เพื่อไทยย้ำ นายกฯมีอำนาจเต็มปรับครม.เชื่อได้รัฐมนตรีที่แข็งแกร่งมากขึ้น

Advertisement 27 เมษายน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ระบุนายกฯปิดจ๊อบโผ ครม.เศรษฐา 2 นิ่ง จัดทัพ เสริมแกร่งรัฐบาลว่า การปรับคณะรัฐมนตรีจะปรับเร็วหรือปรับช้า ปรับเล็กหรือปรับใหญ่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง มีอำนาจเต็มในการปรับคณะรัฐมนตรีชัดเจน Advertisement Advertisement นายอนุสรณ์กล่าวว่า เท่าที่ติดตามข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้เชื่อว่าจะเป็นคณะรัฐมนตรีที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สามารถทำงานเป็นทีม ตอบโจทย์กับสถานการณ์ปัญหาปัจจุบันได้มากขึ้น การปรับ ครม.ในสถานการณ์การเมืองแบบพรรคร่วมรัฐบาลไม่ง่าย การที่นายเศรษฐาสามารถดำเนินการได้ขนาดนี้ถือว่ามีอำนาจเต็ม เปิดโอกาสให้รัฐมนตรีได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่ และเมื่อถึงเวลาต้องปรับก็ปรับด้วยความมั่นใจ ว่าจะสามารถกระชับการทำงานให้ตอบโจทย์แก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติและประชาชนได้ “ครม.สไตล์รัฐบาลเศรษฐาทำงานเร็วในการเดินหน้าผลักดันนโยบายเรือธงของรัฐบาล ทำงานเต็มประสิทธิภาพเพื่อประโยชน์ประเทศชาติและประชาชน“ นายอนุสรณ์กล่าว   ข่าวจาก : มติชน

“แบงก์ชาติ” ส่งหนังสือถึง ครม. แนะทบทวน “ดิจิทัล วอลเล็ต”

ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต 5 แสนล้านบาท ที่ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้เริ่มดำเนินโครงการได้นั้นมีหลายหน่วยงานที่ส่งความเห็นประกอบการพิจารณาของ ครม. นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ส่งหนังสือด่วนที่สุดลงเลขที่ ธปท.ฝกม. 285 /2567 เรื่อง โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต ธปท.มีความห่วงใยและตั้งข้อสังเกตในโครงการดังนี้ 1.ความจำเป็นในการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของรัฐบาลควรทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ในขอบเขตที่ครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการความช่วยเหลือเท่านั้น (targeted) เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ อย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่รายได้ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 15 ล้านคน ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณ 150,000 ล้านบาท เนื่องจากคนกลุ่มรายได้น้อยมีสัดส่วนการใช้จ่ายเพื่อบริโภคสูงกว่ากลุ่มรายได้อื่น และมักซื้อสินค้าที่ผลิตในประเทศมากกว่าสินค้านำเข้า นอกจากนี้ควรพิจารณาดำเนินโครงการแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลังด้วย ทั้งนี้ ความจำเป็นที่จะกระตุ้นการบริโภคในวงกว้างมีไม่มาก โดยในปี 2566 การบริโภคภาคเอกชนของไทยขยายตัวได้ที่ […]

‘นายกฯเศรษฐา’ คอนเฟิร์ม เงินช่วยชาวนาไร่ละพัน เริ่มโอน 28 พ.ย.นี้

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมชคลัง ในฐานะประธานกรรมการ (บอร์ด) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ธ.ก.ส. มีมติเห็นชอบอนุมัติให้ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 66/67 ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท วงเงินรวม 5.6 หมื่นล้านบาท โดยจะเริ่มจ่ายในวันที่ 28 พ.ย.66 ซึ่ง นายเศรษฐาทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง จะแถลงรายละเอียดและเปิดงานด้วยตัวเอง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) อนุมัติวงเงินชดเชยดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการโรงสี เพื่อให้มีสภาพคล่องในการรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่กำลังออกสู่ตลาดในขณะนี้ โดยชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้ในอัตรา 4% คิดเป็นวงเงินรวม 780 ล้านบาท โดยให้ใช้เงินกองทุนนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (กองทุนคชก.) และจะเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบวันที่ 28 พ.ย.นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกปีการผลิต 66/67 จะช่วยชดเชยดอกเบี้ยโรงสีเก็บสต็อกข้าว 4% งบประมาณรวม 780 ล้านบาท […]

“นายกฯเศรษฐา” เผย ต้นปีหน้าปรับขึ้นค่าแรง ให้ “ธรรมนัส” เป็นหัวหน้าคณะดูแลประมงทั้งหมด

1 กันยายน 2566 นายเศรษฐา​ ทวีสิน​ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมาย โดยตั้งศูนย์ One Stop Service ในลงพื้นที่ลงพื้นที่ท่าเทียบเรือสิริไพโรจน์​ ต.แหลมใหญ่​ อ.เมือง​ จ.สมุทรสงคราม พบผู้ประกอบการประมงในพื้นที่​ เพื่อพูดคุยประเด็นผลกระทบจากประกาศการทำประมงผิดกฎหมาย​ หรือ​ IUU และแนวทางการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนชาวประมงสมุทรสงครามว่า​ จะให้ทีมงานดูเพิ่มเติมและหลังจากที่รัฐบาลได้เห็นปัญหาว่า แรงงานที่จะมาทำงานต้องใช้เอกสาร หลายกรม​ หลายกระทรวง หากเอกสารไม่ครบ ก็ไม่สามารถที่จะปฏิบัติงานได้ ซึ่ง​ตนเห็นใจชาวประมง ที่ต้องสูญเสียรายได้จากการจับปลามูลค่าหลักแสนหลักล้าน โดยมีแนวคิดว่า จะให้เอกสารใช้ระบบออนไลน์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจสอบ เมื่อถามว่า จะให้ ร.อ.ธรรมนัส​ พรหมเผ่า ว่าที่รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นหัวหน้าคณะดูแลเรื่องการประมง รวมถึงการเกษตรทั้งหมดหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นว่าที่ฯ​ ก็ต้องดูทั้งหมด เรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องแก้ไขคือปัญหาด้านการท่องเที่ยว รวมถึงการพักหนี้สิน และเรื่องที่ตนจะรับผิดชอบดูแลเองคือ เรื่องการประมง และเชื่อว่า ร.อ.ธรรมนัส​ พร้อมที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ บูรณาการงานร่วมกับคณะทำงานของพรรคเพื่อไทย โดยมี “นายปลอดประสพ สุรัสวดี” และจะมีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมกับผู้ประกอบการ เพื่อแก้ไขปัญหาโดยเร็ว […]

error: