กินผัก 1 ถ้วย…..ก่อน 10 โมงช่วยผอมลงได้

Advertisement หลายๆคนยังสรรหาวิธีการสำหรับการลดน้ำหนัก แต่ยังมีอีกทางเลือกหนึ่งในการควบคุมน้ำหนักได้ นั่นคือ การรู้จักฮอร์โมนผอม!! Advertisement          ฮอร์โมนไม่ใช่เพียงสารเคมีจากต่อมไร้ท่อที่คอยควบคุมการทำงานของร่างกายให้สมดุลเท่านั้น มันยังเกี่ยวข้องกับน้ำหนักตัวของเราตั้งแต่ความรู้สึกหิวจนถึงกระบวนการสะสมไขมัน   ฮอร์โมนชนิดนี้ได้แก่       [ads]   เลปติน: ฮอร์โมนความหิว Advertisement      เลปตินเป็นหนึ่งในฮอร์โมนที่ผลิตจากเซลล์ไขมัน ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมความอยากอาหาร นักวิจัยพบว่า คนที่มีไขมันส่วนเกินในร่างกายมีสิทธิเผชิญภาวะต้านฮอร์โมนเลปตินซึ่งสมองจะไม่ตอบสนองต่อเลปตินแม้มันจะหลั่งออกมามากก็ตาม จนปัจจุบันยังคงไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง แต่ทฤษฎีหนึ่งบ่งชี้ว่า เซลล์ไขมันผลิตสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบแล้วไปปิดกั้นการทำงานของเลปตินร่างกายก็เลยคิดว่ามันกำลังหิว ระบบเผาผลาญทำงานช้าลง ตลอดจนสมองจะส่งสัญญาณกระตุ้นให้คุณหิวและสวาปามได้ไม่ยั้ง โดยเฉพาะอาหารแคลอรีสูง          สก็อต ไอแซคส์(Scott Isaacs) แพทย์ด้านระบบต่อมไร้ท่อในแอตแลนต้า ค้นพบว่า คนที่กินผัก 1ถ้วย ก่อน 10 โมงเช้าทุกวันมีแนวโน้มกินน้อยลง รวมถึงไฟเบอร์และสารแอนตี้ออกซิแดนต์ที่ช่วยลดอาการอักเสบที่รบกวนการทำงานของเลปติน นั้นช่วยเพิ่มอัตราเผาผลาญไขมันและลดความรู้สึกอยากอาหารได้   [ads=center]

เตือน!!ฉี่โดยไม่รู้สึกปวดฉี่จริงๆส่งผลร้ายต่อสุขภาพ

นิสัยปวดนิดปวดหน่อยก็เข้าห้องน้ำ การเข้าห้องน้ำโดยที่ร่างกายไม่รู้สึกปวดฉี่จริงๆ หรือ ฉี่กะปริดกะปรอยนั้น…..คุณรู้หรือไม่?ว่าเป็นพฤติกรรมทำร้ายสุขภาพ         หากติดนิสัยเข้าห้องน้ำทั้งที่ไม่จำเป็น ทำให้ความสามารถในการควบคุมปัสสาวะของคุณจะยิ่งลดลง ยิ่งเข้าห้องน้ำทั้งที่ปัสสาวะยังไม่เต็มกระเพาะปัสสวะเป็นประจำ ร่างกายจะส่งสัญญาณให้คุณต้องเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้นทุกที และอาจเสี่ยงต่อ โรคกระเพาะปัสสาวะไวเกิน หรือ Over Active Bladder เรียกย่อๆ ว่า OAB     [ads]   ที่เป็นกลุ่มอาการของความผิดปกติของระบบปัสสาวะส่วนล่าง เป็นภาวะที่กระเพาะปัสสาวะบีบตัวมากเกินไป ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ บางคนเป็นมากต้องปัสสาวะ 2-3 ครั้งต่อชั่วโมง ยิ่งอยู่ในห้องแอร์เย็นๆ จะปัสสาวะบ่อยมากขึ้น และรู้สึกปวดปัสสาวะอย่างรุนแรง เวลาปวดจะกลั้นไม่ค่อยได้ต้องรีบเข้าห้องน้ำอย่างเร่งด่วน รวมทั้งต้องลุกขึ้นมาปัสสาวะตอนกลางคืนบ่อยๆ จนรบกวนการนอนหลับ บางครั้งอาจมีปัสสาวะเล็ด หรืออาจมีอาการเจ็บท้องน้อยร่วมด้วย อาการจะคล้ายๆ กับเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบธรรมดา แต่จะเป็นค่อนข้างเรื้อรังเป็นเวลานาน      ทั้งนี้โดยเฉลี่ยแล้วคนเราจะปัสสาวะเพียงไม่เกิน 7 ครั้งต่อวัน จึงจะไม่ส่งผลอันตรายต่อสุขภาพน่ะค่ะ   [ads=center]   Illustration  by: [online] www.wiki.openstreetmap.org [online] www.healthtap.com […]

เปิดกระเป๋ารับเงิน! สุดยอดฤกษ์ดี..เรียกทรัพย์ในรอบ 4 ปี

ในปีนี้จะมีฤกษ์ดีในทางโหราศาสตร์เรียกว่า “ฤกษ์รับทรัพย์” ซึ่งฤกษ์นี้จะมีทุก ๆ 4 ปี เป็นการเรียงตัวกันของธาตุดิน ในทางโหราศาสตร์ถือว่า เป็นวันที่ 'คลังสมบัติ' เปิดออกเต็มตัว ฤกษ์นี้เกิดขึ้นในวันที่ 19 เมษายน 58  เวลา 19.00 น. – 21.00 น. เป็นฤกษ์ดีโดดเด่นเรื่องการเงิน จึงเป็นฤกษ์มงคลในการขอเงินทองโชคลาภ     หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา หมอดูคนดัง ได้ให้คำแนะนำในวันที่มีฤกษ์รับทรัพย์ (เลือกทำ) ดังนี้   1. เปลี่ยนกระเป๋าสตางค์ใหม่ 2. เปิดร้าน, ตั้งพระ, ตั้งเจ้าที่ (ตี่จู่เอี้ย), ต่อเติมบ้านหรือที่ทำงาน, ติดป้าย     3. สวดมนต์ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระสีวลี, พระอุปคุต, พระสังกัจจายน์   ทั้งนี้มีคาถาเงินล้าน ของวัดท่าซุง ที่เป็นคาถาที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี มีความเชื่อกันว่าถ้าสวดคาถานี้เป็นประจำ […]

“ลดความอ้วน 20 กก. ภายใน 7 เดือน” ช้าแต่ชัวร์ เราทำได้ คุณก็ทำได้ !

แนะนำตัวกันหน่อย                 ชื่อ นิ่ม อายุ 27 ปี น้ำหนักปัจจุบัน 58  Kg. ส่วนสูง 160 Cm. เป็นคนรูปร่างอวบๆอยู่แล้ว น้ำหนักเกินเกณฑ์มาตั้งแต่เด็ก โดนล้อมาตลอดชีวิต เช่น อีอ้วน หมูตอน ฮิปโป ช้าง และวัตถุที่เป็นทรงกลมทุกอย่าง ก็จะโดนล้อมาตลอด (เจ็บปวด) ส่งผลให้เป็นคนขาดความเชื่อมั่นในตัวเองสุดๆ ฮืออ… แรงบันดาลใจให้ลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเอง          ปกติน้ำหนักจะอยู่ที่ประมาณ ไม่เกิน 65 Kg. (ก็อ้วนแหล่ะ) แต่มีช่วงปี 56-57 แบบว่ามีความสุข ปล่อยปละละเลยในการดูแลตัวเองและไม่ควบคุมการกิน ขนม ของหวาน จัดเต็ม         โอ้ววว  น้ำหนักพุ่งถึง 78 Kg. (กรี๊ด เกือบ 80+ หรืออาจจะมากกว่านั้นด้วย) ตายๆๆ เสื้อผ้าคับหมด โดยทักตลอด อ้วนขึ้นจัง ไปทำอะไรมา อ้วนขนาดนี้ตัวจะแตกมั้ยเนี้ย (แรงเน๊าะ คนพูดก็ไม่คิดถึงจิตใจเราเลย) กลับบ้านต่างจังหวัด โดนญาติและคนใกล้ตัวทักอีกมากมาย เสียเซลฟ์ […]

ขาวด้วย เมาด้วย!!เบียร์ผสมคอลลาเจน

จะดีขนาดไหน?ถ้าสามารถดื่มเบียร์แล้วทำให้ผิวสวยขึ้น ล่าสุดบริษัทซันโทรี่ ผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอร์รายใหญ่ของญี่ปุ่น นำเสนอ “เบียร์คอลลาเจน” สารอาหารที่เชื่อกันว่าช่วยให้ผิวขาวสวย       โดย คอลลาเจนเป็นโปรตีนโครงสร้างหลักในเนื้อเยื่อในสัตว์ ที่ทำให้กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่นและแข็งแรง มีการใช้คอลลาเจนในการศัลยกรรมฟื้นฟูผู้ป่วยแผลไหม้เพื่อสร้างกระดูกใหม่ รวมทั้งใช้ในการทันตกรรม, ศัลยกรรมกระดูกและอื่นๆ   [ads]              เบียร์ผสมคอลลาเจนนี้  เป็น ผลิตภัณฑ์ล่าสุดจากซันโทรี่ภายใต้ชื่อว่า “Precious” เริ่มจำหน่ายเมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมาโดยตั้งเป้าหมายจับตลาดผู้หญิง โดยเป็นไลท์เบียร์แคลอรี่ต่ำ มีแอลกอฮอร์ 5% และมีคอลลาเจนผสมอยู่ 2,000 มิลลิกรัมต่อกระป๋อง                 อย่างไรก็ตาม เบียร์ผสมคอลลาเจน “Precious” จะทดลองจำหน่ายเฉพาะในเกาะฮอกไกโดก่อน โดยหากได้รับการตอบรับที่ดีจึงจะขยายตลาดไปวางจำหน่ายทั่วประเทศญี่ปุ่นต่อไป   [ads=center]   Referent [online]www.brookstonbeerbulletin.com [online] www.manager.co.th

ทฤษฎีนิสัยใน 21 วัน

Dr. Maxwell Maltz ได้เขียนบทความลงในหนังสือ Psycho-Cybernetics ที่ต่อมาได้รับการยอมรับและเป็นต้นฉบับของการนำไปใช้ประโยชน์ในสาขาจิตวิทยา และโปรแกรมการพัฒนาคนมาจนถึงทุกวันนี้   —————————–"21-Day Habit Theory"————————————   ทฤษฎีนิสัยใน 21 วัน มีสาระสำคัญของทฤษฎีนี้ ก็คือ เรื่องที่การกระทำจะ "ตกผลึก" กลายเป็น "นิสัย" ได้ต้องกระทำต่อเนื่องอย่างน้อยเป็นเวลา 21 วัน และหัวใจสำคัญในทฤษฎีนี้ คือภาพลักษณ์ของตัวตนในจิต (self image) เราต้องเชื่อว่าเราเป็นคนอย่างที่เราปรารถนาจะเป็นได้      เทคนิคง่ายๆ ในการทำตามทฤษฎีนี้ คือใช้เวลาอย่างน้อย 15 นาทีต่อวัน ในการกระทำที่เสริมสร้างนิสัยที่ต้องการ และทำต่อเนื่องจริงจังทุกวันเป็นเวลา 21 วัน  จะเป็นนิสัยแบบใดก็ได้ ตั้งแต่เรื่องของสุขภาพ เช่น การออกกำลังกาย ไปจนถึงเรื่องทัศนคติเช่นการปรับเปลียนการเรียนรู้และมุมมอง การนำเอาประสาทสัมผัสหลากหลายมาร่วมด้วย จะทำให้บรรลุผลได้ดียิ่งขึ้นด้วย       [ads]    ตัวอย่างเช่น ถ้าเราต้องการสร้างนิสัยการนั่งสมาธิ นอกจากการที่เราเอาใจจดจ่อแน่วแน่ในการทำสมาธิ ปราศจากความเร่งรีบหรือกังวล เราสามารถเสริมสร้างนิสัยการทำสมาธินี้ให้แข็งแกร่งขึ้นได้อีกในช่วง […]

ทำสีผมอ่อน ช่วยหน้าเด็กลงอย่างเร็ว

ปัจจุบันมีแฟชั่นสีผมให้เลือกอย่างหลากหลาย !! วันนี้มีเคล็ดลับการเลือกสีสันเส้นผม เพื่อขับเน้นใบหน้าให้โดดเด่นและเสริมบุคลิกให้ดูดี แถมช่วยให้หน้าเด็กลงด้วย   ริต้า ฮาซาล (Rita Hazan) ช่างผมในนิวยอร์กผู้ดูแลผมให้เจนนิเฟอร์ โลเปซ อธิบายว่า ผมสีเข้มตามธรรมชาติที่อ่อนลงจะทำให้ผิวไม่โทรม ทั้งยังกระจ่างมากขึ้น  ฮาซานกล่าวว่า “ตอนเขาเจอหน้าเจโลครั้งแรก ผมเธอสีเข้มมาก ฉันอยากให้เธอดูปิ๊งปั๊ง เลยจับเธอทำไฮไลต์สีน้ำผึ้ง”    ริต้า ฮาซาล (Rita Hazan)   เจนนิเฟอร์ โลเปซ(Jennifer lopez)   สอดคล้องกับไมเคิล คาเนล (Michael Canale) ช่างทำสีผมระดับท็อปก็ใช้กลวิธีเดียวกันนี้กับเจนนิเฟอร์ อนิสตัน “เรากัดสีผมของเจนนิเฟอร์ให้อ่อนกว่าสีบลอนด์ธรรมชาติของเธอ โดยใช้สีเบบี้     บลอนด์ ซึ่งสว่างกว่าเดิมครับ พอเราอายุมากขึ้นผิวจะเริ่มซีด ถ้าอยากดูเด็กกว่าวัยต้องทำผมสีเดียวกับสมัยเด็กๆ ขับให้ผิวหน้าสว่างและเด็กขึ้นอย่างรวดเร็ว”   ….. เท่านี้ก็รู้เคล็ดลับเกี่ยวกับการเลือกสีผมของช่างผมระดับอาชีพให้ดูอ่อนเยาว์ และใบหน้าไม่หมองคล้ำแล้วน่ะค่ะ   [ads=center]   Illustration by: [online] […]

รวยด้วยเทคนิค “วันไม่ซื้อ”

หลายคนคงเคยเป็นกันไหม? ที่เมื่อช็อปจนลืมโลกกันแล้ว พอกลับมาถึงบ้าน ความรู้สึกดีๆ ที่ลอยมาจากห้างก็เริ่มจืดจางลงไปตั้งครึ่ง และเมื่อหลังจากหยิบข้าวของที่ซื้อมาลูบคลำ สักครู่ ความรู้สึกดีๆก็ไม่อยู่กับคุณอีกต่อไป ไม่ช้าคุณก็จะรู้สึกเซงๆ(เหมือนเดิม) ไม่ใช่คุณคนเดียวที่ใช้จ่ายเพื่อความรู้สึกดีๆที่เลือนหายไปเร็ว ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ “เสพติด” ความรื่นรมย์ของสังคม เช่น ร้านอาหาร ผับ บาร์ วันนี้คุณลองมานั่งทบทวนดูใหม่ ว่ามีสาเหตุอะไรบ้างที่คุณต้องแก้ได้ด้วยการใช้เงิน คุณรู้สึกต้อยต่ำ ไม่มีค่า ไม่เก่ง ไม่มีเสน่ห์ ไม่ทันสมัย หรือเปล่า ทุกครั้งที่คุณจ่ายเงิน คุณต้องการซื้ออะไร(ซื้อความโล่งใจหรือซื้อการยอมรับจากใครหรือเปล่า)     [ads]   หากคำตอบคือ เงินซื้อความรู้สึกดีในระยะยาวไม่ได้ สัปดาห์นี้คุณลองงดใช้เงินสักวันดีไหม?เปลี่ยนวันช็อปไม่ยั้ง ของคุณเป็น วันยั้งไม่ซื้อ กันดีกว่า….     ในรัฐแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ได้ถือกำเนิด “วันไม่ซื้อ” หรือ “Buy Nothing Day” ขึ้นโดยอดีตนักโฆษณา ในเมืองไทยก็เคยมีการจัดกิจกรรมรณรงค์เล็กๆ “สัปดาห์ไม่ซื้อ”มาแล้ว คำว่าไม่ซื้อ ไม่ได้แปลว่าไม่ซื้ออะไรเลย แต่หมายถึงการคิดก่อนซื้อ ว่าสิ่งที่ซื้อนั้นส่งผลกระทบต่อตนเองหรือคนรอบข้าง หรือสิ่งแวดล้อม […]

เรื่องจริงที่หนุ่มๆ ต้องทำใจ “หากคุณให้ผู้หญิงย้ายมาอยู่ร่วมห้อง”

15 เรื่องจริงที่หนุ่มๆ ต้องทำใจ หากคุณให้ผู้หญิงย้ายมาอยู่ร่วมห้อง เรื่อง “อยู่ก่อนแต่ง” อาจจะกลายเป็นประเด็นเก่าเกินจะพูดถึงแล้วสำหรับสังคมไทยทุกวันนี้ เพราะไม่ว่าจะมีงานวิจัย คำเตือน หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับการใช้ชีวิตคู่ก่อนแต่งงาน สุดท้ายแล้วก็เป็นเรื่องของคนสองคนที่ต้องตกลงกันเองอยู่ดี ฉะนั้นงานนี้เราคงไม่บอกแล้วล่ะว่า การใช้ชีวิตแบบนี้มันดีหรือไม่อย่างไร แต่เอาเป็นเราลองไปดูรายละเอียดของการอยู่ร่วมกัน ที่หนุ่มๆ คงจะต้องทำใจไว้สักหน่อย ก่อนที่จะให้สาวๆ เข้ามาอยู่ร่วมชายคากับคุณแบบเต็มตัว     1. เส้นผมในห้องน้ำ ตามพื้น หรือบนที่นอนจะเพิ่มขึ้นจนคุณสามารถสังเกตได้   2. หากก่อนอยู่ด้วยกัน คุณคิดว่าพวกเธออาบน้ำนานมากแล้วล่ะก็ ตอนอยู่ด้วยกันคุณจะพบความจริงที่ว่า พวกเธอใช้เวลาอาบน้ำนานกว่าที่คิดเยอะ   3. หากคุณมีชั้นวางของในห้องน้ำ อย่าได้คิดจะแบ่งโซนชายหญิง เพราะสุดท้ายมันจะกลายเป็นของเธอทั้งหมด   4. อย่าอายหากก่อนหน้านี้คุณเคยกองเสื้อใส่แล้วไว้บนพื้น เพราะเธอก็มีโมเมนท์นั้นเหมือนกัน   5. อย่าแปลกใจถ้าคุณจะพบห่อผ้าอนามัยตามที่ต่างๆ นั่นก็เพื่อความสะดวกในการหยิบใช้ของพวกเธอ   6. จงทำใจให้เร็วที่สุด เพราะเมื่อไหร่ที่คุณได้อยู่ด้วยกัน อารมณ์ในวันแดงเดือดจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเป็นสองเท่า   7. เตรียมงบฯเพิ่มเติมสำหรับซื้อกระดาษชำระ เพราะเธอจะใช้มันมากกว่าที่คุณคิด   8. […]

ฟังเพลงนานเกิน 1 ชม. เสี่ยงหูดับ!

ปัจจุบันวัยรุ่นและผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อยมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียการได้ยินแบบถาวร เนื่องจากฟังเพลงนานและดังเกินไป โดยเฉพาะเสียงเพลงจากเครื่องเล่นเพลงต่าง ๆ ตามคอนเสิร์ต หรือตามสถานบันเทิงนั้นถือว่ามีอันตรายต่อประสิทธิภาพของการได้ยินมาก         รายงานจากองค์การอนามัยโลกยังระบุด้วยว่ากลุ่มคนอายุ 12-35 ปี สูญเสียการได้ยินไปแล้ว 43 ล้านคน และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และ 50% ของคนกลุ่มนี้อยู่ในประเทศฐานะปานกลางถึงร่ำรวย ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับพวกเขามาจากระดับเสียงที่ไม่ปลอดภัยจากเครื่องฟังส่วนบุคคล รองลงมาคือระดับเสียงที่เป็นอันตรายในสถานบันเทิง   [ads]       โดยเสียงที่เป็นอันตราย หมายถึง เสียงที่ดังเกิน 85 เดซิเบลเอที่ทุกความถี่ ซึ่งสามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพทางกายและจิตใจ ระดับเสียงในการฟังเพลงที่ปลอดภัยนั้นไม่ควรเกิน 60% ของระดับเสียงสูงสุด และควรใส่ที่อุดหูเวลาอยู่ตามสถานที่ที่มีเสียงดังเกินไป เช่น ตามงานคอนเสิร์ต นอกจากนี้ไม่ควรฟังเพลงนานเกินไป คร่าวๆไม่เกิน 1 ชั่วโมง ควรให้หูได้พักการฟังบ้าง และอย่ายืนใกล้ลำโพงมากจนเกินไป   [ads=center]   Illustration  by: [online] www.hrpdc.org [online]www.tonedeaf.com.au

1 622 623 624 704
error: