แนะนำ 17 วิธีประหยัดค่าอาหาร กินอิ่มท้องแต่มีเงินเหลือ

Advertisement แนะนำ 17 วิธีประหยัดค่าอาหาร กินอิ่มท้องแต่มีเงินเหลือ Advertisement วิธีประหยัดค่าอาหาร ลดค่าใช้จ่ายในเรื่องปากท้องในแต่ละวันอย่างง่าย ๆ วันนี้เรามีเคล็ดลับประหยัดค่าอาหารที่อยากให้ลองทำตามดูสักเดือนแล้วจะติดใจมาฝากกันด้วย ถ้าใครได้ลงบันทึกค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน อาจเห็นได้ชัดเจนเลยว่าค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เทน้ำหนักไปที่เรื่องอาหารการกินแทบทั้งสิ้น ยิ่งถ้าลองคำนวณดูยอดค่าใช้จ่ายส่วนนี้แล้วอาจมีอึ้งตอนสิ้นเดือนเลยก็ได้นะคะ เพราะบางทียอดสุทธิก็ปาเข้าไปเกินครึ่งของเงินเดือนเลยทีเดียว เอาล่ะ ! นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เรามาลดค่าใช้จ่ายค่าอาหารกันด้วยวิธีต่อไปนี้เลยดีกว่า 1.ใช้ประโยชน์จากคูปองลดราคาให้คุ้ม การแข่งขันทางตลาดที่สูงขึ้นทุกวันผลักดันให้ห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ออกโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้ากันเป็นว่าเล่น และที่เห็นบ่อยที่สุดก็คงไม่พ้นบรรดาคูปองลดราคาหรือเหล่าคูปองเงินสดที่สามารถนำไปซื้อสินค้าบริโภคอุปโภคได้ในราคาที่ประหยัดขึ้นอีกเยอะ ซึ่งก็เท่ากับว่าเราสามารถใช้คูปองที่ได้ไปซื้ออาหารสดและอาหารแห้งเก็บไว้รับประทานในราคาที่ถูกกว่าปกตินั่นเอง 2.อย่าลืมโปรโมชั่นบัตรเครดิต สำหรับคนที่ถือบัตรเครดิตของธนาคารต่าง ๆ อยู่ ลองติดตามโปรโมชั่นบัตรเครดิตประจำเดือนให้ดีสิคะ แล้วคุณจะรู้เลยว่าบัตรเครดิตคืนกำไรให้เราด้วยโปรโมชั่นร้านอาหารชั้นนำมากมายเลยทีเดียว ทว่าหากไม่จำเป็นต้องไปทานอาหารนอกบ้านหรือไม่มีงานมีตติ้งกับเพื่อน ก็ไม่ต้องใส่ใจโปรโมชั่นพาเสียเงินเหล่านี้ก็ได้ 3.ลิสต์รายการอาหารก่อนช้อป เพื่อป้องกันไม่ให้งบบานปลาย ก่อนออกไปตลาดหรือไปช้อปที่ห้างสรรพสินค้าทั่วไปแนะนำให้จดรายการของที่ต้องการซื้อให้ครบถ้วน แล้วซื้อของตามลิสต์ที่จดไว้อย่างเคร่งครัด ห้ามนอกลู่นอกทางไปซื้อของที่ไม่มีความจำเป็นต้องกินต้องใช้เด็ดขาดเลยเชียว 4.ห้ามใจให้ได้กับของลดราคา เคยไหมคะที่ต้องมานึกเสียดายเงินทีหลัง หลังจากเผลอตัวช้อปของลดราคามาซะแน่นรถเข็น ก็แหม…มันอดใจไม่ไหวกับของเซลส์จริง ๆ นี่นา แต่หากไม่อยากหมดเงินเกินความจำเป็นอีกต่อไป พยายามทำใจแข็งกับอาหารถูกและอาหารลดราคาดีกว่า 5.กินเท่าที่งบอำนวย ปากบางคนใหญ่กว่าท้อง แถมยังติดหรูชอบกินแต่อาหารมีแบรนด์ราคาแพงหูฉี่ซะด้วย แล้วสุดท้ายก็ต้องมานั่งกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตอนปลายเดือนเป็นประจำ แต่หากคุณไม่อยากเป็นยาจกตอนสิ้นเดือนอย่างนี้ ก็พยายามยังคับพฤติกรรมตัวเองให้กินอยู่แบบพอเพียงกับงบประมาณที่มีเถอะนะคะ 6.เลี่ยงไปตลาดเวลาหิว แม้จะเป็นการช้อปของกิน ซึ่งมักจะเก็บไว้นานไม่ได้ แต่เวลาหิวขึ้นมาเราก็เผลอซื้อของกินมากเกินความจุของกระเพาะซะทุกครั้งไป […]

ให้ความสำคัญกับวัณโรคดื้อยาอย่างรุนแรง

     เจมส์เป็นนักเรียนในช่วงปี 60 ช่วงเวลาของความวุ่นวายและการตั้งคำถามและโดยส่วนตัว ตอนนั้นเป็นช่วงที่อุดมคตินิยมตื่นตัวสงครามในเวียดนำกำลังลุกลาม การเคลื่อนไหวเรื่องสิทธิพลเมืองกำลังดำเนินไปและภาพถ่ายมีอิทธิพลอย่างมากกับเขา ผู้นำทางการเมืองและการทหารบอกอย่างหนึ่งแต่ช่างภาพบอกกับเขาอีกอย่างหนึ่ง      เขาเชื่อช่างภาพและคนอเมริกันอีกหลายล้านคนก็เช่นกันภาพของพวกเขาเติมพลัง ให้กับการต่อต้านสงครามและการเหยียดผิวพวกเขาไม่เพียงแต่จะบันทึกประวัติศาสตร์ พวกเขาช่วยเปลี่ยนลำดับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ภาพของพวกเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของความตระหนักรู้ร่วมกันของเขาทุกคนและเมื่อความตระหนักรู้ค่อยๆ พัฒนาไปเป็นจิตสาธารณะความเปลี่ยนแปลงไม่เพียงแค่เป็นไปได้เท่านั้น แต่เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้      มันสนับสนุนให้มนุษย์เผชิญกับประเด็น ซึ่งถ้ามองจากไกลๆ อาจดูเป็นเชิงทฤษฏี ความนึกคิดหรือเชิงอนุสรณ์ ในผลกระทบระดับโลกของมันสิ่งที่เกิดขึ้นที่ระดับล่าง ห่างไกลจากห้องแห่งอำนาจเกิดขึ้นกับประชาชนทั่วไปทีละคนและเขาเข้าใจว่าการถ่ายภาพเชิงสารคดีมีความสามารถที่จะแปลความหมายเหตุการณ์จากมุมมองของพวกเขามันมอบเสียงให้กับคน ที่ถ้าไม่มอบให้ก็จะไม่มีเสียง เขาได้โอกาสในการใช้การถ่ายภาพข่าวอย่างสร้างสรรค์และน่าตื่นตาตื่นใจในยุคดิจิตอลจากหลายๆประเทศเช่นแอฟริกาใต้ กัมพูชา สวาซิแลนด์ ประเทศไทยและอินเดียกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้และเชื้อโรคยุคเก่าๆในรูปแบบใหม่เช่น ไซบีเรีย เลโซโทและอีกหลายๆวัณโรค      วัณโรคป้องกันได้และรักษาได้ แต่มันกำลังกลายพันธุ์จากการบำบัดรักษาที่ไม่ดีพอ วัณโรดดื้อยาไม่มีวิธีการรักษาที่เชื่อถือได้ ผู้ป่วยมักจะเสียชีวิตภายในช่วงสัปดาห์ของการวินิจฉัย มีเพียง 49 ประเทศที่รายงานว่ามีวัณโรคดื้อยาขั้นรุนแรงซึ่งณโรคดื้อยาขั้นรุนแรงเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของประชากรโลกและเราสามารถหยุดมันได้ตอนนี้ พร้อมบอกต่อให้สังคมได้รับรู้โดยติดตามที่เว็บ XDRTB.org   อ้างอิง : ted.com                                                                                                         แปลและเรียบเรียงโดย Pongpol Puksai 

เชื่อหรือไม่ว่านี่คือหนอน ! (ชมภาพชุด)

ค้นหา ความรู้ทั่วโลก เพิ่มเติม ที่ > EDUZONES KNOWLEDGE สาระน่ารู้ ความรู้รอบตัวทั่วโลก เรื่องก่อนหน้า : แม่ม้าลายในไครเมียให้กำเนิดม้าลายลูกผสม เรื่องถัดไป : เทศบาลนิวเดลีเตรียมแผนฝึกสุนัขจรจัดเป็นสุนัขตำรวจ

เทศบาลนิวเดลีเตรียมแผนฝึกสุนัขจรจัดเป็นสุนัขตำรวจ

เทศบาลนิวเดลีเตรียมแผนฝึกสุนัขจรจัดเป็นสุนัขตำรวจ   เทศบาลกรุงนิวเดลีผุดแผนส่งสุนัขจรจัดในกรุงนิวเดลีเข้ารับการฝึกกับโรงเรียนฝึกสุนัขตำรวจเร็วๆนี้ เพื่อเปลี่ยนสุนัขจรจัดให้เป็นสุนัขตำรวจคอยดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่กรุงนิวเดลีแทน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่9ส.ค.ว่า เทศบาลกรุงนิวเดลีได้ทำการขอกำลังตำรวจฝึกสุนัขเข้าร่วมฝึกสุนัขจรจัดให้กลายเป็นสุนัขตำรวจ ภายใต้แผนรักษาความปลอดภัย “ให้ฉันช่วยไหม” เพื่อยกระดับความปลอดภัยให้แก่สาธารณชน โดยแผนนี้ถือเป็นแผนทางการแผนแรกที่นำสุนัขจรจัดมาฝึกเพื่อดูแลความปลอดภัยภายในเมือง ทั้งนี้ในกรุงนิวเดลีมีสุนัขจรจัดเป็นจำนวนมากและประชาชนมักเก็บสุนัขเหล่านี้มาเลี้ยง โดยทางการนิวเดลีรายงานว่าจะฝึกสุนัขจรจัดดังกล่าวและปล่อยให้มันทำหน้าที่ตรวจตรารักษาความปลอดภัยภายในพื้นที่ตำรวจเทศบาลนิวเดลี(เอ็นดีเอ็มซี) พร้อมทั้งเผยว่าขณะนี้มีเจ้าหน้าที่เข้าร่วมโครงการแล้ว40นาย ซึ่งวางแผนไว้ว่าจะให้มีเจ้าหน้าที่เข้าร่วมถึง700นาย อย่างไรก็ตามยังไม่ทราบจำนวนของสุนัขจรจัดในกรุงนิวเดลีที่แน่ชัดว่ามีทั้งหมดเท่าไร แต่จากข้อมูลปี2552 พบว่ามีสุนัขจรจัดกว่า260,000ตัว ขณะที่โครงการดังกล่าวยังไม่ได้กำหนดเช่นกันว่าจะมีสุนัขเข้าฝึกทั้งหมดกี่ตัว เมื่อปี2544อินเดียออกกฎหมายห้ามประชาชนฆ่าสุนัขจรจัดทำให้จำนวนสุนัขเพิ่มขึ้น ส่วนเมืองต่างๆในอินเดียก็มีโครงการฉีดวัคซีนให้แก่สัตว์เลี้ยงเช่นกันแต่ทั้งนี้ยังมีประชาชนอินเดียเสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้าถึง20,000รายต่อปี ซึ่งถือเป็น1ใน3ของยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลก ข้อมูล : เดลินิวส์ออนไลน์ 9 สิงหาคม 2557 photo : atulsworld.wordpress.com (not related to the article) ค้นหา ความรู้ทั่วโลก เพิ่มเติม ที่ > EDUZONES KNOWLEDGE สาระน่ารู้ ความรู้รอบตัวทั่วโลก  เรื่องก่อนหน้า : เชื่อหรือไม่ว่านี่คือหนอน ! (ชมภาพชุด) เรื่องถัดไป : ฮูจัดประชุมประเด็นจริยธรรมในการใช้ยาทดลองรักษาอีโบลา  

นาซาทดลองชะลอความเร็วยานอวกาศ-ภารกิจไปดาวอังคาร(ชมคลิป)

นาซาทดลองชะลอความเร็วยานอวกาศ-ภารกิจไปดาวอังคาร(ชมคลิป)   สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์การนาซาได้ปฎิบัติการทดลองนำ "ยานจาน" Flying Saucer แบบทดลองขึ้นสู่อวกาศ เพื่อทดสอบการลงจอดการนำยานดังกล่าวยังดาวอังคาร ในการทดลองที่มีขึ้นที่ฐานปล่อยยานในเมืองฮาวาย   รายงานระบุว่า ยานทดลองถูกนำขึ้นสู่จรวดพร้อมบอลลูนขนาดยักษ์ โดยจรวดได้พุ่งเร็วกว่าเสียงถึง 4 เท่า ก่อนขึ้นสู่อวกาศในระดับความสูงเหนือโลก 120,000 ฟุต และอุปกรณ์ลดความควบแน่นต่ำจากการบินเร็วกว่าเสียงที่ติดกับบอลลูนได้ทำงาน เพื่อชะลอความเร็วของยานในการลงจอดดาวอังคาร โดยบอลลูนได้ถูกปล่อยออกมาและทำหน้าที่พยุงยานทดลองดังกล่าว ก่อนจะแยกตัวออก และปล่อยให้ยานทดลองลอยสู่อวกาศภายหลังถูกชะลอความเร็วเรียบร้อยแล้ว   ในการทดลองนี้ นาซาต้องการจะทำให้ "ยานจาน" ลดการบินเร็วกว่าเสียงจาก 4 เท่าเหลือ 2 เท่าครึ่ง โดยตัวบอลลูนชูชีพทดลอง มีขนาดใหญ่กว่าร่วมชูชีพที่ใช้บินโลกหลายเท่า ในภารกิจที่นาซาต้องการจะนำยานรถหุ่นยนต์ "คิวริออสซิตี้" ลงบนดาวอังคาร เพื่อปฎิบัติภารกิจสำรวจดาวแดง และการลดความเร็วของยานอวกาศนาซาที่มีน้ำหนักมากเพราะต้องบรรทุกรถหุ่นยนต์ไปดาวอังคารเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะชั้นบรรยากาศของดาวอังคารมีขนาดบางกว่าของโลก ขณะที่นาซามีแผนจะทดลองเช่นนี้อีกสองครั้งในปีหน้า ข้อมูล : มติชนออนไลน์ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2557   vdo clip : youtube user […]

ข้อคิด 16 ประการที่โรงเรียนไม่เคยสอนจาก“บิลล์ เกตส์”

ข้อคิด 16 ประการที่โรงเรียนไม่เคยสอนจาก“บิลล์ เกตส์” 1. Life is not fair – get used to it! ชีวิตนี้ไม่ยุติธรรมนักหรอก ทำความเคยชินกับมันซะเถอะ! 2. The world doesn’t care about your self-esteem. The world will expect you to accomplish something before you feel good about yourself. โลกไม่ได้สนใจหรอกว่าคุณมั่นใจในตัวเองแค่ไหน แต่โลกนี้คาดหวัง “ความสำเร็จ” ที่เกิดจากความมั่นใจของคุณต่างหาก 3. You will NOT make $60,000 a year right out of high school. […]

แนะนำสถานที่ขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

แนะนำสถานที่ขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต   คนไทยกับแรงศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นสิ่งคู่กันอย่างแยกไม่ออกมาช้านาน และยิ่งในช่วงนี้ที่เขยิบเข้าใกล้ปีใหม่ ชาวสยามยิ่งนิยมกันไปสักการะเสริมศิริมงคล เพื่อรับเรื่องดีๆ มาในชีวิต ซึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการ “ขอพร” ในสิ่งที่ปราถนา แล้วคุณอยากรู้ไหม ว่าถ้าอยากขอพรเรื่องนี้ ควรจะไปไหว้ที่ไหน? หรือมีสถานที่ใดที่ผู้คนนิยมไปกราบไหว้บูชาในเรื่องอะไรกันบ้าง? ถ้าอยากรู้ ตามไปดูกัน… 1. ขอพร : การค้าขาย ธุรกิจ (พระพรหมเอราวัณ) ท้าวมหาพรหม หรือที่รู้จักกันดีในนาม “พระพรหมเอราวัณ” โดยตามความเชื่อของศาสนาฮินดู พระพรหมประดุจผู้สร้าง และผู้ลิขิตชีวิตสรรพชีวิตทั้งหลาย ซึ่งพระองค์เป็นหนึ่งในสามเทพสูงสุด และมีชื่อเสียงในเรื่องทรงเปี่ยมด้วยเมตตา รับฟังคำขอและคำสวดภาวนาของทุกคน และทรงทำให้ผู้สักการะที่มีจิตใจศรัทธาสมปราถนา ซึ่งผู้คนนิยมมาขอพรเรื่องธุรกิจ-ค้าขายกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวต่างชาติถึงขนาดจัดกรุ๊ปทัวร์เพื่อมากราบไหว้เลยก็มี สิ่งของเพื่อสักการะ : ดอกมะลิ (หรือดอกดาวเรือง), ขนมหวานรสอ่อน, ผลไม้หรือธัญพืช เช่น ข้าวกล้อง สถานที่ : หน้า รร.แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ  สี่แยกราชประสงค์ กทม. 2. ขอพร : ขึ้นศาล ต้องคดีความ (ศาลเจ้าพ่อเสือ) ศาลเจ้าพ่อเสือ เป็นหนึ่งในศาลเจ้าจีนแต้จิ๋วที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากที่สุด คนจีนเรียกกันว่า “ตั่วเล่าเอี้ย” โดยเป็นศาลเจ้าที่ประดิษฐาน เฮี้ยงเทียนเซียงตี่, รูปเจ้าพ่อเสือ, เจ้าพ่อกวนอู และเจ้าแม่ทับทิม […]

ยามแม่แก่เฒ่า แม่หวังพึ่งเจ้าเลี้ยงดู…

ยามแม่แก่เฒ่า แม่หวังพึ่งเจ้าเลี้ยงดู… ตอนที่อายุ 18 ปี ความเกเรทำให้เขาทำร้ายคนอื่นบาดเจ็บสาหัส จึงถูกพิพากษาจำคุก 6 ปี ตั้งแต่วันแรกที่เดินเข้าคุก ก็ไม่มีใครมาเยี่ยมเขาเลย แม่เป็นหม้าย เลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่ด้วยความทุกข์ยากลำบาก นึกไม่ถึงว่าเขากำลังจบมัธยมปลาย จะมาก่อเรื่องเลวร้ายอย่างนี้ได้ เขาทำให้แม่เสียใจ และเขาก็เข้าใจดี แม่โกรธเขาก็สมควรแล้ว ฤดูหนาวปีแรกในคุก เขาได้รับกล่องพัสดุข้างในบรรจุเสื้อไหมพรมตัวหนึ่ง ที่ชายเสื้อนั้นปักรูปดอกเหมยสีแดงอยู่ 1 ดอก บนดอกเหมยนั้นมีกระดาษแผ่นเล็กๆ ข้อความว่า “ขอให้ลูกปรับปรุงตัว ยามแม่แก่เฒ่า แม่หวังพึ่งเจ้าเลี้ยงดู” ข้อความในกระดาษแผ่นเล็กนี้ ทำให้คนก้าวร้าวนิสัยแย่อย่างเขาร้องไห้นำตานองหน้า นี่เป็นเสื้อไหมพรมที่แม่เป็นคนถักเอง เขาจำลักษณะของลายเส้นได้ แม่เคยพูดกับเขาว่า “คนเราจะต้องเอาอย่างดอกเหมย ยิ่งผจญกับความหนาวเหน็บทุกข์ยากเท่าใด ยิ่งจะทำให้ดอกเหมยผลิดอกได้งดงามมากยิ่งขึ้น” 4 ปีแล้ว แม่ไม่เคยย่างกรายเข้ามาเยี่ยมเขา แต่ทว่า ทุกต้นฤดูหนาว แม่จะส่งเสื้อไหมพรมและข้อความเดิมมาให้ทุกครั้ง เขาพยายามปรับปรุงตัวเอง เพื่อให้ได้รับการพิจารณาลดโทษ และเมื่อปลายปีที่ 5 เขาก็ได้รับการปล่อยตัวออกจากคุก เขาสะพายเป้เดินออกจากเรือนจำ เสื้อไหมพรม 5 ตัวคือสมบัติของเขา เมื่อเขาเดินทางมาถึงบ้าน ปรากฏว่าหน้าบ้านถูกล็อคด้วยกุญแจ และกุญแจนั้นก็ถูกสนิมกินเขรอะไปหมด ต้นหญ้าภายในบ้านก็ขึ้นสูงเกือบฟุต เขารู้สึกแปลกใจ […]

ของ 5 สิ่งที่ไม่ควรนำไปเข้า ‘ไมโครเวฟ’ ที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน

ของ 5 สิ่งที่ไม่ควรนำไปเข้า ‘ไมโครเวฟ’ ที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน 1. นมแม่ สำหรับคุณแม่ การให้น้ำนมลูกนั้น นอกจากจะเพื่อให้เด็กเจริญเติบโตแล้ว ยังเป็นการเพิ่มแอนติเจน หรือภูมิคุ้มกันร่างกายนั่นเอง แต่หากนำนมเอาแม่ที่คั้นแล้วไปอุ่นในไมโครเวฟ ไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ เนื่องจากอุณภูมิที่พอเหมาะของไมโครเวฟจะทำให้เชื้อแบคทีเรียอีโคไลในน้ำนมเติบโตขึ้นถึง 18 เท่า อาจจะเป็นอันตรายต่อเด็กได้ครับ 2. ผักบล็อคโคลี่ การใช้ความร้อนในการทำอาหารประเภทผัก ไม่ว่าจะเป็น นึ่ง หุง ต้ม ผัด หรือทอด ต่างก็ทำให้สูญเสียสารอาหารในผักทั้งสิ้น ทั้งนี้อัตราการสูญเสียก็แล้วแต่วิธีการที่แตกต่างกันไป จากผลการวิจัย การนำผักบล็อคโคลี่ไปใช้กับไมโครเวฟ ทำให้สูญเสียสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในผักถึง 97% เลยทีเดียว 3. ผัก – ผลไม้แช่แข็ง การแช่แข็งผลไม้หลังการเก็บเกี่ยวเป็นอีกวิธีที่จะรักษาคุณค่าทางอาหารของผลไม้นั้นๆได้ และเราคงจะเคยเห็นในห้างสรรพสินค้า ที่มีการนำเอาผลไม้แช่แข็งมาวางขายกันบ้าง แต่จากผลการวิจัย การนำเอาผลไม้แช่แข็งไปใช้กับไมโครเวฟ จะทำให้น้ำตาลที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในผลไม้เปลี่ยนสภาพกลายเป็นสารก่อมะเร็งครับ 4. เนื้อสัตว์ การนำเอาเนื้อสัตว์แช่แข็งไปละลายในไมโครเวฟ จะทำให้เชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเจริญเติบโต ดังนั้นจึงควรทำให้หมดในครั้งเดียว ไม่ควรเก็บไว้ทำอาหารในครั้งต่อไป นอกจากนี้ผลการวิจัยจากญี่ปุ่นเผยว่า การนำเอาเนื้อสัตว์ไปทำอาหารในไมโครเวฟเกิน 6 นาที จะทำให้วิตามิน […]

แบ่งปัน 6 สูตรพอกหน้าด้วยผลไม้

แบ่งปัน 6 สูตรพอกหน้าด้วยผลไม้   เลือกผลไม้พอกหน้าให้เหมาะกับผิวหน้า          ในผลไม้บางชนิดมีวิตามินต่างๆ เช่น วิตามินซี เอมไซม์ เกลือแร่ วิตามินอื่นๆ มากมายหลายชนิดที่ช่วยบำรุงและทำให้ใบหน้าสดใส สามารถแก้ปัญหาผิวหน้าต่างๆได้ด้วย ปัจจุบันก็มีสูตรพอกหน้ามากมายให้สาวๆได้เลือกกัน ที่หาได้ตามท้องตลาด หรือหาได้จากวัตถุดิบจากธรรมชาติที่มีอยู่ในบ้านก็ตาม แต่รู้มั๊ยคะว่า วัตถุดิบที่ใช้ในการพอกหน้าบางอย่างก็ใช้ไม่ได้กับผิวทุกสภาพผิวเสมอไป 1.ผิวธรรมดา ควรใช้โยเกริต์ เพราะจะช่วยขัดผิว ผลัดเซลล์ผิวใหม่ให้สดใสมากขึ้น ขณะที่พอกหน้าให้นวดอย่างเบามือก่อน แล้วทิ้งไว้ 15 นาที ก่อนล้างออกด้วยน้ำอุ่น หรือจะใช้กล้วยผสมกับโยเกร์ต เติมน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ พอกไว้ครึ่งชั่วโมงแล้วล้างออก 2.ผิวแห้ง ผลไม้ที่ให้ผลดีที่สุด คือ อโวคาโด หรือน้ำส้ม วิธีพอกหน้าใช้อโวคาโดบดหรือฝานบางๆ หรือน้ำส้มที่คั้นเองเอามาพอกหน้า ทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมงแล้วล้างออก สรรพคุณช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น ทำให้ผิวเรียบลื่น ป้องกันผิวจากรอยเหี่ยวย่น ต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ใบหน้าขาวและนุ่มนวลขึ้น 3.ผิวมัน ให้ใช้ไข่ขาวพอกหน้า เพราะไข่ขาวมีคุณสมบัติช่วยดูดซับความมันบนใบหน้าได้ดี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพก็อาจจะหยดน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อย พอกทิ้งไว้ 15 […]

1 675 676 677 702
error: