วิจัย ชี้ คนไทยใช้เวลาบน Facebook เฉลี่ย 2 ชั่วโมง 35 นาที / วัน

Advertisement Facebook เผยผลวิจัยข้อมูลเชิงลึกภายใต้การดำเนินการสำรวจโดย TNS  เกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ Facebook ในประเทศไทย พบว่าคนไทยใช้เวลาบน  Facebook มากยิ่งขึ้น เข้าใช้งานจากสถานที่ต่างๆ หลากหลายขึ้นรวมถึงมีการใช้งานระหว่างกิจกรรมต่างๆ ตลอดทั้งวันเพิ่มมากขึ้น โดยเวลาที่ใช้บน Facebook   ในฐานะแพลตฟอร์มคู่ใจสำหรับการค้นหาสิ่งใหม่ๆ สูงกว่าเวลาในการบริโภคสื่ออื่นๆ ทั้งสื่อดิจิตอล นิตยสาร และโทรทัศน์       นอกจากนี้ ผลวิจัยสำคัญ  พบว่า   · คนไทยส่วนใหญ่ที่ร่วมตอบแบบสำรวจใช้ Facebook (ร้อยละ 96) มากกว่าเครือข่ายสังคมออนไลน์อื่นๆ     · ผู้ร่วมตอบแบบสำรวจยืนยันว่าพวกเขารู้สึกชอบที่จะติดต่อเพื่อนหรือคนรู้จักผ่าน Facebook มากกว่าการสื่อสารผ่านสื่อรูปแบบเดิมๆ และใช้เวลากับ Facebook โดยเฉลี่ย 2 ชั่วโมง 35 นาที ต่อวัน     ·  ร้อยละ 68 ของผู้ใช้คนไทยเห็นหรือค้นหาข้อมูลสินค้าบน Facebook […]

ต้องอ่าน ! หากอยากเป็น อ.มหาวิทยาลัย ข้อคิดเรื่องทุกข์ของ อ.มหาวิทยาลัยไทย

ต้องอ่าน ! หากอยากเป็น อ.มหาวิทยาลัย ข้อคิดเรื่องทุกข์ของ อ.มหาวิทยาลัยไทย เริ่มจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในปี พ.ศ. 2540 รัฐบาลมีนโยบายลดรายจ่าย จึงมีนโยบายให้ทุกมหาวิทยาลัยบรรจุตำแหน่งอาจารย์ในตำแหน่งพนักงานมหาวิทยาลัย โดยในปี พ.ศ. 2542 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้จัดจ้างพนักงาน ทดแทนอัตราข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย เพื่อรองรับการออกนอกระบบ โดยมีข้อตกลงว่า ให้อาจารย์มหาวิทยาลัยได้รับเงินเดือนในอัตราที่มากกว่าฐานเงินเดือนของข้าราชการในปัจจุบัน คือ เพิ่มขึ้น 1.7 เท่า โดยตัดสิทธิที่ข้าราชการแต่เดิมได้รับทั้งหมดออก เป็นแรงจูงใจเรื่องเงินเดือน ให้ใด้คนเก่งๆเข้ามาทำอาชีพนี้มากขึ้น ปัญหาคือ 15 ปีผ่านมาแล้ว มีบางมหาวิทยาลัยเท่านั้นที่ยอมออกนอกระบบเป็นพนักงานฯกัน 100% ที่เหลือเกินครึ่งยังเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ มีข้าราชการผสมกับพนักงานมหาวิทยาลัยที่บรรจุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตลอดระยะเวลา 15 ปี ข้อตกลงในปี 2542 ก็ไม่ได้ปฏิบัติตาม ดังนั้น อาจารย์มหาวิทยาลัยยุคใหม่เก่งอย่างเดียวไม่พอ ผู้เขียนมีทัศนะอีกมุมนำเสนอว่า ท่านที่อยากมาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยต้องรับให้ได้ในสิ่งดังต่อไปนี้ ต้องรับให้ได้กับการถูกหักเงินเดือนหน้าตาเฉย แม้มติ ครม. ปี 2542 ระบุว่าท่านต้องได้รับเงินเดือน 1.7 เท่าของฐานเงินเดือนข้าราชการปัจจุบัน แต่ในความเป็นจริงกลับไม่ใช่แบบนั้น   เพราะนอกจากท่านจะรับเงินเดือนในฐานเก่าแล้ว มหาวิทยาลัยบางแห่งยังจะหักเงินเดือนของท่าน ตั้งแต่ 0.2 – […]

ลูกบอลจับโจร ! (ชมคลิป)

ลูกบอลจับโจร ! (ชมคลิป) เว็บไซต์ข่าวญี่ปุ่น “ร็อกเก็ตนิวส์24” รายงานจากประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ว่า “ลูกบอลจับโจร” หรือ Bohan Ball ยอดสิ่งประดิษฐ์ที่ร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน ไปรษณีย์หรือแม้กระทั่งเคาท์เตอร์ธนาคารต่างก็มีติดเอาไว้อย่างน้อย 2 ลูก เพื่อใช้จับขโมยที่มาปล้นทรัพย์สินของร้าน โดยลูกบอลจับโจรนี้จะมาในรูปแบบบอลน้ำสีแบบเรืองแสงหลากหลายสีสัน เช่น ส้ม ชมพู ฟ้า เขียวและแดง ที่จะเรืองแสงในที่มืด รวมทั้งมีกลิ่นแรงคล้ายกับสัปปะรดเน่า ซึ่งเป็นกลิ่นที่สุนัขตำรวจสามารถดมจนเจอต้นตอได้อย่างง่ายดายหรือที่เรียกว่า กลิ่นโจร   การใช้ลูกบอลเหล่านี้ ผู้ใช้เพียงแค่ขว้างให้ถูกหรือกระเซ็นโดนคนร้ายขณะวิ่งหนี โดยไม่จำเป็นต้องเข้าต่อสู้แย่งชิงทรัพย์สินให้ถูกทำร้ายกลับ กลิ่นและสารที่ผสมอยู่ในน้ำสีจะสามารถเป็นหลักฐานให้ตำรวจออกตามหาและเข้าจับกุมคนร้ายได้ถูกตัว ทั้งนี้ ลูกบอล 1 แพ็ค มีราคา 1,500 เยน (ประมาณ 461 บาท) และสีส้มจะเป็นสีที่ร้านค้าเลือกใช้มากที่สุด   นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังได้ประดิษฐ์ปืนที่ใช้ยิงลูกบอลเพื่อให้ได้ระยะไกลและแม่นยำมากยิ่งขึ้นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวไม่ได้ระบุอัตราความได้ผลของลูกบอลชนิดนี้ต่ออาชญากรรมที่เกิดขึ้น เรียบเรียงโดย  EDUZONES KNOWLEDGE ข้อมูล : […]

สวยงาม-เส้นทางรถไฟไทยที่ไม่ค่อยมีใครได้สัมผัส

สวยงาม-เส้นทางรถไฟไทยที่ไม่ค่อยมีใครได้สัมผัส ภาพรถขบวนรถไฟที่วิ่งอยู่ในสวนอุโมงค์ต้นไม้สีเขียวขจีที่ Eduzones นำมาฝากวันนี้ ไม่น่าเชื่อเลยใช่มั้ยคะว่าเป็นรถไฟไทย เพราะ รถไฟไทยในภาพความทรงจำของหลายๆคน อาจนึกไปถึงภาพของความเก่าๆโทรมๆ  แต่เมื่อได้เห็นภาพที่ชวนให้นักแบ็คแพคเกอร์อยากเก็บกระเป๋าโดดขึ้นรถไฟออกเดินทาง หรือไปถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ก็อาจแปลกใจ และอดสงสัยไม่ได้ว่า สถานที่นี้มีอยู่ในเมืองไทยด้วยหรือ? และอยู่ในเส้นทางใดของรถไฟไทย? ทางรถไฟเส้นดังกล่าวเป็นพื้นที่บริเวณเส้นทางสายมักกะสัน–แม่น้ำ–โรงกลั่น บางจาก ช่วงทางตัดถนน ณ ระนอง–ทางตัดเข้าท่าเรือคลองเตยใต้ทางด่วนเฉลิมมหานคร ช่วงต่างระดับคลองเตย จนถึงทางลงท่าเรือ หลังมีคนสามารถบันทึกภาพนี้ไว้ได้ ก่อนแชร์ลงเฟซบุ๊คเพจ "Rotfaithai Dot Com" จนได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นเส้นทางปริศนาที่ยังไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน ซึ่งเป็นเพราะเจ้าหน้าที่ยังไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าไปสัมผัสความงาม กันในตอนนี้ โดยไฮไลท์อยู่ที่ช่วงหน้าฝน ที่ต้นไม้จะเขียวสดใส และสวยงามมาก ทั้งนี้มีข้อสังเกตว่า เส้นทางดังกล่าวมีความคล้ายกับ "Tunnel of love" ทางรถไฟชื่อดังในประเทศยูเครน ซึ่งมีลักษณะเป็นอุโมงค์โพรงไม้ยาว 3 กิโลเมตร โดยแต่ละฤดูกาลก็จะให้สีสัน บรรยากาศ และให้อารมณ์ที่ต่างกันไป ทั้งใบไม้ผลิ หนาว จนเป็นอีกสถานที่ยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวมาถ่ายภาพเป็นที่ระลึก แม้กระทั่งคู่รัก คู่แต่งงานที่ชวนกันมาถ่ายภาพประทับใจสุดโรแมนติกกันที่นี่ ขณะเดียวกันมีหลายคนที่ออกมาบอกว่าเทคนิคการแต่งภาพก็มีส่วนไม่น้อย ที่ทำให้ภาพดังกล่าวดูสวยเกินจริง ซึ่งน่าสนใจทีเดียวว่า ตอนนี้รถไฟไทยมีโลเคชั่นขุมทรัพย์ที่จะต่อยอดไปแล้ว จะทิ้งไว้หรือพัฒนาต่อไปได้แบบไหน […]

7 สิ่งที่คุณควรเริ่มทำในการทำงานเพื่อสร้างโอกาสที่จะก้าวหน้า

เราพูดเรื่องการก้าวหน้าทางด้านการงานกันอยู่พอสมควรและเชื่อว่าหลายๆ คนเองก็อยากได้รับการเลื่อนขั้นหรือทำงานในตำแหน่งที่สูงขึ้น แต่ก็อีกนั่นแหละที่การเลื่อนขั้นไม่ได้เกิดขึ้นกันได้ง่ายๆ เพราะเราเองก็ต้องแข่งกับคนอื่นด้วยเหมือนกัน ไหนจะต้องทำให้หัวหน้าเห็นความสำคัญของเราอีก       มีหนังสือและบทความจำนวนมากที่พูดถึงการทำตัวเองให้เป็นที่เตะตาหรือทำให้คนอื่นในองค์กรรู้สึกประทับใจกับเรา บ้างก็ทำให้เราโดดเด่นจนมีโอกาสได้รับการปรับตำแหน่ง บ้างก็ให้โอกาสทำงานที่นำไปสู่ความสำเร็จ บล็อกวันนี้เลยขอเอาแนวคิดสำคัญๆ ที่น่าสนใจและเริ่มทำกันได้ง่ายๆ มาเล่าสู่กันฟังแล้วกันนะครับ   1. ทำในสิ่งที่คนอื่นไม่อยากทำ หรือเกี่ยงจะทำ   ถ้าคุณทำงานเหมือนกับที่ใครๆ เขาก็ทำกัน มันก็คงยากที่คุณจะโดดเด่นหรือแตกต่างจากคนอื่นเว้นเสียแต่ว่าคุณสามารถทำผลงานได้ดีเด่นเอามากๆ แต่ในทางกลับกัน ทุกออฟฟิศก็มักจะมีงานประเภทที่คนส่วนมากร้องยี้ บ้างก็แบบบ่นว่าอย่าเลย พยายามหาคนอื่นมาช่วยรับช่วงต่อ งานแบบนั้นแหละที่จะทำให้คนอื่นๆ มองคุณแตกต่างออกไป มันอาจจะฟังดูเหมือนคุณไปรับภาระที่คนอื่นไม่เอาอยู่ก็จริง แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ทำให้คุณได้มีโอกาสทำงานที่คนอื่นไม่ได้มีโอกาสทำ และนั่นคือส่วนที่ “แตกต่าง” ไปจากเดิมนั่นแหละ   2. มีไอเดีย แต่ไม่ใช่ว่ายึดติดกับตัวคุณเป็นสำคัญ   ทุกๆ คนล้วนมีไอเดีย และคุณเองก็อาจจะมีไอเดียที่ยอดเยี่ยมได้ แต่เมื่อเป็นเรื่องงาน สิ่งที่ควรให้ความสำคัญที่สุดคือไอเดียที่ทำให้งานสำเร็จ ฉะนั้นคุณควรเป็นคนที่ส่งเสริมและสนับสนุนไอเดียอะไรก็ได้ที่ทำให้งานสำเร็จ ไม่ใช่คิดแต่ว่าไอเดียของคุณดีที่สุด เยี่ยมที่สุด เพราะเมื่อคุณทำงานแล้วพร้อมจะโยนไอเดียของคุณทิ้งได้ทันทีเมื่อเพื่อนร่วมงานของคุณมีไอเดียที่ดีกว่า นั่นจะยิ่งทำให้คนอื่นๆ ให้ความเคารพคุณมากเสียกว่าการที่คุณดื้อดึงจะเอาไอเดียตัวเองให้ได้   3. หยุดเป็นส่วนหนึ่งของการซุบซิบนินทา   การนินทาเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในทุกๆ […]

น้ำมันหมู ดีกว่าน้ำมันพืชจริงหรือ ?

น้ำมันหมู ดีกว่าน้ำมันพืชจริงหรือ ?   จากกระแสในโลกออนไลน์ซึ่งมีการเผยแพร่คลิปข้อสงสัยเกี่ยวกับน้ำมันประกอบอาหาร ซึ่งให้ความเห็นว่า น้ำมันมะพร้าวและน้ำมันหมูดีต่อการบริโภคมากกว่าน้ำมันพืช และยังมีบทความจากหลายแหล่งออกมาโต้แย้งทฤษฎีเก่าเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้น้ำมันพืชประกอบอาหาร ซึ่งที่ผ่านมาคนไทยส่วนใหญ่มีความเชื่อกันมาตลอดว่า การบริโภคน้ำมันพืชดีกว่าการบริโภคน้ำมันหมู   หากย้อนกลับไปเมื่อ30กว่าปีก่อน น้ำมันที่ใช้ในการประกอบอาหารในครัวเรือนมีเพียงแค่น้ำมันหมูและน้ำมันมะพร้าวเท่านั้น ต่อมาเมื่ออุตสาหกรรมในการผลิตมีความก้าวหน้าก็มีการผลิตน้ำมันที่ใช้ประกอบอาหารจากพืชเพิ่มขึ้นมากมาย ซึ่งปัจจุบันทุกคนหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น จึงมีการถกเถียงกันต่างๆนานาเกี่ยวกับการเลือกใช้น้ำมันบริโภค เนื่องจากคนไทยนิยมรับประทานของผัดและของทอดมากขึ้น ทำให้ต้องรับประทานน้ำมันในปริมาณที่สูงขึ้นด้วย   จากเดิมมีการให้ข้อมูลในการเลือกใช้น้ำมันในการประกอบอาหารว่า น้ำมันพืชและน้ำมันสัตว์ มีความแตกต่างกัน คือ น้ำมันพืช (ยกเว้นน้ำมันมะพร้าวและน้ำมันเมล็ดปาล์ม) มีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าน้ำมันสัตว์ เพราะไม่ค่อยเป็นไข แต่จะทำปฎิกิริยากับความร้อนและออกซิเจนได้ง่าย ส่วนน้ำมันหมู มีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นกรดไขมันอิ่มตัว ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นไขได้ง่าย และยังมีโคเลสเตอรอลในเลือดสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเกิดโรคหลอดเลือดและโรคหัวใจ ทั้งยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา   ปัจจุบันมีทฤษฎีใหม่ออกมาโต้แย้งข้อมูลเก่า โดยให้เหตุผลว่าข้อมูลที่เข้าใจกันมานานนั้นเป็นข้อมูลที่ผิด น้ำมันพืชที่เราบริโภคอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่น้ำมันพืชที่ได้จากการสกัดแบบธรรมชาติ แต่เป็นน้ำมันพืชที่ผ่านกรรมวิธีทางเคมี โดยการเติมไฮโดรเจนเข้าไป ฟอกสีให้ดูสะอาด สดใส แวววาว พร้อมกับแต่งกลิ่น จึงเป็นโทษ ซึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะกลายเป็นกาวเหนียว ๆ เข้าไปเกาะเคลือบผนังลำคอ ลำไส้ กระเพาะ ทำให้ผนังลำไส้เล็กไม่สามารถดูดซึมสารอาหารต่างๆ ไปหล่อเลี้ยงร่างกายได้ อีกทั้งไขมันไม่อิ่มตัวในน้ำมันพืช หากใช้ทอดหรือผัดในอุณหภูมิที่สูงมากเกินไป […]

รู้หรือไม่!? ชื่อแบรนด์ขนม “กูลิโกะ” เกิดขึ้นมาจาก “หอยนางรม”

กูลิโกะ ชื่อนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก แบรนด์ขนมหวานชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่นที่มีมาอย่างช้านาน ไม่ว่าจะเป็น ป็อกกี้ เพรสท์ โคลลอน ไจแอนท์ และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ทุกคนคงไม่เชื่อแน่ๆ ว่าต้นกำเนิดของชื่อนี้มันมาจาก “หอยนางรม” (ห๊ะ!?) ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าเบื้องหลังของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของกูลิโกะนั้นมาจากบริษัท เอซากิ กูลิโกะ มาพร้อมกับปรัชญาที่ว่า “สุขสันต์แห่งชีวิตที่สุดแห่งรสชาติ” โดยมีนาย ริอิชิ เอซากิ (Ri-ichi Ezaki) เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทที่ประเทศญี่ปุ่น     จุดเริ่มต้นของตำนานขนมหวานชื่อดังทั้งหลายจากกูลิโกะ ก็เริ่มจากการที่ริอิชิได้เห็นชาวประมงทิ้งน้ำต้มหอยนางรมอยู่บ่อยครั้ง ทำให้เขาฉุกคิดได้ว่า น้ำต้มที่เททิ้งไปน่าจะมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์อยู่ จากนั้นก็ได้ส่งให้ทางมหาวิทยาลัยคิวชู อิมพีเรียล นำไปวิเคราะห์   แต่ผลการทดลองยังไม่ทันคืบหน้า ความโชคร้ายก็มาตกอยู่ที่ลูกของชายของริอิชิ ประสบกับโรคไทฟอยด์ ซึ่งในสมัยนั้นหมอยังไม่สามารถทำการรักษาได้ ดูท่าจะสิ้นหวังซะแล้ว แต่ทว่ายังพอมีทางออกเสมอ เขาก็ได้ขออนุญาตคุณหมอ ให้ลูกชายได้กิน Glycogen ที่สกัดออกมาจากหอยนางรม ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ผลอะไรเลย   ปรากฏว่าลูกชายของเขาหายดีเป็นปลิดทิ้ง ซึ่งสาร Glycogen ที่สะสมอยู่ในหอยนางรมเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากๆ เขาจึงมีความคิดว่าควรจะนำสาร Glycogen นี้มาให้เด็กๆ […]

รู้จัก หญ้ารีแพร์ สมุนไพรไทยสรรพคุณคืนความสาว

หญ้าฮี๋ยุ่ม หรือ หญ้ารีแพร์ กลายเป็นพืชที่ได้รับความสนใจขึ้นมาอย่างมาก หลังได้มีการนำเสนอในฐานะหญ้าตัวเด่นในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ซึ่งจะจัดขึ้นที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ในวันที่ 3-7 กันยายน 2557 หญ้าฮี๋ยุ่ม สรรพคุณเป็นอย่างไร วิธีการใช้ต้องทำอย่างไร มาไขความสงสัยไปกับการพูดคุยกับนายแพทย์ธวัชชัย กมลธรรม อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และเภสัชกรหญิงสุภาพร ปิติพร หัวหน้าเภสัชกร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ในรายการเจาะข่าวเด่น ที่ออกอากาศไปเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ที่ผ่านมา             หญ้าฮี๋ยุ่ม ตั้งท่าเป็นพืชนางเอกในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 11 ไปเสียแล้ว ซึ่งเป็นงานประจำปีของกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เพื่อเผยแพร่ความรู้การใช้แพทย์แผนไทยในการดูแลตัวเองแก่ประชาชน โดย นายแพทย์ธวัชชัย กล่าวว่า ในปีนี้สนับสนุนเรื่องการดูแลตัวเองของผู้หญิงเป็นพิเศษ จึงเน้นไปที่พืชสมุนไพรสำหรับผู้หญิง โดยมีหญ้าฮี๋ยุ่มเป็นตัวชูโรง ด้วยสรรพคุณเป็นพืชสมุนไพรที่ภูมิปัญญาไทยเลือกใช้ในการดูแลหญิงหลังคลอด ด้วยการนำไปอาบ อบ และกิน ช่วยทำให้ผิวพรรณกลับมาเปล่งปลั่ง มดลูกเข้าอู่ และบาดแผลหายเร็วขึ้น         […]

5 อาหารเช้าที่แย่ที่สุด

  1. หมูติดมันทอดกรอบ   หมูติดมันทอดกรอบพวกนี้ไม่ใช่อาหารที่อันตรายหากทานไม่บ่อย แต่ถ้าทานบ่อย ทำให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพในอนาคตได้ เพราะมีน้ำมันและไขมันเยอะ   2. แท่งธัญพืช   แน่นอนว่าธัญพืชเป็นอาหารที่มีประโยชน์ แต่แท่งธัญพืชเป็นอาหารที่ได้รับการแปรรูปจากผู้ผลิตมาแล้ว ผู้ผลิตอาจใส่น้ำตาลมากเกินไป ทำให้อ้วนได้   3. ปาท่องโก๋จิ้มนมข้นหวาน   ปาท่องโก๋ทำจากแป้งขัดขาว เป็นชนิดของแป้งที่เปลี่ยนเป็นน้ำตาลและเข้าสู่กระแสเลือดได้ไว แถมปาท่องโก๋นั้นทำด้วยวิธีทอดในน้ำมันกระทะใหญ่ ยิ่งส่งผลเสียเพิ่มขึ้นอีก   4. หมูปิ้ง   การทานหมูปิ้งคู่กับข้าวเหนียวไม่ใช่มื้อเช้าที่เลวร้าย แต่โดยมากหมูปิ้งที่ขายกัน มักมีส่วนที่ไหม้เยอะ  อาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงโรคมะเร็งได้   5. ขนมครก   ขนมครกเป็นอาหารโปรดยามเช้าของคนไทย แต่อย่าลืมว่าขนมครกนั้นเป็นของหวาน เพราะฉะนั้นหากทานแป็นอาหารเช้าย่อมได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน ถ้าจะทานควรทานเป็นของว่างในปริมาณไม่มากดีกว่า       ที่มา : smart sme

เตือน!! ระวัง! โรคเครียดจากมือถือ

หลายคนคงเคยมีอาการแบบนี้ ต้องเช็คเมล์ทันทีที่ตื่นนอนทั้งที่เป็นช่วงวันหยุดพักผ่อน กระวนกระวายใจหากต้องพักในโรงแรมที่ไม่มีไว-ไฟ หรือต้องไปติดอยู่ในสถานที่ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ และจะรู้สึกเครียดหากพบว่าแบตโทรศัพท์ใกล้จะหมดในขณะที่คุณอยู่นอกสำนักงาน นี่คือสัญญาณร้ายที่บ่งบอกว่าคุณกำลังจะกลายเป็นโรคเสพติดโทรศัพท์เข้าแล้ว   การติดโทรศัพท์มากเกินไปในสังคมยุคปัจจุบันได้สร้างปัญหาหลายประการแก่มนุษย์ แพทย์ชาวตะวันตกคนหนึ่งบอกว่า การเสพติดโทรศัพท์มือถือส่งผลเสียต่อร่างกาย การใช้มือถือตลอดเวลาโดยไม่เปิดโอกาสให้ร่างกายและสมองได้พักผ่อนจะทำให้คุณเกิดความเครียด และยิ่งเครียดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพทางร่างกายและจิตใจเท่านั้น ในรายงานระบุว่า ปัจจุบันร้อยละ 61 ของผู้ใหญ่ชาวอังกฤษมีโทรศัพท์มือถือส่วนตัว ขณะที่จำนวนผู้ใช้แท็บเล็ตในครัวเรือนเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วหนึ่งเท่าตัวเป็นร้อยละ 44 โดยทุกๆ ปีจะมีชาวอังกฤษประมาณ 400,000 คนเป็นโรคเครียดเกี่ยวกับการทำงาน และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด้านการใช้เทคโนโลยีของมนุษย์คือหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดกรณีดังกล่าว นอกจากปัญหาด้านสุขภาพแล้ว การเสพติดโทรศัพท์ยังส่งผลลบต่อความสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้าง โดยเฉพาะคนในครอบครัวและเพื่อนฝูง ล่าสุดนักพัฒนาแอพพลิเคชันรายหนึ่งปิ๊งไอเดีย พัฒนาแอพฯ ที่มีชื่อว่า โมเมนต์ ประโยชน์ของมันก็คือจะช่วยตรวจสอบว่าในแต่ละวันเราใช้โทรศัพท์มือถือมากน้อยเพียงใด และหากว่าเราใช้เกินความเหมาะสม ก็จะมีการแจ้งเตือนให้เราทราบ สำหรับวัตถุประสงค์ของการพัฒนาแอพฯ ดังกล่าวก็เพื่อรณรงค์ให้ทุกคนหันมาปรับสมดุลในการดำรงชีวิต ใช้เวลากับโทรศัพท์มือถืออย่างพอเหมาะ ใส่ใจครอบครัวและเพื่อนฝูงให้มากขึ้น เพราะนอกจากจะช่วยให้ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างดีขึ้นแล้ว ยังทำให้ร่างกายและจิตใจได้มีเวลาพักผ่อนอีกด้วย [ads=center] ที่มา : ทีมข่าวสปริงนิวส์

1 669 670 671 702
error: