บทความทั่วไป

Advertisement ทนายความระบุ ผู้บริโภคสามารถปฎิเสธ จ่าย service charge  ในร้านอาหารได้จริง เหตุไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องจ่าย  Advertisement เมื่อวันที่ 21 ก.ย. กรณีสังคมออนไลน์พากันเเชร์บทความจากสมาชิกเว็บไซด์พันทิปรายหนึ่ง ที่ระบุเรื่องราวการเก็บค่า service charge ของร้านอาหาร โดยกล่าวว่า ได้ค้นหาและวิเคราะห์ข้อกฏหมายต่างๆ กับกลุ่มทนายความเเล้วพบว่าลูกค้ามีสิทธิที่จะไม่จ่ายค่า service charge  และทางร้านไม่มีสิทธิในการเรียกเก็บ (ซึ่งภายหลัง กระทู้ดังกล่าวนั้นได้ลบเนื้อหาทิ้งหมดแล้ว) [ads] ล่าสุด โพสต์ทูเดย์ลองสอบถามไปยัง ทนายความ "เกิดผล เเก้วเกิด" ได้ความว่า ประเทศไทยไม่มีกฎหมายเฉพาะสำหรับเรื่อง service charge เเละผู้บริโภคสามารถปฎิเสธที่จะจ่ายได้จริง Advertisement "ที่ผ่านมาประชาชนไม่ติดใจเเละไม่รู้เรื่องกฎหมาย เราไม่ได้ตกลงกับเขาล่วงหน้า อยู่ๆ มาบอกว่ามี service charge เเล้วจะเรียกเงินจากเราไม่ได้ เเละถึงเเม้ร้านจะระบุไว้ว่ามี service charge  เราก็ไม่จำเป็นต้องจ่าย เพราะนับเป็นการระบุฝ่ายเดียว ในอดีตเคยมีคำพิพากษาศาลฎีกามาเเล้ว ในลักษณะที่ว่า 'ห้างสรรพสินค้าติดป้ายประกาศ หากรถหายห้างจะไม่รับผิดชอบ' ศาลฎีกาตัดสินว่า เป็นการประกาศฝ่ายเดียว เขียนไว้ล่วงหน้าฝ่ายเดียว […]

จะออกไปไหนมาไหน เดี๋ยวนี้ภัยก็รายล้อมทุกรูปแบบ ที่ที่ปลอดภัยที่สุดก็กลายเป็นที่อันตรายที่สุดได้ ดังเช่นอุทาหรณ์ของหญิงสาวรายหนึ่ง ที่ได้โพสต์ในเฟซบุ๊คเตือนภัยเมื่อวันก่อน แค่นั่งรถตู้ไปส่งงานที่มหาวิทยาลัยแป๊บเดียว คนที่นั่งติดกันก็จี้กระเป๋ากันได้ลงคอ หนำซ้ำคนอื่นๆ รอบตัวเห็นแต่ก็ไม่ช่วยอะไรสักคำ ปล่อยให้เธอร้องไห้จนคนขับสังเกตเห็น ช่วยเบรคโจรไว้ได้…… ภาพประกอบจาก www.oknation.net โดยเธอได้เล่าในเฟซบุ๊กของตนเองเมื่อวันที่ 20 ก.ย.59 ที่ผ่านมานี้ว่า.. [ads] “รถตู้เดอะมอลล์งามวงศ์วาน คือปกติก็ไม่ได้นั่งรถตู้นานละนะพอวันนี้เราก็รีบมากบนรถไม่มีที่นั่งแล้ว เหลือแค่ด้านหลังคือปกติเราจะเลือกไม่นั่งข้างหลังเพราะเป็นคนที่เมารถ เราก็ไปนั่งเพราะเรารีบไปส่งงานที่มอ แต่ที่แปลกใจกว่านั้นคือมีผู้ชายคนนึงที่นั่งข้างหน้าเรา ลุกขึ้นมานั่งเบียดเรามาก คือคิดสภาพว่าเราอยู่คนที่ 3 ในแถวหลังชิดด้านหน้าต่างทางขวามือ ไม่นานเขาบีบที่แขนเราแรงมาก แล้วถามว่าเรามีเงินเท่าไหร่ เอาโทรศัพท์มา แต่ที่แปลกใจคือเราพยามพูดให้คนข้างหน้าได้ยินแล้วว่าหนูไม่มี พี่อย่าทำร้ายหนูเลย แต่คือสิ่งที่คนข้างหน้าทำคือหันมามองแล้วหันกลับไป เราไม่กล้าตะโกนเรียกออกไป เพราะในมือของมันมีมีดที่เอาจี้เราอยู่ด้านหลัง มันพยายามบอกให้เราเปิดกระเป๋าให้ดู เราก็ไม่รู้จะทำยังไงตอนนั้นคือกลัวไปหมด แต่เหมือนจะโชคดีพอเกือบถึงเกษตรพี่รถตู้ถามมีใครจะลงป้ายนี้มั้ย พี่เขามองมาจากกระจกมองหลัง พี่เขาเลยถามว่าน้องมีใครทำอะไรรึเปล่าร้องไห้ทำไม พี่แกจอดรถอย่างเร็วแล้วจอดที่หน้ากรมทหาร รีบมาเปิดประตูพวกมันรีบวิ่งลงไปกันหมดทั้งหมด 6 คนก็คือรวมไปถึงไอ้คนที่นั่งข้างหน้าเราด้วยคือมันมาด้วยกัน พี่เขาเลยให้เราไปนั่งด้านหน้าสุด เรากลัวมากพี่เขาบอกว่าเคยเจอพวกนี้นะบ่อยด้วยเวลามันมามันก็มากันเป็นแก๊งเลย โชคดีที่เราถึงที่มออย่างปลอดภัย คือแปลกใจ ใส่ชุดนิสิตอยู่คิดว่าจะพกตังติดตัวเยอะขนาดนั้นเลยหรอ อยากให้คนที่ต้องเดินทางโดยรถตู้สังเกตเวลานั่งรถว่าเจอผู้ชายนั่งประกบข้างหน้าด้านข้างรึเปล่า ถ้าเกิดขึ้นกับคนที่คุณรัก หรือแฟนคุณ บางครั้งอาจจะไม่โชคดีแบบมุกก็ได้ เตือนเพื่อนชาวเกษตรทุกคนนะคะ ช่วงนี้ที่มอเราเจอแต่คนประเภทนี้เยอะมากและอยากให้ดูแลความปลอดภัยของคนใช้รถสาธารณะด้วย แก๊งนี้ยังลอยนวลอยู่โปรดระมัดระวัง” อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งเหตุประจำ สน.พหลโยธิน และ […]

อุบัติเหตุเรือล่มเมื่อ 1-2 วันก่อน ไม่ว่าจะเป็นเพราะสาเหตุใดก็ตาม Thaijobsgovขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิตและขอให้ผู้บาดเจ็บทุกคนกลับมามีสุขภาพแข็งแรงในเร็ววัน ส่วนใครที่สัญจรไปมาไม่ว่าจะทางบก น้ำ หรืออากาศ ก็ต้องระมัดระวังตนเองและคนรอบข้างให้ดี เรื่องบางเรื่องใช่ว่าจะเป็นเพราะดวงเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะความประมาทของคนเราด้วย ภาพประกอบจาก : คมชัดลึก.คอม พอได้เห็นคลิปขณะเรือกำลังล่มแล้วเจอข่าวบางช่องบรรยายเรื่องเสื้อชูชีพแล้วหงุดหงิดมาก นักข่าวก็ยังเล่นประเด็นเรื่องเสื้อชูชีพอยู่ดี ซึ่งเรื่องนี้ผมเคยเขียนเตือนเอาไว้เมื่อสามปีก่อนแล้ว ตอนเรือล่มที่เกาะล้านว่า มันคือความเข้าใจที่มีคนส่วนมากยังเข้าใจผิดอยู่มาก ….. "#อย่าสวมเสื้อชูชีพบนเรือที่มีหลังคา" ผมจะอธิบายให้เข้าใจ มันคือหลักวิทยาศาสตร์ง่ายๆ ชูชีพ ทุกคนทราบดีว่ามันทำให้คุณไม่จมน้ำ พูดง่ายๆ คือมันทำให้ลอยนั่นแหละ ดังนั้น เมื่อคุณสวมเสื้อชูชีพ สำหรับคนที่ว่ายน้ำเป็น ชูชีพมันจะทำให้คุณไม่สามารถดำน้ำลงไปได้ มันจะลอย และเมื่อมันดันตัวคุณให้ลอยขึ้น เมื่อเรือเกิดล่มขึ้นมา คุณจะลอยไปไหน ??? คุณจะลอยขึ้นสู่ด้านบน และมันจะลอยไปดันติดอยู่ในตัวเรือ ในขณะที่เรือมันกำลังจะจมลงเรื่อยๆ คุณจะลอยสวนทางกับแรงโน้มถ่วงของเรือ ผลคือคุณจะติดอยู่ในตัวเรือและจมน้ำตาย เมื่อเรือล่ม ชูชีพจะทำให้คุณไม่สามารถว่ายน้ำได้อย่างเสรี และทำให้คุณช้ามากๆ ในการเคลื่อนที่ในน้ำ ขาดอิสระในการคอนโทรลตัว คุณสามารถดำน้ำลงไปเพื่อหาช่องว่างข้างเรือเพื่อหนีออกไปได้หากคุณไม่ได้สวมชูชีพ แต่ถ้าคุณสวม จะไม่สามารถทำแบบนั้นได้ มันจะดันคุณลอยติดหลังคาเรือแน่นอน ในระดับที่เสมอกับน้ำและไม่มีช่องอากาศหายใจ มันจะกดคุณจมลงไปพร้อมกับเรือ ตายเท่านั้น ….. วิธีที่ดีที่สุดคือให้คุณเอาชูชีพไว้กับตัว เอาคล้องแขนไว้ อย่าเสือกสวมเด็ดขาด และเมื่อเกิดอุบัติเหตุเรือล่ม […]

ครบรอบเหตุการณ์ 2 ปีพอดี ในวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา สำหรับเหตุการณ์กระบะซิ่งเข้าพุ่งชนร้านสเต๊ก เป็นเหตุให้ "น.ส.ศรัญญา ชำนิ" หรือ "คุณกอล์ฟ" คุณแม่น้องการ์ตูนต้องสูญเสียสามีจากการเอาตัวมาบังลูกสาวไว้ และทำให้เด็กหญิงตัวน้อยๆ "น้องการ์ตูน" ต้องพิการตลอดชีวิต แม้จะมีคุณพ่อช่วยบังไว้แล้วก็ตาม  โดยในวันดังกล่าว คุณแม่น้องการ์ตูนได้อัพเดทสเตตัสผ่านเพจร้าน ร้านสเต็กคุณแม่การ์ตูน Mother's Grill Steak House "ย่างด้วยรัก หมักด้วยใจ"  ว่า… จากวันนั้นถึงวันนี้ ครบ 2 ปีแล้ว ที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงจากอดีตไปมากมายจนเหมือนความฝันที่ไม่อยากให้เป็นจริง แม้วันเวลาย้อนคืนไม่ได้ แต่สิ่งที่เหลืออยู่ คือความทรงจำดีๆ ที่เราเคยมีกัน กอล์ฟและทุกคน ยังระลึกถึงบอลเสมอ และเชื่อว่าตูนเองตอนนี้ก็พยายามเต็มที่อยู่เหมือนกัน ขอบคุณที่ปกป้องลูกจากเรื่องร้ายๆ พวกนั้น ขอบคุณที่ทำหน้าที่พ่อจนวินาทีสุดท้าย กอล์ฟจะดูแลตูนให้ดีที่สุด เชื่อว่าตูนต้องแข็งแรงได้มากขึ้น ไม่ต้องห่วงอะไรแล้วนะคะ [ads]   ซึ่งในวันเดียวกันนั้น ก็ยังคงมีแฟนคลับคอยมาให้กำลังใจคุณแม่กอล์ฟและน้องการ์ตูนอย่างทุกวันเช่นเคย และก็เป็นอีกวันที่ไร้วี่แววคู่กรณีโผล่มารับผิดชอบอีกเช่นเคย Thaijobsgovก็ขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่และน้องการ์ตูนได้มีพลังใจสู้ชีวิตไปอีกครั้ง หากใครต้องการจะบริจาคเงินเพื่อให้คุณแม่ได้มีเงินไว้ดูแลน้องการ์ตูน ก็สามารถบริจาคได้ตามภาพด้านล่างนี้ หรือเข้าไปให้กำลังใจที่แฟนเพจ ร้านสเต็กคุณแม่การ์ตูน Mother's Grill […]

โดยปกติแล้วเรารู้กันดีว่าหากได้ยินเสียงไซเรนรถกู้ภัยหรือรถพยาบาล ให้รีบขยับรถหลีกทางเพื่อให้รถคันดังกล่าวได้ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุได้ทัน แต่ก็ไม่รู้ด้วยเหตุผลกลใด ก็ยังมีคนที่ไร้มารยาท พยายามแซงไปให้พ้น แทนที่จะหลบหลีก อย่างอุทาหรณ์ของเฟซบุ๊กเทวะทืณณ์ ศรีโสภา ที่มีรถคันหนึ่งแซงจนได้เรื่อง แซงไม่พ้น-เบียดรถพยาบาล จนเกิดอุบัติเหตุกลางทาง ผู้ป่วยในรถพยาบาลเสียชีวิตกลางทางเช่นกัน! โดยเฟซบุ๊กชื่อดังกล่าว ได้อัพสเตตัสเมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมานี้ว่า #นาทียื้อชีวิต ช่วยกันแชร์ครับ‼️‼️ เมื่อเวลา 9:30น. ผ่านมา 17ก.ย.59 รถโรงพยาบาลระยองเกิดอุบัติเหตุ ที่แยกเกาะกลอย และมีคนไข้หนักในรถ พยาบาลกำลังปั๊มหัวใจเพื่อช่วยชีวิตคนไข้  เจอรถแบบนี้ช่วยกันหลีกทางด้วยนะครับ วันนึงคนในรถอาจเป็นคนที่เรารู้จักหรือญาติเราก็ได้ เห็นรถฉุกเฉินหรือได้ยินเสียงไซเรน..ควรให้ทางรถฉุกเฉินก่อนนะครับ…ขอให้ทุกท่านปลอดภัยครับ #ล่าสุดคนไข้เสียชีวิตแล้วครับ ‼️แชร์ออกไปให้ไกล ที่สุดให้ไปอยู่ในจิตสำนึกคน‼️ ซึ่งหลังจากได้โพสต์เรื่องราวดังกล่าวไป ก็มีหลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นและแชร์ออกไปจำนวนมาก เพื่อกระตุ้นเตือนต่อๆ กันไปว่า อย่าทำแบบนี้เลย เสี้ยววินาทีที่รถคนปกติเบียด อาจเป็นเสี้ยวนาทีดับลมหายใจของบางคนได้อย่างน่าหดหู่ใจมาก คลิกที่นี่ เพื่อเข้าสู่ลิ้งค์ต้นเรื่อง อ่านความคิดเห็นอื่นๆ และดูคลิปเหตุการณ์

ขอความเป็นธรรม!! ครอบครัวสาวถูกรถชนพร้อมลูกอีก 2 คน คดีผ่านมาหลายเดือนแล้วไร้ความรับผิดชอบและตามดำเนินเรื่อง อ้างได้แค่เพียงว่า “คู่กรณีอยู่เมืองนอก” อุบัติเหตุเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดแล้วก็ต้องมีกระบวนการทางกฎหมายเพื่อรักษาความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่สำหรับเธอคนนี้ น.ส.นาตาชา แซ่เจีย อายุ 22 ปี เธอกลับเป็นผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างที่คิด ทั้งที่เธอเป็นฝ่ายผู้เสียหาย โดนรถชนทั้งครอบครัว แฟน-ลูกอีก 2 คนบาดเจ็บ มีความหวังกับเงินบาทสุดท้ายที่โทรไปหาตำรวจเพื่อสอบถามความคืบหน้า แต่กลับพบว่าคู่กรณีหนีไปต่างประเทศแล้ว แถมยังตอกกลับ "อยากได้อะไรให้ไปฟ้องเอา!" โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นเมื่อ วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม 2559 มีรถยนต์ชนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งเป็นเหตุทำให้ น.ส นาตาชา แซ่เจีย , ด.ญ ศิริรัตน์ เกตุสันเทียะ , ด.ช พชร เกตุสันเทียะ และนายวชิระ เกตุสันเทียะ ได้รับบาดเจ็บโดยเรื่องราวผ่านไปหลายเดือนแล้ว แต่ไม่ได้มีการรับผิดชอบจากคู่กรณี ทั้งๆ ที่ได้แจ้งความไว้แล้ว เธอจึงจำเป็นต้องโพสต์ผ่านเฟสบุ๊คชื่อ “Natacha Saechia” ระบุข้อความไว้ว่า [ads] หนูมีเรื่อง อยากจะขอความเป็นธรรมให้ครอบครัว เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 28 มี.ค 59 เวลาประมาณ 13.00-14.00 […]

เรามักจะรู้กันโดยทั่วไปเสมอว่าถ้ารถที่จำเป็นต้องขับขี่ช้าๆ เช่น รถมอเตอร์ไซค์/รถจักรยาน รถที่เกิดเหตุขัดข้องไม่สามารถเร่งเต็มสปีดได้ ต้องอยู่เลนซ้ายไว้ก่อน เพื่อให้รถที่ใช้ความเร็วปกติหรือเร็วกว่าแซงไปได้ แต่อย่าขับแช่กลางเลนหรือแช่เลนขวา เพราะช่องทางด้านขวาสุดนั้นตามกฎหมายจราจรหมายถึงช่องทางสำหรับรถที่เร็วกว่าใช้แซงรถที่วิ่งช้า ส่วนรถคันที่ขับช้ากว่าหรือแม้แต่ขับเร็วเมื่อแซงในช่องทางด้านขวาแล้วก็จะต้องกลับมาวิ่งในเลนกลาง การออกกฎระเบียบบังคับให้รถทุกคันขับขี่ในลักษณะดังกล่าวก็เพื่อความปลอดภัย เพราะการแซงในช่องทางซ้ายนั้นอันตรายมากกว่าการแซงในเลนขวาสุด แต่กระนั้นก็ยังมีบางคันที่ฝืนขับรถแช่ขวาให้เพื่อนร่วมทางหงุดหงิดใจ ด้วยความที่ "รู้ทั้งรู้ก็ไม่สนใจ" หรือ "เป็นมือใหม่หัดขับ ไม่ได้ตั้งใจจะทำผิด" ให้คันที่ตามหลังลุ้นระทึกไปอยู่เรื่อย ว่าจะแซงไม่แซงดี ถ้าแซงแล้วจะเจอแจ๊กพ็อตรึเปล่า ในกรณีที่เราเป็นคนขับรถ เราเลือกได้ที่จะขับรถไม่แช่ขวา เพราะเกรงใจเพื่อนร่วมถนน แต่ถ้าเราบังเอิญว่าต้องมีดวงไปตามหลังใครที่แช่ขวาเข้าสักวัน อย่าเพิ่งหงุดหงิดใจ คิดว่าเป็นปัญหาใหญ่เสมอไป มันมีวิธีจัดการ 1. ใจเย็นๆ ทำใจก่อน คุณจะบ่นด้วยความหงุดหงิด งึมงำอะไรคนเดียวก็ได้ในรถ แต่อย่าไปบีบแตรหรือขับจี้ตูดเพื่อหวังจะกระตุ้นรถเจ้าปัญหาที่อยู่ตรงหน้าให้รู้ตัว เพราะเราไม่รู้เลยว่าคนขับเขามีลักษณะนิสัยอย่างไร เกิดบังเอิญไปเจอคนที่บ้าจี้ ขี้หงุดหงิดเข้า จากที่ว่าจะได้แซงพ้นๆ ไปเงียบๆ คราวนี้เขาอาจจอดรถให้คุณเบรคหัวทิ่ม แล้วลงมาจัดการคุณเอาได้ (ต่อให้คุณเป็นฝ่ายถูก แต่มันก็เสียเวลา ไม่คุ้มกัน) หรือไม่ก็ไปเจอมือใหม่หัดขับแต่ขี้ตกใจ หักรถกระทันหัน รถชน-รถติดกันยาวเลยทีนี้ 2. ในเมื่อเลนขวาไปไม่ได้ เพราะมีรถขับแช่อยู่ ก็อย่าคิดง่ายๆ โดยการใช้เลนซ้ายแซง เพราะเลนซ้ายมักจะมีมอเตอร์ไซค์, จักรยาน หรือแม้กระทั่งคนเดินข้างถนน มันกลายเป็นว่าต่อให้คุณหลบพ้นจากรถแช่ขวา แต่อาจไปทำคนอื่นซวยเข้าอีกต่อหนึ่ง ควรโฟกัสไปที่เลนกลางจะดีกว่า [ads] 3. […]

ผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจ รายงานว่า ภายหลังจากราชกิจจานุเบกษา ลงประกาศ พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2559 (กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) เมื่อช่วงเย็นวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา นางทรงพร โกมลสุรเดช ปลัดกระทวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่าถือเป็นวันสุดท้ายของกระทรวงไอซีที หลังจากก่อตั้งมาได้ 13 ปี ตั้งแต่ ต.ค. 2545 พร้อมกับเปิดเผยสัญลักษณ์ใหม่ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่กรมศิลปากรออกแบบให้แล้ว แต่ในส่วนของโทนสีอาจจะมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย  สำหรับสัญลักษณ์ของกระทรวงใหม่มีลักษณะคล้ายโลโก้ของกระทรวงไอซีทีโดยใช้ "พระพุธ" อยู่ตรงกึ่งกลาง เป็นสัญลักษณ์แทนภูมิปัญญามีความรอบรู้เป็นเลิศ พระหัตถ์ซ้ายถือคัมภีร์ แสดงถึงความรอบรู้ในวิทยาการต่างๆ พระหัตถ์ขวาเปล่งรัศมี เป็นวงแทนคลื่นดิจิทัล ข่าวจาก : prachachat.net

ความเจ็บป่วยของลูกเป็นทุกข์ร้อนใจของคนเป็นพ่อแม่หลายร้อนเท่าเสมอ ต่อให้เป็นโรคที่ใช้เงินค่ารักษาแพงแค่ไหนพ่อแม่ก็ไม่เคยท้อใจ ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีแม่ค้าทำพวงกุญแจ ของที่ระลึกและยางรัดผม ขายตามส่วนราชการและอบจ.พะเยา เพื่อหารายได้ดูแลลูกสาวที่ป่วยเป็นโรคแอลดี ซึ่งบกพร่องทางการเรียนรู้ จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบ น.ส.กรรณิการ์ แซ่ลิ้ม หรือปู อายุ 32 ปี กำลังเดินขายของอย่างขยันขันแข็ง น.ส.กรรณิการ์ กล่าวว่า ตนกับสามีคือ นายแต่ง รำไพ อายุ 44 ปี ช่วยกันประกอบอาชีพ เพื่อหารายได้ดูแลลูกสาวคือด.ญ.ฉัตรศลิษา รำไพ อายุ 5 ปี 4 เดือน ซึ่งป่วยเป็นโรคแอลดี ทุกเดือนต้องพาลูกสาวเข้ารับการบำบัดรักษาที่ จ.เชียงใหม่ ครั้งละ 3 วัน โดยแต่ละครั้งมีรายจ่าย 1,000-3,000 บาท การเดินทางโดยรถบัสโดยสารประจำทาง บางครั้งขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านกันสองคนแม่ลูกแล้วฝากรถไว้ที่ท่ารถพะเยา หรือได้ความช่วยเหลือจากเทศบาลตำบลดงเจน อ.ภูกามยาว ให้รถกู้ภัยไปส่งขึ้นรถเพื่อไป จ.เชียงใหม่ น.ส.กรรณิการ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมามีหลายหน่วยงานช่วยเหลือ เช่น […]