บุญคุณต้องทนแทน!! ตอนลำบากเพื่อนให้เงินมา4,600บาท ผ่านไป32ปี นำเงินไปตอบแทนเพื่อน46ล้านบาท
Advertisement Advertisement
Advertisement Advertisement
ปล่อยคนโง่ ให้เป็นไปตามกรรม ก่อนอื่น มาดูกันว่ายังไงบ้างที่เรียกได้ว่า “โง่” 1. ชอบโยนความผิด ถ้าคนธรรมดาทำผิด ก็จะรับและใช้เป็นบทเรียน พร้อมปรับปรุง แก้ไข ในวันต่อไป ไม่ให้ผิดอีก แต่ถ้าผิด แล้วโยนความผิดให้คนอื่น เรียกว่า ‘โง่’ แค่นี้ก็ไม่รู้ว่าตัวเองผิด แค่นี้ก็ไม่กล้าปรับปรุง ก็เลยโง่อยู่อย่างนั้น โง่ซ้ำๆ ซากๆ ถ้าเจอคนแบบนี้ อย่ารู้จัก จะดีกว่าเนอะ ปล่อยเขาไป ตามเวรตามกรรมเถอะ 2. ถูกเสมอ อันนี้สืบมากจากข้างบน คือ ยังคิดว่าตัวเองถูกตลอด สังเกตได้ว่าเวลามีข้อขัดแย้ง จะเถียงเอาเป็นเอาตายไม่มีฟังชาวบ้าน ใช้ตรรกะวิบัติ เหตุผลวิบัติไปเรื่อยๆ แถข้างๆ คูๆ เพื่อเอาชนะเราก็เท่านั้น เจอคนแบบนี้ เงียบดีกว่าค่ะ จำไว้ว่า “เสือ ไม่มีวันลดตัวไปกัดกับ หมา” ฉันใด ก็ฉันนั้น เจ้าค่ะ 3. ก้าวร้าว เพื่อกลบเกลื่อน มีการวิจัยมาว่า […]
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือรู้จักกันดีในนามปากกา ว.วชิรเมธี เผยข้อคิด ชีวิตที่ดี ไม่ใช่การทำงานสำเร็จไปซะทุกอย่าง แล้วอุทิศตนให้กับงาน จนลืมไปว่า เรายังมีครอบครัว เรายังมีพ่อ มีแม่ คนทำงานที่สำเร็จจนเสพติดความสำเร็จ แล้วไม่ดูอะไรทั้งสิ้น คิดถึงแต่เรื่องงาน แล้วไม่สนอะไรเลย ผลก็คือ วันหนึ่งพอตัวเองป่วย ขนาดป่วยก็ยังไม่มีเวลาไปหาหมอ จนต้องเชิญหมอให้มาตรวจที่บ้าน เพราะไม่มีเวลาจริงๆ สุดท้ายคนเหล่านี้ จะมีเวลาเป็นของตัวเองอย่างแท้จริง บนห้องไอซียูเท่านั้น พร้อมทั้งยกตัวอย่าง คนสมัยก่อนทำงานเพื่อหาเงินเก็บไว้ใช้ยามแก่เฒ่า แต่คนในยุคทุนนิยมบริโภค ทำมาหากินเพื่อเก็บเงินเอาไว้ เพื่อใช้รักษาตัว ยามตัวเองอยู่ในห้องไอซียู ฉะนั้น ถ้าเราอยากจะใช้ชีวิตอย่างปกติสุข ต้องระวัง อย่าป่วยด้วยโรคเสพติดการทำงาน จงหลงลืมการดูแลร่างกาย ขอขอบคุณที่มา : ฟังธรรมะ ว.วชิรเมธี / พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี
1. ให้เงินคนอื่นยืม เท่ากับจ่ายเงินซื้อศัตรู! อย่าเอะอะก็อยากยืมเงินใครๆ และอย่าอะไรๆก็ให้เงินเขายืม ความสูญเสียหลังจากให้เงินคนอื่นยืมไม่ใช่เงิน แต่เป็นมิตรภาพ! จุดเริ่มต้นเพราะคุณอยากช่วย แต่สุดท้ายความซวยจะมาเยือน 2. ยืมเงินเพื่อน เท่ากับหลอกเงินเพื่อน 3. ส่วนมาก คนที่ให้เงินเขายืมเงินมักจำได้ แต่คนที่ไปยืมเงินเขามามักจะลืม! คนให้ยืมไม่กล้าทวง คนยืมก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน คนให้ยืมกลับรู้สึกกระอักกระอ่วน ส่วนคนยืมกลับไม่รู้สึกอะไร! 4. คนที่ถูกยืมเงินกลัวถูกยืมเป็นครั้งที่สอง เอาไปเอามา เสียทั้งเงินเสียทั้งเพื่อน 5. ก่อนมายืมเงินคบหาเป็นเพื่อน หลังยืมเงินไปกลายเป็นพี่ใหญ่ พอเอาเงินมาคืนทำตัวยังกับเป็นผู้มีพระคุณ 6. อย่าให้คนที่ไม่สนิทยืมเงิน เพราะคนที่เขาสนิทไม่มีใครให้เขายืมแล้ว 7. หากกำลังคบหากันเป็นแฟน เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยปากขอยืมเงิน จงปลีกตัวออกห่างในทันที เพราะหากเขาและเธอไม่ได้หลอกลวงคุณ เขาและเธอก็อาจเป็นคนไม่เอาถ่าน หากให้ยืม ก็ต้องเตรียมใจกับความสัมพันธ์ที่กำลังจะเปลี่ยนไป 8. จำไว้นะ ที่ให้เธอยืมเงินในตอนนั้นไม่ใช่เพราะฉันมีเงินมาก แต่เพราะน้ำใจที่อยากให้เธอผ่านเรื่องร้ายไปได้ด้วยดี ที่ให้ยืมนั้นไม่ใช่แค่เงิน แต่มันคือความเห็นใจ ความเชื่อใจ 9. หากคนที่เคยยืมเงินกลับมายืมเงินอีกเป็นครั้งที่สอง ทั้งๆที่ครั้งแรกยังไม่คืน คนแบบนี้ไม่เคยสำนึกคุณเงินที่คุณให้ยืมไปครั้งแรก แต่เขาจะโกรธแค้นที่คุณไม่ให้เขายืมอีกในครั้งที่สอง […]
ภาวนามาก ๆ ดูตัวเองมาก ๆ หลวงพ่อชา สุภัทโท (พระโพธิญาณเถร) บอกว่า “ธรรมดาเราดูแต่คนอื่น 90 % ดูตัวเองแค่ 10 %” คือคอยดูแต่ความผิดของคนอื่น เพ่งโทษคนอื่น คิดแต่จะแก้ไขคนอื่น กลับเสียใหม่นะ ดูคนอื่นเหลือไว้ 10 % ดูเพื่อศึกษาว่า เมื่อเขาทำอย่างนั้น คนอื่นจะรู้สึกอย่างไร เพื่อเอามาสอนตัวเองนั่นแหละ ดูตัวเอง พิจารณาตัวเอง 90 % จึงเรียกว่าปฏิบัติธรรมอยู่ ธรรมชาติของจิตใจมันเข้าข้างตัวเอง โบราณพูดว่า เรามักจะเห็น ความผิดของคนอื่นเท่าภูเขา ความผิดของตนเองเท่ารูเข็ม มันเป็นความจริงอย่างนั้นด้วย เราจึงต้องระวังความรู้สึกนึกคิดของตัวเองให้มาก ๆ เห็นความผิดของคนอื่น ให้หารด้วย 10 เห็นความผิดตัวเอง ให้คูณด้วย 10 จึงจะใกล้เคียงกับความจริงและยุติธรรม เพราะเหตุนี้เราจะต้องพยายามมองแง่ดีของคนอื่นมาก ๆ และตำหนิติเตียนตัวเองมาก ๆ แต่ถึงอย่างไร ๆ เราก็ยังเข้าข้างตัวเองนั่นแหละ พยายามอย่าสนใจการกระทำ การปฏิบัติของคนอื่น ดูตัวเอง […]
หากชีวิตเรา ถือเงินทองเป็นจุดมุ่งหมายเป็นศูนย์กลาง ชีวิตนั้นมีแต่ความยากลำบาก หากชีวิตเรา ถือบุตรธิดาเป็นจุดมุ่งหมายเป็นศูนย์กลาง ชีวิตนั้นมีแต่ความเหนื่อยล้า หากชีวิตเรา ถือความรักเป็นจุดมุ่งหมายเป็นศูนย์กลาง ชีวิตนั้นมีแต่ความเจ็บปวด หากชีวิตเรา ถือการแข่งขันเปรียบเทียบเป็นจุดมุ่งหมายเป็นศูนย์กลาง ชีวิตนั้นมีแต่ความตกต่ำ หากชีวิตเรา ถือความเอื้อเฟื้อใจกว้างเป็นจุดมุ่งหมายเป็นศูนย์กลาง ชีวิตนั้นมีแต่ความโชคดีมีสุข หากชีวิตเรา ถือความพอเพียงเป็นจุดมุ่งหมายเป็นศูนย์กลาง ชีวิตนั้นมีแต่ความสุข หากชีวิตเรา ถือบุญคุณเป็นจุดมุ่งหมายเป็นศูนย์กลาง ชีวิตนั้นมีแต่ใจเมตตา คุณธรรม สุภาพบุรุษ 6 ประการ 1. การเป็นคน : เหนือเราให้นบน้อม ใต้เราอย่าดูหมิ่น นั้นคือ ธรรมเนียมปฏิบัติ 2. การงาน : เรื่องใหญ่ให้จริงจัง เรื่องเล็กที่ไม่สำคัญอย่าใส่ใจ ถือเป็นปัญญา 3. เกี่ยวเนื่องผลประโยชน์ : สามารถได้ 6 ส่วน แต่เอาเพียง 4 ส่วน ถือเป็นคุณธรรม 4. ความเที่ยงตรง : รักษาตัวดั่งเช่นดอกบัว หอมใสสะอาดขจรไกล ถือเป็นความเที่ยงธรรม 5. การปฏิบัติกับคน : นอกในเป็นหนึ่งเดียว สัตย์ซื่อต่อผู้คน ถือเป็นความน่าเชื่อถือ 6. การบำเพ็ญ : รวมศูนย์จิตสมาธิ เคารพฟ้ารักผู้คน ถือเป็นเมตตาธรรม เวลาไม่มีเงิน ขอให้ขยันทำงาน เงินก็มา อันนี้เรียกว่า สวรรค์ประทานรางวัลให้ความขยัน เวลามีเงิน เอาเงินออกไป คนก็มาเลย อันนี้เรียกว่าเงินไปคนมา หากมีคนแล้ว […]