคุณท่านไม่ควรกระทำตามเรื่องดังกล่าวที่จะนำเสนอ   …อ้อกำลังกินข้าวอยู่ค่ะ เห็นคณุยายคนนี้เดินเซมา ขอข้าวจากร้านริมทางที่อ้อกำลังนั่งกินอยู่ค่ะ อ้อเลยร้องตะโกนบอกว่า ให้รวมในบิลนู๋เลยค่ะ….. อ้อพยุงแกมานั่งที่โต๊ะ อ้อถามยายมาจากไหน..? ยายบอกยายมาจากกิโล 10 สัตหีบ ยายร้องไห้ อ้อจับมือยาย ถามยายใจเย็นๆนะค่ะอย่าร้องไห้ อ้อเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาให้ยาย ยายบอกยายมีอาชีพเก็บขวดขายอาศัยเขาอยู่ ยายยอมอดข้าว 3 วัน เพื่อเก็บตังค์มาหาลูกชายที่จอมเทียน แต่ยายไม่มีเงินเหลือเลยค่ะ เลยจะเดินจากพัทยาใต้ไปจอมเทียนแต่ยายก็ 80 จะ 90 แล้วค่ะ ร่างกายผอมโซค่ะ อ้อให้ตังค์ค่ารถไป 500 ยายไม่รับ ยายเอา 200 พอ เผื่อไม่เจอลูกจะได้กลับไปกิโล 10…..     ยายยิ่งร้องไห้ยกมือไหว้ อ้อรีบยกมือไหว้กลับพร้อมบอก ไม่เป็นไรค่ะยาย นู๋สงสารยาย เด๋วนู๋ไปส่งยายดีกว่าค่ะ พอไปถึงลูกชายไม่ยอมเจอบอกติดเมีย พร้อมบอกเหตุผลที่ทำให้คนเป็นแม่ต้องหลั่งน้ำตา ผมไม่อยากมีแม่จนๆเก็บขยะขายไม่มีอะไรอย่างแม่หรอก ถ้าแม่มีอะไรให้ผมบ้างผมจะไม่รังเกียจแม่เลย.. อ้อพยุงยายพร้อมกอดแล้วปลอบใจก่อนจะไปส่งยายขึ้นรถตู้กลับหลัก 10..อ้อกำลังคิดว่า คนเป็นแม่อายุจะ 90 ยอมอดข้าวเก็บตังค์มาหาลูก นั่งรถเดินทางมาหาเพื่อมาฟังคำพูดที่ทำร้ายน้ำใจแบบนี้เหรอ..?? ยายบอกยายมาทุกครั้งก็โดนด่า โดนว่า […]