เอไอเอส เปิดบริการ Free Wifi และโทรฟรี ให้ประชาชนที่มาร่วมถวายความอาลัย

Advertisement นางวิไล เคียงประดู่ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานประชาสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า บริษัทเตรียมความพร้อมทั้งด้านเครือข่าย และบริการ รวมถึงทีมงาน เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการติดต่อสื่อสารให้กับพี่น้องประชาชน ที่มาร่วมถวายความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ บริเวณพระบรมมหาราชวัง และสนามหลวง ประกอบด้วย Advertisement Advertisement 1. เปิดให้บริการ Free Wifi และบริการโทรฟรี สำหรับประชาชนทุกคน ณ บูธเอไอเอส บริเวณรถโมบาย 2 จุด, บูธของกระทรวงมหาดไทย และการไฟฟ้านครหลวง 2. ติดตั้งเครือข่าย AIS Super Wifi บริเวณรอบสนามหลวง เพื่อให้ลูกค้าเอไอเอสใช้บริการด้าน DATA ได้อย่างสะดวกมากขึ้น 3. จัดรถโมบายล์เคลื่อนที่ เพื่อรองรับการใช้งานที่หนาแน่นในบริเวณสนามหลวง และเพิ่มความสามารถในการรองรับการใช้งานของเครือข่าย (Capacity) จากช่วงเวลาปกติขึ้นอีก 500% […]

ครม.มีมติเห็นชอบ ใช้ราคาซื้อ-ขายอสังหาฯจริงประเมินเสียภาษีเงินได้

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เรื่อง การกำหนดฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ ตามมาตรา 49 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร เพื่อกำหนดให้ใช้ราคาที่ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์กันตามความเป็นจริงหรือตามราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ใช้อยู่ในวันที่มีการโอนนั้น แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า เพื่อเป็นฐานในการคำนวณภาษีเงินได้จากการโอนอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงและเพื่อให้จัดเก็บภาษีอากรมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสร้างความเป็นธรรมในระบบการจัดเก็บภาษี โดยสาระสำคัญของ พ.ร.บ. มีดังนี้ 1.กำหนดให้ในกรณีที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ โดยมีหรือไม่มีค่าตอบแทน ให้เจ้าพนักงานผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมใช้ราคาขายที่ผู้มีเงินได้พึงประเมินแสดงหรือตามราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดินซึ่งใช้ในวันที่มีการโอนนั้น แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า เป็นเงินได้พึงประเมินของผู้นั้น โดยการจัดเก็บภาษีดังกล่าว มิให้เป็นเหตุเสื่อมสิทธิของเจ้าพนักงานประเมินในการเรียกเก็บภาษีอากร  2.กำหนดให้บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่ถูกยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ยังคงใช้บังคับต่อไปเฉพาะในการปฏิบัติจัดเก็บภาษีอากรที่ค้างอยู่หรือชำระก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ทั้งนี้ การแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติดังกล่าวจะส่งผลให้ช่วยให้การจัดเก็บภาษีอากรมีประสิทธิภาพ โดยทำให้การจัดเก็บภาษีเงินได้ตามความเป็นจริงในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ฐานในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามประมวลรัษฎากรมีความสอดคล้องกับฐานการคำนวณการจัดเก็บภาษีรายได้หรือรายรับจากการขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจัดเก็บตามราคาที่ซื้อขายกันตามจริง และสร้างความเป็นธรรมในระบบการจัดเก็บภาษี ข่าวและภาพจาก : prachachat.net

เรื่องเล่าจากภาพ เติมกำลังใจให้คนที่ท้อกับงาน “ฉันไปได้”

ภาพนี้ชื่อว่า " ฉันไปได้ " พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปทรงงานยังพื้นที่จริง ซึ่งเกือบ 100% เป็นที่ทุรกันดาร บางแห่งข้าราชการยังไม่เคยไปหรือไม่กล้าไปเพราะกลัวอันตรายด้วยซ้ำ หรือถ้าวันไหนอากาศไม่ดี หากเป็นผู้ใหญ่ไปดูงาน ฝนมาก็เลื่อนหรือยกเลิก …แต่สำหรับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่มีคำว่า "ยกเลิก" เพราะอากาศไม่ดี แถมยังเสด็จฯ ออกนอกเส้นทางเป็นประจำ ถ้าทีมถวายความปลอดภัยกราบบังคมทูลว่า “เสด็จฯ ไม่ได้ ไม่มีถนนตัดผ่านพระพุทธเจ้าข้า” พระองค์ท่านจะรับสั่งกลับมาทุกครั้งว่า… “ฉันไปได้” ทั้งที่หลายครั้งต้องทรงพระราชดำเนินปีนป่ายไปบนภูเขาหรือทรงพระดำเนินไต่ลงไปในหุบเหว ที่เต็มไปด้วยโคลนตม ปลิง และทาก จนค่ำมืดดึกดื่น หลายครั้ง สมเด็จพระเทพฯ ตามเสด็จฯ ด้วย มีท่านพระองค์เดียวที่ดึงทากออกจากพระบาทได้ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องเล็กสำหรับในหลวง คืนหนึ่งผมได้ร่วมโต๊ะเสวย หลังจากที่พระองค์ท่านเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรในพื้นที่ทุรกันดารแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พระราชกระแสรับสั่งที่ยังก้องอยู่ในหูของผมจนถึงทุกวันนี้คือ “ที่เขายากจนต้องมาทำมาหากินในพื้นที่แห้งแล้งเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะมา แต่เพราะเขาไม่มีที่อื่นจะไป ที่ฉันช่วยเขา ไม่ใช่ว่าจะช่วยตลอดไป แต่ช่วยเพื่อให้เขาได้มีโอกาสช่วยตัวเองต่อไป” ที่มา : สวัสดิ์ วัฒนายากร อธิบดีกรมชลประทาน / องคมนตรี, เพจ กลุ่มพิทักษ์รักราชันย์ (https://www.facebook.com/the.King.of.Thailand/photos/a.307853235902571.73075.307182235969671/1033151003372787/?type=3&theater)

ตร.เอาจริง! ใครเพิกเฉยไม่ชำระค่าปรับ เสนอใช้ ม.44 อายัดต่อภาษี ให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ขึ้น

วันที่ 18 ต.ค. ที่กองบังคับการตำรวจจราจร พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รองผบ.ตร. เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการบูรณาการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการจราจรในเขต กทม.และปริมณฑล เพื่อพิจารณาวิธีแก้ปัญหาพร้อมวางแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการจราจร โดยมีคณะทำงาน 5 ด้าน ร่วมในการประชุม ได้แก่คณะทำงานด้านกฎหมายและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร, คณะทำงานด้านกายภาพและการปรับปรุงสภาพถนน, คณะทำงานด้านการขนส่งสาธารณะ, คณะทำงานด้านการบริหารจัดการและเทคโนโลยี, คณะทำงานด้านการเสริมสร้างวินัยจราจรและการประชาสัมพันธ์ พล.ต.อ.เดชณรงค์ เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการเรียกประชุม 5 คณะทำงาน เพื่อติดตามการทำงานทั้งในเรื่องข้อกฎหมายที่ส่งผลต่อการขับเคลื่อนงานจราจร เช่น ได้เสนอผู้บังคับบัญชาในการทำให้ใบสั่งมีความศักดิ์สิทธิ์ มีการจัดการกับใบสั่งค้างชำระ ซึ่งได้วางแนวทางการแก้ไขปัญหาไว้ 3 รูปแบบ คือ 1.การเชื่อมโยงฐานข้อมูลใบสั่งของทางตำรวจ เข้ากับกรมการขนส่งทางบก 2.การมอบอำนาจการเปรียบเทียบปรับ บางพรบ.ตำรวจ ให้แก่กรมการขนส่งทางบก ได้ดำเนินการในจุด one stop service ก่อนที่จะมีการต่อภาษีประจำปี และ 3.ตำรวจต้องเร่งรัดตามกระบวนการกฎหมายสำหรับผู้เพิกเฉยไม่ชำระค่าปรับโดยพนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกผู้ครอบครองรถ มาสู่กระบวนการสอบสวนเพื่อส่งต่อให้กรมการขนส่งอายัดทะเบียนต่อไป ซึ่งกรณีดังกล่าวเห็นควรให้คณะทำงานเร่งรัดดำเนินการรวบรวมข้อมูลเพื่อเสนอต่อ คสช.ใช้มาตรา 44 ในการแก้ไขให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ขึ้น ขณะที่เรื่องการขยายพื้นผิวถนนรองรับการจราจร ที่จะปรับปรุง 80 กว่าจุด เบื้องต้นดำเนินการแล้วเสร็จ 20 […]

(คนไทยควรอ่าน) ในหลวง”ไม่โกรธ”เมื่อต้องเจอการต้อนรับที่ไร้มารยาทจากต่างชาติ

ในภาวะแห่งความโศกเศร้าเสียใจจากการสูญเสียบุคคลที่รักยิ่ง ความอ่อนไหวทางอารมณ์บางทีก็ก่อให้เกิดความรุนแรง การทะเลาะเบาะแว้งกันง่ายดาย เช่น โดนยั่วยุเพียงเพราะใส่เสื้อที่ต่างสีกัน, โดนยั่วยุเพียงเพราะความคิดไม่ตรงกัน อยากให้คนไทยได้อ่านบทความนี้ เพื่อได้แง่คิดบางอย่างจากในหลวงของเรากลับไปทบทวนกันให้ดี ***ในอดีตพวกนักศึกษาฝรั่งชาวออสซี่ เคยมาดูถูกพ่อหลวงเรา  มาอ่านวิธีกำหลาบฝรั่งไร้มารยาทพวกนี้ดูค่ะ สะใจจริงๆ*** พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ราชาผู้มีพระจริยาวัตรงดงามยิ่งในสายตา ชาวโลก  เหตุการณ์กันยายน เมื่อ 54 ปีมาแล้ว ขณะเสด็จฯ ณ เมลเบิร์น ออสเตรเลีย เมื่อวันจันทร์ ที่ ๓ กันยายน ๒๕๐๕ ขณะที่เสด็จฯในพิธีทูลเกล้าฯ ถวายปริญญานิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ณ มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ได้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทุกคนควรรำลึกเป็นตัวอย่างของผู้นำที่มีความเข้มแข็งและทรงเปี่ยมด้วยพระราชธรรม “ความไม่โกรธ” กล่าวคือ เมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปเยือนต่างประเทศเป็นทางการ ในพิธีทูลเกล้าฯ ถวายปริญญานิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ณ มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ทรงถูกนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่มีความคิดรุนแรง ไม่เข้าใจพระองค์และเมืองไทย บางคนถือป้ายที่มีข้อความกล่าวร้ายต่อพระองค์ท่าน บางกลุ่มส่งเสียงโห่ ลบหลู่พระเกียรติ และเกียรติภูมิของชาติไทยอย่างรุนแรง  สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงบรรยายถึงเหตุการณ์ในวันนั้นในพระราชนิพนธ์ ความทรงจำในการตามเสด็จต่างประเทศ ตอนหนึ่งว่า ถึงเวลาที่พระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จไปพระราชทานพระราชดำรัสที่กลางเวที ยังไม่ทันจะอะไร ก็มีเสียงโห่ดังขึ้นมาจากกลุ่มปัญญาชนข้างนอก  ข้าพเจ้ารู้สึกว่ามือเย็นเฉียบ หัวใจหวิวๆ อย่างไรพิกล รู้สึกสงสารพระเจ้าอยู่หัว จนทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าแม้แต่จะมองขึ้นดูพระพักตร์ท่าน ด้วยความสงสาร […]

คณะองคมนตรี เลือก”ธานินทร์ กรัยวิเชียร” ทำหน้าที่ประธานองคมนตรี

วันที่ 19 ตุลาคม นายวิษณุ เครืองาม เปิดเผยว่า นายธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรี จะทำหน้าที่เป็น ประธานองคมนตรี (ชั่วคราว) หลังจากที่พล.อ.เปรม ตินสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ต้องทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ตามมาตรา 24 เมื่อประธานองคมนตรีเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จะต้องไม่ปฏิบัติหน้าที่ประธานองคมนตรี โดยตามมาตรา 25 ให้คณะองคมนตรีเลือกองคมนตรีมาเป็นประธาน โดยคณะได้เลือก นายธานินทร์ ให้ปฏิบัติหน้าที่ ดังกล่าว ซึ่งเมื่อพลเอกเปรม พ้นจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการฯ ก็จะกลับสู่ตำแหน่งประธานองคมนตรีโดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องมีการโปรดเกล้าฯ ทั้งนี้ นายธานินทร์ กรัยวิเชียร สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ระดับปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง จากนั้นในปี พ.ศ.2491 ได้ไปศึกษาวิชากฎหมายต่อที่ ณ มหาวิทยาลัยลอนดอน สหราชอาณาจักร และ พ.ศ.2496 เนติบัณฑิตอังกฤษจาก สำนักอบรมศึกษากฎหมายของเนติบัณฑิตยสภา สำนักเกรย์สอินน์ อังกฤษ นายธานินทร์ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 14 ของไทยภายหลังจากที่คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน โดยการนำของ พลเรือ เอก […]

สมเด็จย่าทรงเล่าถึงข้อแตกต่างในวัยเยาว์ของ ในหลวง ร.8 และ ร.9

  สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงเล่าถึงข้อแตกต่างในวัยเยาว์ของ ในหลวง ร.8 – ในหลวง ร.9 ในหนังสือ เจ้านายเล็ก ๆ-ยุวกษัตริย์ ด้วยพระอารมณ์ขัน  สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้พระนิพนธ์หนังสือ "เจ้านายเล็กๆ-ยุวกษัตริย์" โดยใจความหนึ่งในหนังสือ พระองค์ทรงเล่าว่า สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่า) ได้ตรัสถึงพระโอรสทั้ง 2 พระองค์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร (รัชกาลที่ 8) และ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) โดยเล่าถึงนิสัยส่วนพระองค์ของทั้ง 2 พระองค์ ต่อ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า พระราชมารดา ในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ด้วยพระอารมณ์ขันว่า * หมายเหตุ : สมเด็จย่า ทรงเรียกพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร (รัชกาลที่ 8) ว่า "นันท" และทรงเรียกพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช "เล็ก" ภาพและข้อมูลจาก หนังสือ เจ้านายเล็กๆ-ยุวกษัตริย์, Thailand […]

เด็กในวันนั้นคือข้าราชการในวันนี้… ภาพจริง เรื่องจริง ของเด็กกราบพระบาท ร.9

เปิดภาพเด็กกราบพระบาทในหลวง รัชกาลที่ 9 จากเด็กในวันนั้น สู่ข้าราชการใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทในวันนี้ เจ้าตัวสารภาพ ช่างบังอาจจริง ๆ แต่ถ้าวันนั้นไม่ทำก็ไม่มีวันนี้ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2559 เฟซบุ๊ก Jaroensook Pone Limbanchongkit ได้มีการโพสต์ภาพเด็กคนหนึ่งซึ่งกราบพระบาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมข้อความว่า เด็กที่กราบพระบาทในวันนั้น คือข้าราชการใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทในวันนี้ ซึ่งก็คือ นายพยุงศักดิ์ กาฬมิค ผอ.สำนักงานคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ภาค 4 ทั้งนี้นายพยุงศักดิ์ เล่าเหตุการณ์วันนั้นว่า มีโอกาสได้ไปรับเสด็จฯ กับแม่ แม่ผลักออกไปให้กราบ ก็เดินออกไปกราบพระบาทตามภาพ แต่ในวันนี้กลับคิดได้ว่า ช่างบังอาจจริง ๆ แต่ถ้าวันนั้นไม่ทำก็คงไม่มีวันนี้ ข้อมูลและภาพจาก เฟซบุ๊ก Jaroensook Pone Limbanchongkit

วิษณุเผย “พระเจ้าอยู่หัวองค์ใหม่” จะทรงลงพระปรมาภิไธย “ร่างรธน.”เอง

"วิษณุ" เผย "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่" จะทรงลงพระปรมาภิไธย "ร่างรธน."เอง รับสั่ง "การสืบราชสันตติวงศ์" ให้รอทุกฝ่ายทำใจได้ ว่ามีการเปลี่ยนแปลงแล้ว 18 ต.ค.59 – เวลา 17.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายกฯ ระบุเรื่องการสืบราชสันตติวงศ์ว่าเมื่อพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลผ่านพ้นช่วงเวลา 7 วัน 15 วันไปแล้วระยะหนึ่ง น่าจะได้เวลาอันสมควรที่จะดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 23 ว่า เป็นไปอย่างที่นายกฯได้อธิบาย และเป็นไปตามที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้มีพระราชปรารภตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 ต.ค.และอีกครั้งเมื่อวันที่ 16 ต.ค.ตอนที่นายกฯเข้าเฝ้าพร้อมกับผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ โดยพระองค์ทรงรับสั่งว่าเรื่องที่จะดำเนินการสืบราชสันตติวงศ์ให้รอระยะเวลาที่พระองค์ทรงใช้คำว่าทุกฝ่ายสามารถทำใจได้ว่ามันเป็นช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงแล้วก่อน ดังนั้น ขอให้รอ เมื่อถึงเวลาอันสมควร ประชาชนคลายความทุกข์โศกลงได้บ้าง ให้พระราชพิธีต่างๆ ได้ผ่านพ้น "เพราะฉะนั้นที่นายกฯพูดถึง 7 วัน 15 วัน เป็นรอบของการที่จะมีพระราชพิธีครบรอบ 7 วัน 15 วัน 50 วัน […]

อย่าตื่นตระหนก! อ่านให้จบก่อน! เลื่อนปิดเทอม7พ.ย.เป็นเพียงโฆษณาแอพฯติวเตอร์

อ่านให้จบก่อนแชร์ เพจอ้างมีประกาศเลื่อนกำหนดเปิดเทอมเป็นวันที่ 7 พฤศจิกายน หลอกดักชาวเน็ต งานนี้มีเงิบ  บ่อยครั้งที่เราได้เห็นข้อมูลจำนวนมากถูกแชร์ต่อในสังคมออนไลน์ โดยที่ผู้แชร์นั้นอ่านข้อความต่าง ๆ เพียงฉาบฉวยก่อนกดไลค์และแชร์ โดยไม่ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือพิจารณาในสิ่งที่แชร์ออกไป จนนำมาซึ่งการส่งต่อข้อมูลที่สร้างความเข้าใจผิดออกไปในวงกว้าง เช่นเดียวกับกรณีล่าสุด (18 ตุลาคม 2559) ที่ถูกแชร์ต่อไปทั่วโลกออนไลน์ในขณะนี้ เมื่อเพจ Pandit ได้ออกมาทดสอบลองภูมิชาวเน็ต ด้วยการยกข้อความอ้างว่า "มีประกาศจากคณะกรรมการฯ เลื่อนกำหนดเปิดเทอมทั่วประเทศไทย เป็นวันที่ 7 พฤศจิกายน 2559"  อย่างไรก็ตาม เมื่อลองอ่านข้อความให้จบ จะทราบว่าข้อความข้างต้นนั้นเป็นส่วนหนึ่งในการโปรโมทแอพลิเคชั่นติวเตอร์ออนไลน์ ไม่ได้มีการเลื่อนเปิดเทอมในโรงเรียนจริง ๆ เป็นวันที่ 7 พฤศจิกายน ส่วนคณะกรรมการฯ ที่อ้างถึงก็ไม่ใช่คณะกรรมการด้านการศึกษาแต่อย่างใด งานนี้บอกเลยว่าทำเอานักเรียนทั้งหลายดีใจเก้อกันเป็นแถวเมื่อได้เจอข้อความนี้ โดยมีคนจำนวนไม่น้อยที่อ่านข้อความจนจบ เข้ามาร่วมคอมเมนต์ด้วยความเฮฮาปนช้ำใจที่ถูกหลอกไปตาม ๆ กัน และแชร์ต่อไปเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าข้อความดังกล่าวได้ทำให้มีผู้ที่เข้าใจผิดมากน้อยเพียงไร  ข้อมูลจาก เพจ Pandit , kapook.com

1 2,888 2,889 2,890 2,927
error: