4 เคล็ดลับครองคู่ “วัยเกษียณ” อย่างมีความสุข

Advertisement คู่รักสมัยนี้มักจะอยู่ด้วยกันโดยที่ไม่ได้แต่งงานกัน ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ หรือแม้กระทั่งวัยเกษียณ เชื่อไหมคะว่ามีตัวเลขการเติบโตของคู่รักวัยผู้ใหญ่ที่อาศัยอยู่ด้วยกันโดยไม่ได้แต่งงานกันในปี 2014 ถึง 900,000 คู่ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงและผู้ชายที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป Advertisement   ภาพประกอบจาก www.express.co.uk   คนเรามีเหตุผลมากมายที่จะย้ายไปอยู่ด้วยกันทั้งที่ไม่ได้แต่งงานกัน เช่น คุณอาจต้องการที่จะรักษาสิทธิประโยชน์ของประกันสังคมจากการแต่งงานกับสามี-ภรรยาคนเก่า เพื่อให้แน่ใจว่าลูกหลานของคุณจะยังคงเป็นทายาทเพียงคนเดียวของคุณ ในขณะเดียวกัน การอยู่คนเดียวอาจจะลดความซับซ้อนบางประการ ซึ่งแตกต่างจากการมาอยู่ด้วยกันในช่วงวัยเกษียณที่มีความซับซ้อนมากเกินไป เนื่องจากแต่ละคนอาจจะนำครอบครัวและสินทรัพย์เข้ามารวมด้วย อย่างไรก็ตาม หากคุณไม่อยากยุ่งยากวุ่นวายกับการใช้ชีวิตคู่ในช่วงวัยเกษียณ ลองปฏิบัติตามเคล็ดลับที่ MoneyGuru.co.th นำมาฝากในวันนี้ดูสิคะ แบ่งปันทรัพย์สิน…เล็ก ๆ น้อย ๆ หากคุณไม่ได้แต่งงาน ทรัพย์สินของคุณทั้งคู่จะรวมกันไม่ได้ แต่คุณทั้งคู่อาจจะช่วยกันแชร์ค่าใช้จ่ายภายในบ้านได้ และเพื่อลดความซับซ้อนของรายจ่ายในชีวิตประจำวัน คุณทั้งสองอาจจะมีการเปิดบัญชีร่วมกันเพื่อเอาไว้เก็บค่าใช้จ่ายที่ใช้ร่วมกันโดยเฉพาะค่ะ อย่างไรก็ตาม หากใครคนใดคนหนึ่งมีฐานะไม่ดีเท่ากับอีกฝ่าย คุณทั้งสองอาจใช้วิธีตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายกันแบบเท่าเทียม แต่ยังคงอิงตามหลักรายได้ของแต่ละฝ่าย เช่น คนที่มีฐานะดีกว่าอาจจะออกค่าใช้จ่าย 60% ส่วนคนที่มีฐานะด้อยกว่าอาจออกค่าใช้จ่าย 40% เป็นต้น Advertisement ทำเอกสารทางกฎหมาย การย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกันเพราะความรักครั้งใหม่อาจเป็นไปได้สวย จนกว่าแฟนของคุณจะเสียชีวิตและลูก ๆ ของแฟนคุณแสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่าไม่อยากให้คุณอยู่ในบ้านหลังนั้นอีกต่อไป […]

ตั้งท้อง-มีลูกอ่อนก็เที่ยวได้ … 5 สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเดินทางกับ “เจ้าตัวเล็ก”

พ่อแม่หลายๆ คู่คงเจอปัญหาเลี้ยงลูกจนเหนื่อย อยากเปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวต่างจังหวัดบ้าง แต่ติดปัญหาที่เจ้าตัวเล็ก เพราะคงกังวลว่า หากเดินทางไกล เจ้าตัวเล็กจะปลอดภัยหรือไม่ หรือไม่แน่ใจว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง คำถามเหล่านี้จะหมดไป  เพราะ MoneyGuru.co.th ได้นำเอาคำแนะนำในการเตรียมตัวเดินทางเมื่อมีเจ้าตัวเล็กไปด้วย มาฝากกันค่ะ การเดินทางไปต่างจังหวัดไกลๆ เป็นผลดีต่อคุณแม่นะคะ เพราะเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ คุณแม่จะได้ผ่อนคลายบ้าง หรือหากแค่อยากออกต่างจังหวัดแบบไม่ไกลมาก ลองเลือกจาก 4 ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ ดูก็ได้ค่ะ ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่ต้องแน่ใจก่อนว่าเส้นทางที่ไปนั้นมีห้องน้ำให้บริการตามทางที่คุณผ่าน เพื่อที่จะให้ลูกๆ ของคุณได้ทำธุระ และลดความเครียดจากการเดินทาง ภาพประกอบจาก www.hafling-meran2000.eu 1. ปลอดภัยไว้ก่อน ก่อนที่คุณจะออกเดินทางไปตามแผนที่คุณวางเอาไว้ ขอให้เช็คแน่ใจไว้ก่อนว่า Car Seat หรือที่นั่งสำหรับเด็ก ถูกติดตั้งอย่างถูกวิธีแล้ว เพราะจากการสำรวจพบว่าเกือบร้อยละ 70% ติดตั้งไม่ถูกวิธี นอกจากนี้คุณควรเตรียมน้ำ ชุดปฐมพยาบาล และไฟฉาย เอาไว้ให้พร้อมด้วย เผื่อเอาไว้ในกรณีฉุกเฉินค่ะ สำหรับเบอร์โทรขอความช่วยเหลือจากศูนย์ต่างๆ ก็ควรโทรเช็คก่อนว่าติดต่อได้หรือไม่ เพราะเบอร์โทรอาจไม่อัพเดต อาจทำให้ติดต่อไม่ได้เมื่อมีเหตุฉุกเฉิน หรือในกรณีของที่ชาร์จแบต ก็ควรเตรียมให้พร้อม และควรพกที่ชาร์จแบตสำรองเอาไว้สัก 1-2 ตัว ด้วยค่ะ ข้อสุดท้ายในการเตรียมตัวก่อนเดินทางก็คือ […]

3 สูตรสมุนไพรรักษาสิว ทำง่ายๆแค่เดินเข้าห้องครัวเปิดตู้เย็น!???

สำหรับชีวืตวัยรุ่นแล้ว เชื่อว่าทุกคนจะต้องมีสิว เวลาที่สิวขึ้นมาในแต่ละครั้งก็เกิดความกังวลใจกลัวจะหมดสวยหมดหล่อ เลยหาวิธีที่จะทำให้สิวนั้นหายไปจากใบหน้า แต่มันน่าสงสัยยิ่งนัก ว่าทำไมคนรุ่นปู่ย่าจายายถึงได้มีผิวพรรณและหน้าตาผ่องใสโดยไม่ต้องพึ่งสารพัดเครื่องสำอางหรือยาแต้มสิวราคาแพงๆ อย่างที่คนในปัจจุบันใช้กัน เพราะเขามีสูตรครับ่ เป็นการรักษาสิวโดยใช้พืชผักสวนครัวหลังบ้านนี่เอง วันนี้เราจะมาดูกันใครว่ามีอะไรบ้าง 1.หอมแดง นำมาทุบหรือผ่าให้เป็นแว่นบางๆ ใช้ทาบริเวณที่เป็นสิวหรือจุดด่างดำ ทาทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออก ใช้เป็นประจำรอยสิวจะจางหายไป       2. กล้วยหอม ให้ปั่นกล้วยหอม 1 ผล กับน้ำผึ้ง 1 ถ้วย นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 15-20 นาที แล้วล้างออก ทำให้หน้าตาผิวพรรณสดใสและไรสิว   3. มะนาว ผสมน้ำมะนาว 1 ช้อนชา กับไข่ขาว 1 ช้อนชา ตีให้เป็นเนื้อเดียวกัน แต้มที่ตุ่มสิว ทิ้งไว้ 15-20 นาที และล้างออก เพียงเท่านี้ใบหน้าคุณจะดูสดใส ไร้รอยสิวแล้วครับ   แต่สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งนอกจากการใช้สมุนไพรรักษาสิวแล้วนั้น คือการพักผ่อนให้เพียงพ่อ ไม่นอนดึก รับประทานอาหารให้ครบ5 หมู่ หมั่นออกกำลังกายนะครับ เพียงเท่านี้เราก็จะมีหน้าตาที่สดใสไร้สิวแล้วหละครับ […]

ใครๆก็ชอบชีส!!!ถึงจะเลี่ยนแต่มีประโยชน์

รู้กันหรือไม่ครับว่าชีสคือผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนม โดยการนำเอาส่วนของโปรตีนของนมมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ความอร่อยของชีสนั้นอยู่ที่ความหอม มัน กลมกล่อมเข้มข้นวิธีการทำก็คือใช้เอนไซม์ที่มีชื่อว่าเรนนินซึ่งมันจะทำให้โปรตีนที่แขวนลอยอยู่ในนมที่จับตัวเป็นก้อนซึ่งที่่ว่านั้นก็คือชีสนั่นเอง แต่เป็นชีสสดที่ยังไม่ได้ผ่านการบ่มเพาะแบคทีเรียหรือการปรุงแต่งรสชาติให้มีหลากหลายมากขึ้น ชีสกับประโยชน์ดังต่อไปนี้ -ช่วยบำรุงกระดูก  ชีสอุดมไปด้วยสารอาหารที่เหมาะสำหรับเด็กวัยเจริญเติบโตเพราะชีสให้พลังงาน แคลเซียม และโปรตีนสูง  ลดการเกิดโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุได้ -ช่วยดูแลรักษาสุขภาพฟัน  ช่วยป้องกันฟันผุโดยโปรตีนในรูปแคลเซียมและฟอสฟอรัสในชีสจะเป็นตัวช่วยป้องกันสารเคลือบฟัน อีกทั้งยังช่วยเพิ่มฟองน้ำลายที่ช่วยล้างกรดและน้ำตาลในช่องปากอันเป็นสาเหตุของฟันผุทั้งยังมีน้ำตาลในปริมาณต่ำ  -ช่วยควบคุมน้ำหนัก ท่านอ่านไม่ผิดครับ!!  สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักและคลอเรสเตอรอล แต่ชื่นชอบการรับประทานก็สามารถเลือกทานชีสประเภทไขมันต่ำ เพราะจะมีคลอเรสเตอรอลต่ำด้วยเช่นกันและโปรตีนสูงเพราะโปรตีนช่วยทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและอยู่ท้องได้นานกว่าประเภทข้าวขัดสี จึงทำให้ไม่ค่อยรู้สึกหิวหรือว่าหิวช้า -ช่วยเพิ่มน้ำหนัก ชีสบางประเภทอุดมด้วยไขมันสูงทำให้ได้พลังงานจากไขมันเพราะฉะนั้นการบริโภคในปริมาณเพียงเล็กน้อยก็จะช่วยให้ได้พลังงานสูงและช่วยเพิ่มน้ำหนักได้ -ช่วยซ่อมแซมส่วนต่างๆของร่างกาย เพราะชีสเป็นแหล่งที่มาของโปรตีนที่ดีคือมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายในปริมาณสูง อีกทั้งเป็นสารอาหารที่สำคัญของร่างกายเพราะ 80 เปอร์เซ็นต์ของร่างกายประกอบด้วยโปรตีน ถ้าเราได้รับโปรตีนเพียงพอจะช่วยให้ผิวพรรณมีความยืดหยุ่นและช่วยประสานแต่ละเซลล์ให้ยึดติดกันเป็นเนื้อเดียว ช่วยปกป้องริ้วรอย รวมถึงเพิ่มความแข็งแรงให้แก่เส้นผมและเล็บ  แต่!! ทุกอย่างต้องมีความพอดีนะครับ ถ้ารับประทานในปริมาณที่มากเกินความต้องการของร่างกายและไม่มีการออกกำลังกาย ก็จะทำให้อ้วนได้เช่นกัน ดังนั้นจึงจะต้องรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่และออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงนะครับ    เรียบเรียงโดย Thaijobsgov  ข้อมูลจาก beyc.co.t ขอบคุณภาพจาก Google.com [ads=center]

แจกสูตร!! ยำแหนมสดรสแซ่บจัดจ้าน!!

  แหนมคลุกหรือยำแหนมสด เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เรียกได้ว่าแซ่บจัดจ๊านครบเครื่อง สามารถรับประทานได้ทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะเวลามีสังสรรค์กับเพื่อนๆที่บ้าน เมนูนี้เรียกได้ว่าเหมาะสุดๆ วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการทำแหนมคลุกหรือยำแหนมสดกันครับ ส่วนผสมในการทำยำแหนมสดมีดังนี้ ข้าวหุงสุก 1 ถ้วย (ใช้ข้าวค้างคืนก็ได้) พริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต้ะ น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ น้ำตาล 1 ช้อนโต้ะ แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต้ะผสมน้ำเปล่า 4 ช้อนโต้ะ ไข่ไก่ 1 ฟอง หนังหมูลวกสุกซอย 2 ช้อนโต้ะ พริกป่น 1 ช้อนโต้ะ แหนมสด 2-3 ชิ้น น้ำมะนาว 2 ช้อนโต้ะ น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ ถั่วลิสงคั่ว 2 ช้อนโต้ะ ขิงซอย 2 ช้อนโต้ะ หอมแดงซอย 2 ช้อนโต้ะ ต้นหอมซอย 1 […]

แหม่!! มันเจ็บใจ…มารู้จักอาการหัวใจสลายหรือโรคอกหัก

เวลาที่มนุษย์เรามีความรัก สมองจะหลั่งสารโดปามีน (Dopamine) ซึ่งทำให้เรานั้นเกิดความพึงพอใจ มีสมาธิ กับสารออกซิโทซิน (Oxytocin) ซึ่งมีหน้าที่ลดความเครียด คลายความกังวล และทำให้รู้สึกอบอุ่นกับคนที่มีความผูกพันด้วย และยังมีสารเอนดอร์ฟิน (Endorphine) ที่ทำให้คนรู้สึกมีความสุข เวลาที่เรามีความรัก เราจึงรู้สึกมีความสุข ทำอะไรก็ดีไปหมด!! แถมรู้สึกอุ่นใจที่มีความรัก   แต่พอถึงเวลาโดนบอกเลิก!! อกหักขึ้นมา ฮอร์โมนที่สร้างความเครียดที่เรียกว่า คอร์ติซอล (Cortisol) และอะดรีนาลีน (Adrenaline) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กดการทำงานของสมอง ซึ่งปกติแล้ว เวลาที่เรารู้สึกเครียดมันก็จะหลั่งออกมาหรือเวลาที่เราตกอยู่ในอันตราย เจ้าฮอร์โมนตัวนี้ก็จะหลั่งออกมาจากต่อมหมวกไตและส่งสัญญาณไปที่สมอง ฮอร์โมนคอร์ติซอล จะทำให้ร่างกายต้องการเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อมากขึ้นและฮอร์โมนอะดรีนาลีนทำให้หัวใจเราสูบฉีดและหัวใจเต้นแรง โดยปกติแล้วสารทั้งสองจะมีประโยชน์สำหรับการกระตุ้นร่างกายในทำงานด้วยประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อรับมือกับอันตราย  ถึงแม้ว่าฮอร์โมนทั้งจะทำให้เราต่อสู้กับอันตรายได้ แต่ถ้ามันเป็นอันตรายภายในใจเราเอง ซึ่งมันไม่มีความจำเป็นที่จะใช้พลังงานเพื่อเอาตัวรอดแบบอันตรายภายนอก มันก็จะทำให้เจ็บหัวใจเพราะว่าหัวใจทำงานหนัก เป็นสาเหตุที่ทำให้เจ็บหัวใจเมื่อเสียใจหรืออกหัก อาการดังกล่าว แพทย์จะเรียกว่า “กลุ่มอาการหัวใจสลาย” (Broken Heart Syndrome) หรือ “โรคอกหัก” โดยมีรายงานการค้นพบครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1990 ในเอเชีย ซึ่งงอาการนี้อาจทำให้คนเสียชีวิตได้เหมือนโรคหัวใจหรืออาจจะเรียกว่าอาการตรอมใจ วิธีการบรรเทาอาการหัวใจสลายขั้นพื้นฐาน สามารถทำได้ ได้แก่ การร้องไห้ การหัวเราะ การออกกำลัง การนั่งสมาธิ การได้ทำสิ่งที่ชอบ การได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำหรือการได้พูดระบายความในใจกับใครซักคนที่เราไว้ใจ เพียงเท่านี้ก็จะสามารถลดอาการหัวใจสลายได้แล้วครับ   เรียบเรียงโดย Thaijobsgov ข้อมูลจาก www.nhlbi.nih.gov/health/health-topics/topics/broken-heart-syndrome  […]

ท้องลายและผิวแตกลายงารักษาได้สุดง่าย!!!

การแตกลายงาบนผิวหนังนั้นเกิดจากมีการยืดของผิวหนังอย่างต่อเนื่อง มีทั้งที่พบได้ในบุคคลทั่วไปและในคนที่ตั้งครรภ์, ให้นมบุตร, มีสภาวะอ้วนขึ้นอย่างรวดเร็ว, ในวัยรุ่น (อยู่ในช่วงอายุ 9-13 ปี) ที่มีการเปลี่ยนแปลงของการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว  การแตกลายงา ไม่ได้เกิดที่บริเวณท้องเท่านั้นนะครับ ยังพบได้ที่เต้านม, ก้น, ต้นขาด้านบนทั้งด้านในและด้านนอก, บริเวณขาหนีบ, เข่าและข้อศอก เริ่มแรกจะมีลักษณะเป็นรอยนูนเป็นเส้น ๆ สีชมพู, ม่วง และเมื่อเวลาผ่านไป จะมีสีซีดลงและบุ๋มลงไปเล็กน้อย ลักษณะผิวจะเป็นรอยย่นเป็นริ้วเล็ก ๆ ในคนผิวคล้ำจะเห็นรอยแตกได้ชัดกว่าคนผิวขาว วิธีรักษา คือ ในกรณีหญิงตั้งครรภ์ เมื่อคลอดบุตรและอาการจะดีขึ้นตามลำดับ แต่สามารถป้องกันด้วยการทาโลชั่นบำรุงผิวเป็นประจำ ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ก็จะทำให้มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยลง ส่วนในคนที่มีน้ำหนักตัวมากหรืออ้วน ถ้าลดน้ำหนักลงมารอยแตกลายงาก็จะน้อยลง และห้ามใช้ยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยเด็ดขาด ครีมโลชั่นหรือยาทาต้องประกอบด้วยอนุพันธ์ของกรดวิตามินเอ เช่น tretinoin ที่จะทำให้อาการของโรคนี้ดีขึ้น และควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็จะทำให้รูปร่างดีและแข็งแรง รอยแยกของผิวหนังก็จะไม่เกิดขึ้น   สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นคือการไม่ปล่อยให้ตนเองน้ำหนักขึ้นมากจนเกินไปและหมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอครับ เพียงเท่านี้ก็จะทำให้มีสุขภาพที่ดีห่างไกลจากอาการแตกลายงาบนผิวหนัง   เรียบเรียงโดย Thaijobsgov ข้อมูลจาก Dailynews ขอบคุณภาพจาก google.com [ads=center]

ลูกๆติดสมาร์ทโฟน 4 วิธีนี้ช่วยได้!

  หากลูกๆของคุณสามารถที่จะดูการ์ตูนหรือเล่นเกมส์บนสมาร์ทโฟนด้วยสายตาจับจ้องอยู่กับหน้าจอมือถือหรือแท็บเล็ตได้เป็นวัน ๆ โดยที่ไม่คิดจะทำกิจกรรมอย่างอื่นเลย นั่นแสดงว่า ลูกของคุณกำลังเสพติดการเล่นแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนแล้วหละครับ จะมีวิธีแยกลูกรักของคุณกับมือถือสมาร์ทโฟนได้อย่างไร วันนี้เรามารู้วิธีการกัน แต่ก่อนอื่นลองมาดูสัญญาณเตือนที่บอกว่าลูกของคุณกำลังติดสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต 1. เวลาที่จะให้ทำกิจกรรมอย่างอื่น จะเริ่มร้องไห้งอแงไม่อยากทำ 2.รู้สึกไม่ชอบไปโรงเรียนและแสดงออกว่าต้องการเล่นแท็บเล็ตอยู่บ้านหรือถ้าไปโรงเรียนก็จะขอนำแท็บเล็ตไปด้วย 3. สมาธิสั้นไม่อยู่นิ่ง มีสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตวางอยู่ข้างหน้าตลอดเวลาโดยไม่ห่างมือ    4 วิธีแก้ปัญหาลูกๆติดสมาร์ทโฟน สามารถทำได้ดังนี้ 1. เป็นแบบอย่างที่ดี เด็กจะซึมซับพฤติกรรมจากการสังเกตุ เมื่อลูกเห็นว่าพ่อแม่หยิบหนังสือที่เป็นประโยชน์มาอ่านมากกว่ากการเล่นสมาร์ทโฟนตลอดทั้งวัน ลูกก็ทำตาม ดังนั้นในช่วงเวลาที่เป็นเวลาของครอบครัว ควรนำเครื่องมือสื่อสารออกไปและใช้เวลาพูดคุยทำกิจกรรมร่วมกับลูก 2. ทำกิจกรรมร่วมกับลูก ส่งเสริมให้ลูกได้เล่นกีฬา เล่นดนตรี การเข้าร่วมชมรมศิลปะ โดยที่พ่อแม่มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมนั้นๆด้วย เช่น เล่นฟุตบอลกับลูก วาดรูปด้วยกัน ซึ่งนอกจากจะเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์แล้วก็ยังมีคุณค่ากว่าการปล่อยให้ลูกใช้เวลากับเล่นแท็บเล็ต สมาร์ทโฟนทั้งวันโดยไม่ได้อะไรเลย 3. ออกกฎของบ้านและกำหนดเวลาชัดเจน สร้างกฎระเบียบต่าง ๆ ภายในบ้านขึ้น โดยควรมีกฎชัดเจนว่าจะไม่เล่นแท็บเล็ตสมาร์ทโฟนในเวลาที่รับประทานข้าวร่วมกัน หรือฝึกให้เขาได้ว่างแผนล่วงหน้า เช่น ก่อนเวลาทานอาหารเย็นเราต้องเตือนลูกล่วงหน้าว่าจะถึงเวลาทานอาหารเย็นแล้วอีก 10 นาที ให้วางแท็บเล็ตลง การเตือนล่วงหน้าจะทำให้ลูกรู้จักการวางแผนและเรียนรู้การเคารพสิทธิส่วนบุคคลด้วย 4. ทำรหัสผ่าน เครื่องคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และ สมาร์ทโฟน ตั้งรหัสไว้เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ลูกเข้าไปเล่นหรือดาวน์โหลดโปรแกรมต่าง ๆ ได้ตามใจและควรตั้งคอมไว้ที่ที่พ่อแม่สามารถมองเห็นและสังเกตุลูกได้ตลอดเวลา    เพียงเท่านี้ก็จะสามารถช่วยพ่อและแม่เข้าไปแทรกตรงกลางระหว่างลูกและสมาร์ทโฟนเพื่อให้มีเวลาและใช้เวลาร่วมกันในครอบครัวมากขึ้นครับ   เรียบเรียงโดย Thaijobsgov […]

้เรอเหม็นเปรี้ยวแก้ได้ง่ายๆด้วยน้ำสมุนไพรสูตรโบราณ

อาการเรอเหม็นเปรี้ยวเกิดจากการกินอาหารที่มีรสจัด มีกากน้อย ย่อยยาก อาหารสุกๆ ดิบๆ หรือกินมา กินเร็วเกินไป เคี้ยวไม่ละเอียด หรือกลืนน้ำลายบ่อยๆ ทำให้ลมเข้ากระเพราะมากเกินไปหรือไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย เกิดความเครียดและกังวลทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานไม่สมบูรณ์ วันนี้เรามีวิธีการทำน้ำสมุนไพรสูตรโบราณง่ายๆที่วัตถุดิบสามารถหาซื้อได้ตามตลาดทั่วไปเพื่อนำมาดื่มแก้อาการเรอเหม็นเปรี้ยวครับ   ส่วนประกอบ : ขิงแก่ ข่าแก่ ตะไคร้ ใบสาระแหน่ น้ำมะกรูด น้ำมะนาว น้ำคั้นใบเตยหอม และน้ำเชื่อม ในสัดส่วนเท่าๆกัน  วิธีทำ : -ต้มขิง ข่า ตะไคร้ และใบสาระแหน่รวมกันใช้เวลาประมาณ 15 นาที -กรองเอาแต่น้ำแล้วทิ้งไว้ให้เย็น -เติมน้ำมะกรูด น้ำมะนาว น้ำคั้นใบเตยหอมและน้ำเชื่อมคนให้เข้ากัน  วิธีการดื่ม ให้ดื่มครั้งละ 1 แก้วหลังอาหารทันที เพื่อช่วยลดอาการเรอเหม็นเปรี้ยว   เรียบเรียงโดย Thaijobsgov ข้อมูลจาก cheewajit.com [ads=center]    

แค่ทำตามนี้ 7 วัน น้ำหนักก็ลดลงได้ถึงเกือบ 8 กิโล!!

หากคุณกำลังหาวิธีการลดความอ้วนอยู่ การอดข้าวหรือการรับประทานยาลดความอ้วนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดีและไม่ถูกต้องอย่างแน่นอนครับ วันนี้เราจะมาแนะนำวิธ๊การลดความอ้วนแบบที่เห็นผลและสามารถทำได้จริงภายใน 7 วัน!! เพียงแค่ปฏิบัติตามในแต่ละวันร่วมกับการออกกำลังกายดังต่อไปนี้ครับ   วันที่ 1 : รับประทานผลไม้สดในวันแรกเพือปรับสภาพของร่างกายด้วยผลไม้ โดยรับประทานผลไม้ประเภทแตงโมหรือแคนตาลูปพร้อมกับดื่มน้ำวันละ 8-12 แก้ว ไม่ควรที่จะทานอาหารประเภทอื่นๆอีกเลย งดอาหารทอดอย่างเด็ดขาด ถ้าคุณรู้สึกห้วก็ให้รับประทานผลไม้และดื่มน้ำให้มากขึ้น วันที่ 2 :ในวันที่2นี้คุณสามารถที่จะรับประทานอาหารประเภทผักได้อย่างเต็มที่ โดยที่ผักเหล่านั้นไม่ได้ผ่านการผัดหรือทอด สำหรับอาหารผักที่แนะนำได้แก่ ถั่ว แครอท แตงกวา ผักกาดหอม กระหล่ำปลี ผักกาด อาจจะใช้วิธีการต้มแล้วรับประทานกับน้ำจิ้มสุกี้และการดื่มน้ำให้มากขึ้นก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญ  วันที่ 3 : วันที่3นี้คุณสามารถที่จะรับประทานผักและผลไม้ได้ทั้งวันแตกงดการรับประทานผักและผลไม้ที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงเช่น มันฝรั่งและกล้วยหอม แผนการอาหารของวันนี้เริ่มต้นด้วยการทานผลไม้เป็นอาหารเช้า ผักในมื้อเที่ยง ผลไม้ในมื้อเย็น และผักผลไม้ในมื้อดึกอีกครั้ง และอย่าลืมดื่มน้ำมากๆด้วย วันที่ 4 : กล้วยและนม คุณสามารถเตรียมกล้วยจำนวน 8-10 ลูก และนมอีก 3 แก้วสำหรับรับประทานในทั้งวัน ในช่วงวันนี้อาจจะรู้สึกหิวจนไส้กิ่วแต่ถ้าจัดสรรอาหารให้ดีก็สามารถทำให้อยู่ได้ทั้งวัน   วันที่ 5 : ในที่สุด!! วันนี้คุณก็สามารถทานข้าวได้ 1 จาน ในมื้อกลางวัน และมะเขือเทศสดจำนวนประมาณ 7-8 ผล ในวันนี้ร่างกายของคุณมีโอกาสที่จะผลิตกรดยูริคเป็นจำนวนมากจึงทำให้ต้องดื่มน้ำในปริมาณที่มากขึ้นประมาณ 12-15 แก้ว วันที่ 6 : สามารถทานข้าวกลางวันเป็นข้าวได้หนึ่งจาน ส่วนมื้ออื่นๆให้เน้นผักเป็นหลักเช่นเดิมและดื่มมากให้มากเพื่อลดอาการหิว  […]

1 2,976 2,977 2,978 2,983
error: