สาระน่ารู้

Advertisement ต้องระวัง ! "ปวดท้องเมนส์” อันตรายกว่าที่คิด Advertisement เรื่องของประจำเดือนจึงเป็นสิ่งที่ผู้หญิงหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งอาการปวดประจำเดือนที่จะมากหรือน้อยก็ต้องหมั่นสังเกตดีๆ ว่าเป็นภาวะทั่วไป หรือผิดปกติหรือไม่ ซึ่ง พญ.จูลี หวัง สูติ-นรีแพทย์ โรงพยาบาลเวชธานีได้อธิบายถึงเรื่องนี้ว่า การปวดท้องประจำเดือนมีอยู่ 2 กลุ่มคือ "เป็นโรค" กับ "ไม่เป็นโรค" [ads] 1. การปวดท้องประจำเดือนแบบไม่เป็นโรค จะปวดท้องรอบเดือนใน1-2วันแรกของรอบเดือนเท่านั้นปวดแบบทนได้ไม่ต้องทานยาแก้ปวด สาเหตุเกิดจากการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อมดลูกเพื่อไม่ให้รอบเดือนมามากจนทำให้เกิดภาวะตกเลือด   2. การปวดท้องประจำเดือนแบบเป็นโรค จะปวดท้องประจำเดือนมากจนต้องทานยาแก้ปวด สังเกตได้จากการเพิ่มปริมาณของยา เช่น พาราเซตามอล 2 เม็ด เป็น 4 เม็ด หรือเปลี่ยนเป็นยา Ponstanอาการปวดจาก 2-3 วันกลายเป็นตลอดของช่วงรอบเดือน หรือ คนที่มีอาการหนักจะพบว่าปวดตลอดเวลาโดยไม่สัมพันธ์กับรอบเดือน คนไข้กลุ่มนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากสภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ นอกจากนี้ถ้าพบในอวัยวะภายในอุ้งเชิงกราน รังไข่ ปีกมดลูก จนกลายเป็นผังผืดในท้องก็อาจเป็นสาเหตุของการเกิด Chocolate Cyst,เนื้องอกในมดลูก และมดลูกโตมีผังผืดในมดลูก Advertisement   […]

9 อันตรายที่คนมองข้ามจากคราบหินปูน !   การดูแลความสวยงามของฟัน แสดงให้เห็นถึงความมีจิตสำนึกหรือความเอาใจใส่ในสุขภาพของร่างกายและปรารถนาจะเป็นที่รักของทุกๆคน ในแต่ละวัน ก่อน-หลังแปรงฟัน คุณเคยสังเกตุหรือไม่ว่า มีคราบขาวออกเหลืองหรือสีครีมที่เกาะที่ฟันบ้างหรือเปล่า เพราะหากทิ้งไว้นาน คราบเหล่านั้นจะเกาะติดแน่น ไม่สามารถเอาออกโดยการแปรงฟัน นี่แหละที่เรียกว่าหินปูน   [ads] หินปูนเกิดจากอะไร? เกิดจากคราบน้ำลาย เชื้อโรคต่างๆ สะสมและตกตะกอน การแปรงฟันหรือบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากก็ไม่สามารถกำจัดจุลินทรีย์พวกนี้ได้นะครับ เพราะฉะนั้นหลายๆคนต้องกำจัดหินปูนโดยการเข้าพบทันตแพทย์ เพื่อให้หมอฟันขูดหินปูนออกให้ ส่วนมากแล้วคราบหินปูนจะเกิดปริเวณซอกฟันระหว่างฟัน หรือเกิดที่โคนของฟันทุกซี่ได้ทั้งปากไม่เว้นแม้กระทั้งฟันปลอม ส่วนมากเกิดในซอกฟันด้านในเพราะฟันด้านหน้าเราแปรงฟันได้ถนัดทำให้ทำความสะอาดได้ดีกว่าซอกฟันด้านใน หากใครลองเอากระจกส่องฟันมากส่องดูอาจจะต้องตกใจกับหินปูนของเราเลยก็ได้ อันตรายจากหินปูน 1.ทำให้เลือดออกขณะแปรงฟัน เพราะบางคนอาจจะคิดว่ามีเศษอาหารติดซอกฟันทำให้พยายามแปรงฟันแรงๆ แต่หินปูนไม่สามารถใช้แปรงสีฟันเอาออกได้ จึงอาจจะเกิดการใช้แรงกดเกินไปจนเลือดออก 2. เหงือกบวม สืบเนื่องจากการแปรงฟันโดยเน้นแรงกดอาจจะทำให้เลือดออกแล้วเหงือกยังบวมอักเสบ หรือเป็นแผลซึ่งทำให้ยุ่งยากและทรมานกับการกินอาหารได้ครับ 3. ฟันเหลืองสุดๆ เนื่องจากเป็นแคลเซียมและจุลินทรีย์มาเคลือบผิวฟัน จึงเกิดการตกตะกอนเป็นสีเหลืองทำให้เสียบุคลิกภาพ 4. มีกลิ่นปาก เพราะคราบหินปูนก็มีแบคทีเรียจากขี้ฟันที่ทำให้มีกลิ่นปาก 5. เหงือกร่น เพราะหินปูนหากเกาะตัวกันใหญ่มากๆมันก็จะดันลงข้างล่าง ดันเหงือกของเราให้ถอยตัวลงไป 6.ฟันโยก ฟันเห่าง ถ้าหินปูนดันเหงือกลงมากๆ แล้วก็จะทำให้เหงือกยึดฟันได้น้อยเวลาเคี้ยวอาหารก็มีโอกาสเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่ฟันจะโยก และถ้าหินปูนใหญ่ขึ้นก็จะดันฟันข้างๆได้ทำให้ฟันห่างกัน 7. ฟันผุ เชื้อจุลินทรีย์ที่ย่อยอาหารแล้วปล่อยสารที่เป็นกรดออกมา […]

ทุกวันนี้ ภาวะความเหงา ถือเป็นปัญหาสุขภาพ และความเหงาทำให้เราอายุสั้นหรือทำให้เสียชีวิตเร็วกว่าปกติได้ แต่มีผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยบริกแฮมยังก์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ทีมีการเชื่อมโยงกันระหว่างโซเซียลมีเดียกับกลุ่มบุคคลที่ชอบอยู่คนเดียวระบุว่า การอยู่คนเดียวมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูง หลังทีมวิจัยทำการศึกษาความแตกต่างการอยู่คนเดียวกับการถูกโดดเดี่ยวจากสังคม      ทีมวิจัยพบว่า บุคคลที่รู้สึกโดดเดี่ยว รู้สึกเหงา หว้อแว้จิตใจ มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตร้อยละ 26 ขณะที่ บุคคลซึ่งไร้ปฏิสัมพันธ์กับสังคมเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากถึงร้อยละ 29 และผู้ที่ชอบอยู่คนเดียวเพราะคิดว่ามีความสุขมากกว่าแม้จะมีเพื่อนมากก็เสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากที่สุดถึงร้อยละ 32 [ads] โดยเหตุผลหลักของความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตข้างต้นล้วนเกิดจาก "การไร้ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม" อันเป็นผลมาจาก สื่อสังคมออนไลน์ที่ผู้คนมีปฏิสัมพันธ์ผ่านตัวอักษรมากกว่าการพูดคุยหรือพบปะทำให้คนเสี่ยงต่อการอยู่คนเดียวมากยิ่งขึ้น   ผู้วิจัยงานอธิบายว่า การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันมีส่วนช่วยในการผ่อนคลายความเครียดและลดแรงกดดัน ขณะเดียวกัน มันยังช่วยเสริมสร้างคุณค่าและความหมายในชีวิตได้ดีอีกด้วย ซึ่งจะทำให้คนเห็นคุณค่าและสามารถหลีกเลี่ยงการฆ่าตัวตายในที่สุด นอกจากนี้ ปัญหาดังกล่าวยังเป็นปัญหาด้านสุขภาพที่สำคัญในศตวรรษนี้ที่ต้องได้รับการแก้ไข ซึ่งการมีปฏิสัมพันธ์ผ่านการพูดคุยกับบุคคลต่างๆมากยิ่งขึ้นก็จะช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าวได้ดีที่สุด [ads=center]  

  เพื่อความสวยงามของตนเอง มนุษย์ก็ต้องแสวงหาสิ่งต่างๆรอบตัว มาเพิ่มเสริมแต่งให้ดูดีแม้เวลาจะเปลี่ยนแปลงไป     ในประเทศจีนสมัยโบราณได้มีการสกัดไขมันใต้ผิวหนังของม้า เรียกว่า น้ำมันม้า เพื่อใช้รักษาโรคต่างๆ ต่อมามีการเผยแพร่มายังเมืองฮกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ชาวบ้านที่มีอาชีพทำฟาร์มเลี้ยงม้า จะมีการสกัดน้ำมันม้ามาใช้เองในบ้าน แต่ต่อมาประมาณสี่สิบกว่าปีที่แล้วก็เริ่มมีการทำน้ำมันม้ามาขายอย่างจริงจังและพัฒนาสู่ความสวยความงามมากขึ้น   ในเรื่องของผิวพรรณ น้ำมันม้าช่วยให้ความชุ่มชื่น ลดการระคายเคือง ผิวเป็นขุย อักเสบ ทำให้ผิวเนียนนุ่ม ปกป้องผิวไม่ให้รับการทำลายจากรังสียูวี และลดริ้วรอยใช้ได้ทั่วร่างกาย เพราะคุณสมบัติซึมเข้าผิวได้เร็ว ไม่เหนียวเนอะหนะ เพราะไขมันใต้ผิวหนังของม้ามีสัดส่วนกรดไขมันและความสมดุลใกล้เคียงกับไขมันใต้ผิวหนังของคน จึงอ้างกันว่าค่อนข้างปลอดภัย อ่อนโยน ไม่เกิดการอุดตัน ใช้ได้ในคนที่แพ้ง่ายและเด็กด้วย[ads] น้ำมันม้า ช่วยเสริมการไหลเวียนเลือดและระบบเผาผลาญในร่างกาย ทำให้กำจัดของเสียได้ ผิวจึงดูอ่อนเยาว์ ช่วยในเรื่องของผิวชรา นอกจากนี้น้ำมันม้ายังช่วยลดปวดกล้ามเนื้อ ช่วยไหล่ติดด้วย ในเมืองไทย น้ำมันม้าอาจไม่เป็นที่นิยมมากนัก ส่วนวิธีเลาะผิวหนังม้านำมาทำน้ำมันทาตัว แค่คิดจินตนาการก็สยองแล้ว  แต่ก็ถือว่าเป็นความรู้ที่นำมาแบ่งปันกันน่ะค่ะ [ads=center]

หินปูนก็คือแคลเซียมนั่นเอง  เกิดจากความผิดปกติของเกลือแร่ในร่างกาย ทำให้ไม่สามารถดูดซึมแคลเซียมได้ แต่กลับไปสะสมที่อวัยวะต่างๆ และอาจเกิดจากความเสื่อมตามธรรมชาติเมื่อมีอายุมากขึ้น ส่วนใหญ่พบในผู้สูงอายุที่เกิน 50 ปี โดยมีปัจจัยที่ทำให้เกิดเร็วขึ้น เช่น มีการอักเสบ แต่ส่วนน้อยที่จะเป็นเนื้องอกหรือเป็นมะเร็ง   หินปูนเกาะเต้านมจะสามารถมองเห็นได้ด้วยวิธีแมมโมแกรม(การตรวจเต้านมด้วยการเอกซเรย์) การตรวจไม่เจ็บมาก แต่ไม่ได้สะดวกสบายเพราะต้องใช้เครื่องมือสองแผ่นกดเต้านมให้แบนและนิ่งในช่วงเอกซเรย์เพื่อไม่เห็นภาพได้ชัดเจน แต่ไม่แนะนำให้ตรวจโดยแมมโมแกรมในคนอายุน้อยกว่า 40 ปี เพราะเนื้อเต้านมจะแน่น อาจเกิดผลคลาดเคลื่อน และมีข้อห้ามในการตรวจของคนที่ตั้งครรภ์ เพราะไม่มีข้อมูลยืนยันถึงความปลอดภัยของทารกในครรภ์   ลักษณะของหินปูนในเต้านมเมื่อแมมโมแกรมจะพบ จุดสีขาวขนาดใหญ่กระจายอยู่ในเนื้อเต้านม ไม่มีอันตรายใด แต่หากพบหินปูนเกาะเต้านมที่มีขนาดเล็ก เป็นจุดเล็กๆสีขาวในเนื้อเต้านม หากมารวมตัวกันอาจเป็นสัญญาณว่ากำลังกลายเป็นมะเร็งได้ จึงควรพบแพทย์และตรวจทางพยาธิวิทยา   หินปูนไม่ได้เกาะเฉพาะเต้านม  แต่สามารถเกาะได้เกือบทุกอวัยวะทั่วร่างกาย เช่น กระดูก เส้นเอ็น เส้นประสาท เส้นเลือด ไต สมอง มดลุก แต่ไม่ได้เกิดอันตราย ส่วนใหญ่ตรวจพบโดยบังเอิญจากการเอกซเรย์ การมีหินปูนเกาะไม่เกี่ยวกับการกินนมหรือกินแคลเซียมเกินขนาดแต่อย่างใด   หากต้องการดูแลสุขภาพเต้านม นอกจากกินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอแล้ว อย่าลืมตรวจคลำเต้านมด้วยตนเองทุกเดือนด้วยน่ะค่ะ [ads] วิธีตรวจเต้านมด้วยตนเองจาก นพ. วัลลภ […]

  เคยสังเกตไหมว่า ทำไมคนบางคนยุงถึงชอบกัดเอ๊า…กัดเอา ในขณะที่บางคนยุงกัดน้อยกว่า พบว่าปัจจุบันในโลกนี้มียุงมากกว่า 3,500 สายพันธุ์ และยุงก็มีแนวโน้มที่จะ   ชอบกัดคนตัวโตมากกว่าตัวเล็ก เพราะคนตัวโตมีพื้นที่ผิวหนังมากกว่า ชอบกัดคนท้องมากกว่าคนไม่ท้อง เพราะคนท้องมีพื้นที่ผิวหนังมากขึ้น ตัวอุ่นหรือร้อนขึ้น และเหงื่อออกง่ายขึ้น ชอบกัดคนที่มีกลิ่นตัว กลิ่นเหงื่อ ยุงชอบกลิ่นตัวของคนบางคนและเลือกที่จะกัดก่อนคนอื่น ชอบกัดคนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์ทำให้อุณหภูมิที่ผิวหนังเพิ่มขึ้นและกลิ่นตัวแรงขึ้น [ads] อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าเหตุผลเหล่านี้จะใช้ได้กับทุกคน เพราะบางครั้งยุงก็เลือกกัดบางคนโดยหาสาเหตุไม่ได้เช่นกัน [ads=center]

       วันที่ 20 มี.ค.2015 มีปรากฏการณ์ “สุริยุปราคาเต็มดวง” เวลาประมาณ 17:10-17:13 น. ตามเวลาในประเทศไทย แต่ไม่สามารถสังเกตปรากฏการณ์ดังกล่าวได้ในไทย ซึ่งแนวการเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวงได้พาดผ่านทางตอนเหนือมหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรอาร์กติก ผ่านหมู่เกาะแฟโรของเดนมาร์ก และหมู่เกาะสฟาลบาร์ของนอร์เวย์ ส่วนบริเวณที่สามารถสังเกตเห็นปรากฏการณ์สุริยุปราคาบางส่วน ได้แก่ ทวีปยุโรป ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก ตอนเหนือของทวีปแอฟริกา และด้านตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปเอเชีย                เนื่องจากไม่สามารถสังเกตปรากฏการณ์ดังกล่าวได้จากเมืองไทย สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาาติ (สดร.) จึงส่งทีมไปศึกษาและเก็บข้อมูลปรากฏการณ์ ณ หมู่เกาะสฟาลบาร์ เมืองลองเยียร์เบียน ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการสังเกตสุริยุปราคาเต็มดวงในครั้งนี้ สามารถสังเกตคราสเต็มดวงได้นานถึง 2 นาที 28 วินาที พร้อมบันทึกภาพปรากฏการณ์กลับมาฝากคนไทย [ads] ภาพที่ 1 ภาพสุริยุปราคาเต็มดวงจากหมู่เกาะสฟาลบาร์ เมืองลองเยียร์เบียน ประเทศนอร์เวย์ เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2015 ( ภาพจากAFP PHOTO / NTB SCANPIX / HAAKON MOSVOLD LARSEN)   ภาพที่ […]

การปิดจอทีวีด้วยรีโมทที่แสนสะดวกสบายจนแทบไม่ต้องลุกเดินนั้น แต่รู้รึไม่ว่ามีผลต่อสุขภาพได้ด้วย เพราะในอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชนิด เช่น ทีวี โทรศัพท์มือถือ แทปแลต จะมีแสงสีขาว ที่มีลักษณะเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งส่งผลต่อสารเคมีในร่างกาย ที่เรียกว่า “เคมีง่วง”ที่จะทำให้เราหลับและมีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกาย แต่แสงสีขาวนี้จะไปรบกวน เคมีง่วง เหล่านี้ให้ไม่สามารถทำให้เราหลับสนิทได้[ads] การนอนหลับที่ดีที่สุดเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนและระบบเผาผลาญทำงานได้ดี คือการหลับลึก ทำได้โดยการหลับในที่มืดสนิทไม่มีแสงใดรบกวน แม้แต่แสงเล็กๆจากจอทีวีที่ถูกปิดด้วยรีโมทก็ยังมีผลต่อระบบเผาผลาญการทำงานของร่างกายได้เช่นกันพูดง่ายๆคือเมื่อมีแสงเข้ามา ไม่ว่าแสงจากหน้าจอหรือแสงจากเครื่องใช้ไฟฟ้าอาจทำให้รบกวนในเรื่องการเผาผลาญของร่างกายให้ทำงานได้ลดลง [ads=center]  

 ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว คำกล่าวนี้ไม่เคยล้าสมัยแม้แต่น้อย ล่าสุดมีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเยล ประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่า กลุ่มคนที่มีทัศนคติและการปฏิบัติต่อผู้ที่มีน้ำหนักเกินไม่เหมาะสมในแง่ร้าย เช่นมองว่าคนอ้วนเป็นขี้เกียจ  มีโอกาสเลิกออกกำลังกายมากกว่า กลุ่มคนที่เชื่อมั่นในการออกกำลังกายในโปรแกรมลดน้ำหนักให้สำเร็จ ทีมวิจัยอธิบายว่า เมื่อพวกเขารู้สึกแย่กับตัวเอง จะนำมุมมองหรือความคิดลบที่ได้ยินได้ฟังมาบั่นทอนความเชื่อมั่นของตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย [ads] แทนที่จะยอมจำนนต่อคำพูดหรือคำวิจารณ์จากผู้อื่น ลองหันมาปรับปรุงตัวเองให้ฟิตและสดใสกว่าเดิมจะดีกว่าค่ะ [ads=center]