มนุษย์เงินเดือนต้องอ่าน ! จริงหรือที่ว่า “กลับบ้านตรงเวลา=ไม่ทุ่มเทให้กับงาน ?”

Advertisement มนุษย์เงินเดือนต้องอ่าน ! จริงหรือที่ว่า “กลับบ้านตรงเวลา=ไม่ทุ่มเทให้กับงาน ?”   พนักงานที่ทำงานแล้วกลับบ้านดึก ๆ เป็นคนทุ่มเทให้กับงานจริงหรือครับ ? หัวหน้างานหลายคนมักจะนำเรื่องนี้มาเป็นเรื่องสำคัญในการพิจารณาช่วงขึ้นเงินเดือนประจำปี หรือจ่ายโบนัสเสียด้วยสิ หลักคิดก็ไม่ซับซ้อนอะไรมาก ใครกลับดึกคนนั้นอุทิศตัวให้กับงาน ใครกลับเร็ว (หมายถึงพอถึงเวลาเลิกงานแล้วสักพักก็กลับบ้าน ไม่ได้หมายถึงกลับก่อนเวลาเลิกงานนะครับ) ก็แสดงว่าคนคนนั้นไม่สู้งาน ไม่ขยัน ไม่ทุ่มเทให้กับงาน ฯลฯ แล้วแต่สารพัดข้อหาจะยัดเยียดให้ หัวหน้าหลายคนที่มีความคิดทำนองนี้มักจะเรียกลูกน้องประชุมช่วงใกล้ ๆ จะเลิกงานอยู่เป็นประจำเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกน้อง (บางคน) กลับบ้านเร็วเกินไป และการประชุมก็มักจะลากยาวไปจนค่ำ ๆ เสียด้วย Advertisement   ท่านเคยเจอหัวหน้างานทำนองนี้บ้างไหมครับ ? ผมว่าปัญหาทำนองนี้เป็นปัญหาในเรื่องของวิธีคิดแบบเชื่อมโยงตรรกะที่อาจจะจริง หรือไม่จริงก็ได้ ซึ่งความคิดทำนองนี้ก็เลยทำให้เกิดค่านิยมบางอย่างในตัวคนขึ้นมา ยิ่งถ้าคนคนนั้นได้เป็นหัวหน้า หรือเป็นผู้บริหารแล้วยังมีวิธีคิดแบบรวบยอดที่อาจจะไม่ถูกต้องทำนองนี้ ย่อมจะทำให้คนที่เป็นลูกน้องอึดอัดหาวเรอ เผลอ ๆ นั่งเซ็งกันได้เป็นธรรมดา ส่วนลูกน้องที่ “ทำงานเป็น” รู้ว่าหัวหน้าชอบคนกลับดึก ๆ ก็มักจะดึงเชิงในช่วงเวลางาน คือในชั่วโมงทำงานก็ทำแบบเนียน ๆ เรื่อย ๆ จะได้มีอะไรเอาไว้ทำตอนหลังเลิกงาน บางคนอาจจะคิดว่ากลับค่ำ ๆ ดึก […]

อึ้ง ! ข้าวมันไก่ 50 บาท ภาพโฆษณา VS ของจริง..

อึ้ง ! ข้าวมันไก่ 50 บาท ภาพโฆษณา VS ของจริง.. !! เดินจตุจักรวันนี้ฝนตกหนัก หิวมาก เลยหาร้านข้าวกินก็พบกับร้านนี้..ผมจึงสั่งข้าวมันไก่ไม่เอาหนังหนึ่งจานตามภาพ ซ้ายคือภาพโฆษณา + ป้ายราคา ครับ..พอสั่งมาก็ได้อย่างฝั่งขวา.. มีกระดูกด้วยนะฮือ T_Tหากภาพบนไม่ชัด _____________________________Update กรรม ผมก็ยังไปกินเนอะ เพื่อนผมบอกว่าร้านนี้เพิ่งดังในพันทิปไป“กินชามเดียว ไม่ขาย เกะกะ เปลืองที่ !” ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ ที่จตุจักรตอนกลางคืน” เหรอนี่… เพื่อนบอกhttp://pantip.com/topic/30824574   [ads=center]   ขอบคุณเนื้อหาจากสมาชิก pantip  : http://pantip.com/topic/32462496

จับคู่ ยา ตัวใดควร-ไม่ควร กินคู่กัน

จับคู่ ยา ตัวใดควร-ไม่ควร กินคู่กัน “นพ.กฤษดา ศิรามพุช, พบ.(จุฬาฯ) ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ” ได้มาแจกแจงคู่ยา มิตร-ศัตรู ให้เข้าใจกันชัดๆ เรียบร้อยแล้วดังนั้น ในเรื่องของโอสถรักษาโรคก็ย่อมต้องมีคู่แฝดของมัน ที่ต้องมีทั้งแฝดที่ดีและแฝดที่ร้ายคล้ายเทวากับซาตานซึ่งเคยมีกรณีที่ถึง แก่ชีวิตมาแล้ว ซึ่งโดยมากมักเกิดจาก ความไม่รู้ ในฤทธิ์อันไพศาลของยาแต่ละเม็ดที่กินอยู่ โดยเราจะค่อยมาดูกันไปทีละแฝด แฝดคู่ดี เสมือนคู่บุญยิ่งรู้จักกินให้เสริมกันก็จะยิ่งช่วยเสริมสุขภาพหรือทำ การรักษาโรคให้ท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น และที่จริงก็ควรกินคู่กันเสียด้วยเพราะเรื่องของ ยา อาหารเสริมนี้มีหลักคือทำ งานร่วมกัน โดยกลุ่มที่ควรกินร่วมกันช่วยเสริมให้ดีมีดังต่อไปนี้ 1) วิตามินซีกับคอลลาเจน จะช่วยกันสร้างเนื้อเยื่อใหม่ให้ใสปิ๊งปั๊งไม่เหี่ยวหย่อนย้อย 2) ธาตุเหล็กกับวิตามินซี กินธาตุเหล็กให้ดีดูดซึมเข้าไปใช้ได้ ไม่ใช่กินเข้าไปอย่างไรถ่ายออกมาหน้าตาเหมือนเดิมนั้น ต้องกินคู่กันอย่างเช่นถ้าจะกินเลือดหมูให้ได้ธาตุเหล็กก็ควรกินกับผักที่มี วิตามินซีสูงเช่นใบตำลึงก็จะดีไม่น้อย 3) แคลเซียมกับแมกนีเซียม แคลเซียมจะดูดซึมได้ดีต้องมี “ตัวช่วย” พามันเข้าไปได้แก่แมกนีเซียม, วิตามินดีและวิตามินเคด้วยซึ่งอยู่ในแสงแดดและผักเขียวจัดตามลำดับ 4) วิตามินเอ,ซีและอี พยายามกินไปด้วยกันเป็นดี หรือสูตรที่ดีคือกินซีเพียงตัวเดียวส่วนเอกับอีนั้นกินเอาจากผักคะน้าและ ถั่วลิสงสักวันลกำมือ 5) น้ำมันปลา(ไม่ใช่น้ำมันตับปลา)ขอให้เลือกชนิดที่มี ดีเอชเอคู่กับกับอีพีเอ ยิ่งมากหน่อยยิ่งดีอย่างน้อยกินให้ได้ค่า ดีเอชเอ+อีพีเอ = 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน โดยมีเคล็ดไว้ว่าถ้าอยากบำรุงสมองต้องเลือกชนิดที่มีดีเอชเอเด่น แต่ถ้าจะให้บำรุงส่วนอื่นเป็นหลักเช่นข้ออักเสบให้เลือกชนิดที่มีอีพีเอสูง ด้วย   แฝดคู่ร้าย แฝดตัวนี้ถือเป็นระดับ […]

22 ลิสต์ที่คุณควรจะมีให้กับตัวเอง(ได้แล้ว)

1.เมนู / สูตรอาหารที่คุณควรได้ลองทาน (คุณจะได้มีไอเดียๆ ในครั้งหน้าที่ลงมือเข้าครัว) 2.หนังที่คุณอยากดู (คุณจะได้ไม่พลาดหนังดีๆ ที่อาจจะเปลี่ยนชีวิตคุณ) 3.หนังสือที่คุณอยากอ่าน (คุณจะได้รู้ว่าคุณยังไม่อ่านอะไรดีๆ อีกบ้าง) 4.รายการทีวีที่คุณอยากดู (คุณจะได้นึกออกว่าคุณอาจจะพลาดอะไรไป) 5.ร้านอาหารที่คุณอยากไปลอง (คุณจะได้รู้ว่าคราวหน้าจะไปไหนดีเมื่อหิว) 6.สถานที่ที่คุณอยากจะไป (คุณจะได้รู้ว่ามีที่ไหนบ้างที่คุณควรไปเที่ยวเมื่อถึงวันหยุดครั้งหน้า) 7.เมืองหรือประเทศที่คุณอยากไปเที่ยว (ตามข้อข้างบน) 8.สถานที่ในประเทศ / จังหวัดของคุณที่น่าไป (ตามข้อข้างบนอีกเช่นกัน) 9.Password ของคุณ (คุณจะได้ไม่ลืม สับสน และหงุดหงิดเวลาจำไม่ได้) 10.รายการสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน (คุณจะได้วางแผนชีวิตให้เป็นระบบ) 11.รายการสิ่งที่คุณได้ทำไปแล้ว (คุณจะได้ทบทวนว่าคุณได้ทำอะไรสำเร็จไปแล้วบ้าง) 12.สิ่งที่คุณอยากทำก่อนตาย (คุณจะได้เห็นว่าชีวิตคุณยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะแยะ) 13.เป้าหมายระยะสั้น (คุณจะได้เห็นว่าคุณควรทำอะไรในเร็ววัน) 14.เป้าหมายระยะยาว (คุณจะได้รู้ว่าคุณจะต้องวางแผนอะไรเพื่อให้ไปถึงอนาคต) 15.โครงการ DIY (คุณจะได้มีไอเดียดีๆ ได้ลองลงมือทำ) 16.รายการการปรับปรุงบ้าน (คุณจะได้เริ่มให้ความสำคัญกับสถานที่ที่คุณใช้เวลามากที่สุด) 17.รายชื่อสิ่งของที่คุณควรซื้อ (คุณจะได้ระวังการใช้จ่ายให้เหมาะสม) 18.วันสำคัญๆ ที่คุณไม่ควรลืม (คุณจะได้ไม่พลาดวันสำคัญ) 19.เดดไลน์สำคัญต่างๆ ที่คุณห้ามลืม (คุณจะได้ไม่เดือดร้อนเวลาบางอย่างเกินกำหนด / หมดอายุ) 20.คำคมต่างๆ […]

อีวา โทกุริ หรือ Tokyo Rose

Tokyo Rose กุหลาบโตเกียว      อีวา โทกุริ หรือฉายาที่พันธมิตรตั้งให้ว่า "กุหลาบโตเกียว" อีวาทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่กระจายเสียงเป็นภาษาอังกฤษไปยังทหารสัมพันธมิตรเพื่อตัดขวัญกำลังใจ ทั้งเล่นดนตรีคันทรี่ เล่าเรื่องราวของบรรดาภรรยาทหารที่นั่งรอการกลับมาของสามี    ความจริงแล้วอีวาเป็นคนอเมริกันโดยกำเนิดแต่กลับมาดูแลป้าที่ญี่ปุ่นในปี 1941 เมื่อสงครามเริ่มต้นขึ้นทำให้เธอติดอยู่ที่ญี่ปุ่นและด้วยความต้องการเงินทำให้เธอวิ่งสมัครงานไปทั่วจนได้เข้าทำงานกับสถานีวิทยุกระจายเสียงโตเกียว    หลังสงครามจบอีวาถูกโดนสั่งจำคุก แต่ครั้งแรกก็หลุดออกมาเนื่องจากไม่มีหลักฐานเพียงพอ หลังจากเธอพยายามจะเดินทางกลับไปยังอเมริกา คดีก็โดนขุดขึ้นมาพิจารณาอีกรอบจึงโดนเข้าไปนอนในคุกอีก 6 ปี แต่ทว่าคดีกลับพลิกเมื่อพยานสำคัญที่ให้การใส่ร้ายเธอได้สารภาพว่าถูกบังคับให้ทำการปรักปรำอีวา    อีวาได้ชีวิตกลับคืนมาอีกครั้งและในปี 1977 ประธานาธิบดีเจอรัล ฟอร์ดได้ออกมาขอโทษเธอสำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้น อีวาใช้ชีวิตที่เหลือของเธอในอเมริกาและจากไปด้วยโรคชราในวัย 90 ปีในปี 2006 ที่ชิคาโก//@หมอยา    *หมายเหตุ "กุหลาบโตเกียว" นั้นความจริงแล้วเป็นชื่อเล่นที่ใช้กับเจ้าหน้าที่กระจายเสียงหญิงของญี่ปุ่น ไม่ได้เจาะจงกับเธอคนเดียว แต่เนื่องจากอีวานั้นเป็นคนที่ดังที่สุดจนทหารเอาไปเรียกกันจนติดปาก แท้จริงแล้วเธอใช้ชื่อในรายการว่า "ออร์แฟน แอน" ข้อมูล Pantip.com  

ดินสอกดแท่งแรกของโลก

ดินสอกดแท่งแรกของโลก    ขึ้นชื่อว่าประเทศญี่ปุ่น เราต้องยอมรับว่าเขาเป็นประเทศแห่งนักประดิษฐ์ … ซึ่งดินสอกดที่ใช้กันทุกวันนี้ก็เช่นกัน เพราะผู้ที่คิดค้นดินสอกดเป็นคนแรกนั่นคือ “โตกุจิ ฮายากาวา” เจ้าของธุรกิจโลหะในจังหวัดโตเกียว ปากกาดินสอกด หรือที่เราเรียกติดปากว่า ดินสอกดนั้น ถูกเผยแพร่เข้ามาในญี่ปุ่นช่วงปี ค.ศ. 1838 ซึ่งโตกุจิเองมีความสนใจในกลไกของการทำงานของดินสอกดสมัยนั้นเป็นอย่างมาก ซึ่งไส้ของดินสอที่ทำมาจากเซลลูลอยด์ มีขนาดใหญ่และหักง่าย เขาจึงได้คิดค้นและดีดแปลงปากกาดินสอให้มีขนาดเล็กลง และไม่ต้องเหลาดินสออีกต่อไป    หลังจากนั้นก็มีการก่อตั้งบริษัทจำหน่ายดินสอกดขึ้น โดยให้ชื่อว่า “Ever Sharp Pencil” ในปีค.ศ. 1912 แต่เนื่องด้วยสมัยนั้นคนญี่ปุ่นเองยังไม่คุ้นเคยกับสินค้าที่มาจากโลกตะวักตกมากนัก จึงไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร ซึ่งผิดกับชาวอเมริกา และยุโรป ที่นิยมมากจนผลิตแทบไม่ทัน [ads=center] หลังจากนั้นก็กลับมาได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศญี่ปุ่นในเวลาต่อมา แล้วจึงเปลี่ยนชื่อให้เรียกง่ายขึ้นว่า Sharp Pencil จนประสบความสำเร็จทั้งในและนอกประเทศในปี 1915 จนมาถึงปัจจุบันนั่นเอง   ข้อมูลจาก Together on Campus by True  

ทำป๊อปคอร์น กินเองที่บ้าน อร่อยและประหยัดสุดๆ !

ทำป๊อปคอร์น กินเองที่บ้าน อร่อยและประหยัดสุดๆ !   สิ่งที่ต้องเตรียม 1.เมล็ดข้าวโพด   มีขายตามซุปเปอร์ชั้นนำทั่วไป ยี่ห้อที่พบเห็นได้ทั่วไปคือ Brook กับอีกยี่ห้อ คือ McGarrett ราคาพอๆกัน ประมาณ 40 กว่าบาท จะเมล็ดข้าวโพดมาเกินครึ่งกิโลกรัมเลยทีเดียว 2.เนยเค็ม  แนะนำเนย “ออร์คิด” แต่ใช้ยี่ห้ออื่นแทนก็ได้ค่ะ 3.เกลือ หรือ ผงปรุงรสป๊อปคอร์นโดยเฉพาะ  แล้วแต่ความชอบและงบประมาณ ผงปรุงรสมีขายตามซุเปอร์มาร์เกตใหญ่ๆไฮโซทั่วไปค่ะ 4.ชามใส่ไมโครเวฟ แบบมีฝาปิด  จากภาพเป็นชามพลาสติกแบบมีฝาปิดใส่ไมโครเวฟได้ ซื้อจากโลตัส อันละ 99 บาท ขนาดกำลังดี ทำเสร็จยกไปเสิร์ฟได้เลย วิธีทำ 1.  เทเมล็ดข้าวโพดลงในชาม พอประมาณ ( เจ้าของสูตรบอกว่าในรูปนี่เยอะไปนิด ฮ่าา ) .. . 2.  เอาใส่ไมโครเวฟ สัก 2 นาที พอข้าวโพดเริ่มปุๆๆตอนสัก 1 นาที และจะปุๆต่อไปอย่างรุนแรงอีก 1 นาทีได้ พอเริ่มซาๆ มีจังหวะเงียบนี่ให้หยุดเลย อย่านานเกิน ไม่งั้นป๊อปคอร์นจะไหม้ค่ะ . 3. […]

เตือน ! เข้าร้านทำผมไม่เลือก อาจได้ของแถมเป็นเชื้อราเฉียดร้อยชนิด

เตือน ! เข้าร้านทำผมไม่เลือก อาจได้ของแถมเป็นเชื้อราเฉียดร้อยชนิด   นางอินจิรา นิยมธูร ผู้อำนวยการกองสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงผลการสุ่มตรวจสถานที่เสริมสวยหรือแต่งผมในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 1,854 แห่ง จากทั้งหมด 2,208 แห่ง พบว่า ในจำนวน 1,854 แห่งนี้ ผ่านเกณฑ์ 1,459 แห่ง หรือร้อยละ 79 ขณะที่มีร้านที่ไม่ผ่านเกณฑ์ จำนวน 395 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 21 โดยเกณฑ์ในการตรวจสอบนั้น จะพิจารณาจาก 1. สุขลักษณะของอาคารสถานที่ เช่น สภาพอาคาร การจัดแสงสว่าง การระบายอากาศ 2. สุขลักษณะของอุปกรณ์ ได้แก่ อ่างสระผม-เตียงสระผม น้ำดื่ม-น้ำใช้ เครื่องใช้ประเภทผ้า 3. ความสะอาดและความปลอดภัย เช่น การเก็บอุปกรณ์เครื่องใช้ การทำความสะอาดอุปกรณ์ การเลือกใช้เครื่องสำอาง การปฐมพยาบาล การป้องกันอุบัติเหตุ […]

ออกกำลังกายในออฟฟิส ด้วยวิธีง่ายๆ เพื่อสุขภาพที่ดี

ออกกำลังกายในออฟฟิส ด้วยวิธีง่ายๆ เพื่อสุขภาพที่ดี   ออกกำลังกายในออฟฟิส ด้วยการเคี้ยว ขณะที่กินอาจก็จัดระเบียบโดยขยับเหงือกเคี้ยวข้าวแต่ละคำอย่างน้อย 10 ครั้ง หรือจะเป็นหมากฝรั่งก็ได้ มันจะมีผลให้สมองได้บริหารเกิดการเผาผลาญแคลอรี่ ออกกำลังกายในออฟฟิส ด้วยการเดิน การเดินคือการออกกำลังที่ดีที่สุดจะเดินจากออฟฟิศไปทานข้าวหรือเดินไปถ่ายเอกสาร ขอให้ติดเครื่องนับก้าวไว้เพื่อจะได้กะจำนวนเดินที่ดีต่อสุขภาพได้ถูก โดยวันหนึ่งควรเดินให้ได้อย่างน้อย 1,000 ก้าว ออกกำลังกายในออฟฟิส ด้วยการเกร็ง นั่งทำงานนานๆ ไม่มีเวลาออกไปพักสายตาใช้วิธีการหลับตาแล้วเกร็งกล้ามเนื้อเป็นส่วนๆ เกร็งกล้ามต้นแขนนับ1ถึง10 จากนั้นเกร็งต้นขานับ1ถึง10 เช่นกันแล้วสลับกันเช่นนี้ หรือถ้าปวดต้นคอให้ใช้วิธีเกร็งหน้าต้านมือ ออกกำลังกายในออฟฟิส ด้วยการแกว่งแขน ให้แกว่งสบายๆ ข้างโต๊ะทำงานก็ได้ไม่ต้องแกว่งแรงให้แกว่งสักวันละ15นาที ออกกำลังกายในออฟฟิส ด้วยการหายใจ การฝึกออกกำลังโดยการหายใจจะช่วยล้างพิษได้ เป็นการออกกำลังกายง่ายๆ คือให้หายใจเข้าลึกจนรู้สึกปอดตึงเต็มที่่ก่อนที่จะค่อยๆ ผ่อนออกให้ช้าที่สุดนับเป็น 1 ครั้ง ทำประมาณ 15-20 ครั้งต่อ 1 ชม. [ads=center] ขอบคุณที่มาจาก : http://men.mthai.com/health-firm/53975.html

แนะนำวิธีห่อของแตกหักง่าย โดยไปรษณีย์ไทย

แนะนำวิธีห่อของแตกหักง่าย โดยไปรษณีย์ไทย ไปรษณีย์ไทย แนะนำวิธีห่อหุ้มสิ่งของที่แตกหักง่าย เพื่อช่วยให้สิ่งของไม่แตกหักเวลาส่งผ่านไปรษณีย์ พร้อมแนะทดสอบเขย่ากล่อง หากไม่ได้ยินเสียงภายในแปลว่าห่อแน่นแล้ว บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จัดทำคลิปแนะนำการห่อสิ่งของที่แตกหักง่าย ด้วยวิธีการดังนี้ เลือกกล่องพัสดุที่ขนาดพอดีกับสิ่งของ และกล่องขนาดใหญ่กว่าอีก 1 กล่อง จากนั้นให้ห่อหุ้มสิ่งของที่ต้องการด้วยโฟมแผ่น พลาสติกกันกระแทก เมื่อห่อเสร็จแล้วให้นำไปบรรจุลงกล่อง เสร็จแล้วให้ลองเขย่ากล่องดู หากได้ยินเสียงภายในกล่อง แสดงว่าภายในกรุไม่แน่น มีแนวโน้มที่ของจะแตกหัก ชำรุดเสียหายระหว่างการขนส่งได้ ควรลดช่องว่างภายในกล่องด้วยการใส่เศษกระดาษ แผ่นโฟม หรือพลาสติกกันกระแทก เพื่อลดช่องว่างภายในกล่อง จากนั้นปิดเทปกาวบนกล่องเป็นรูปตัว H จากนั้นติดวัสดุแข็งรูปตัว L บริเวณมุมกล่อง เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของกล่อง และนำไปกล่องไปซ้อนลงในกล่องใหญ่อีกครั้ง บริเวณช่องว่างระหว่างกล่องสองใบให้นำกระดาษหรือโฟมลงไปจนเต็ม เสร็จแล้วอย่าลืมเขียนป้าย หรือติดสติกเกอร์ข้อความ ‘ระวังแตก’ บนกล่องด้วย ลองทำไปทดลองปฎิบัติกันดูเวลาส่งพัสดุครั้งต่อไปสิ่งของภายในจะได้ไม่แตกหักเสียหาย [ads=center] ขอบคุณข้อมูลจาก VOICETV

1 673 674 675 702
error: