เลือกตั้งประเทศไทย

Advertisement   Advertisement ความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐล่าสุด (12 ก.พ.62) นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค ได้เขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เปิดเผยถึงนโยบาย ‘มารดาประชารัฐ’ ว่า พี่น้องประชาชนคงได้ยินได้ฟังกันบ่อยครั้งที่พรรคการเมืองบอกเราว่าได้ให้ความสำคัญกับเด็กตั้งแต่เกิดไปจนโต แต่สำหรับพรรคพลังประชารัฐแล้วเราคิดลึกซึ้งกว่านั้น เพราะความสมบูรณ์ของเด็กไม่ใช่แค่ดูแลเมื่อคลอดออกมาลืมตาดูโลกเท่านั้น แต่ต้องดูแลให้ความสำคัญทั้งแม่และเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์ จึงจะมีสุขภาพและสมองที่ดี มีการพัฒนาเจริญเติบโตในทุกๆ ด้าน  นโยบาย ‘มารดาประชารัฐ’ เป็นอีกหนึ่งนโยบายที่พรรคพลังประชารัฐได้ให้ความสำคัญกับอนาคตของเด็กไทย โดยจะดูแลตั้งแต่มารดาตั้งครรภ์ไปจนถึงคลอด และจะดูแลต่อไปจนถึงอายุ 6 ปี เพราะจากการวิจัยพบว่าช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการเจริญเติบโตของเด็กคือตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาจนถึง 6 ปีแรก ถ้าช่วงเวลานี้เราดูแลเขาอย่างดี เขาจะเติบโตและมีพัฒนาการที่ดี  ‘มารดาประชารัฐ’ จะดูแลตั้งแต่คุณแม่ฝากครรภ์ เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเดือนละ 3,000 บาท เป็นเวลา 9 เดือน รวมสูงสุด 27,000 บาท ค่าคลอดจำนวน 10,000 บาท หลังจากนั้นจะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็กอีกเดือนละ 2,000 บาท ตั้งแต่เกิดจนมีอายุครบ 6 ปี เป็นจำนวนเงินรวมสูงสุด 144,000 บาท […]

  เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 12 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ก่อนการประชุม ครม.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ปรารภว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราโชบายในการบริหารประเทศ โดยขอให้คนไทยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ที่พระองค์เห็นความสำคัญของประชาชน โดยท่านมีรับสั่งว่า ขอให้ ครม.นึกถึงประชาชนเป็นหลักในการทำงาน ทำให้มีความสุข มีทางออก และมีทางเลือก ขณะที่การแก้ปัญหาสังคมของประเทศนั้น สามารถบรรเทาได้โดยการสร้างวินัยให้กับประชาชน รวมถึงขอให้ประชาชนทุกคนมีความภูมิใจในประวัติศาสตร์ ชาติพันธุ์ วัฒนธรรม และอัตลักษณ์ของประเทศไทย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับประเทศชาติได้ในเรื่องส่งเสริมการท่องเที่ยว “ส่วนประเด็นสำคัญ คือการนำเอาจิตอาสาไปขับเคลื่อนให้กับเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน หากช่วยเหลือได้ จะนำจิตอาสาช่วยบรรเทาปัญหาต่างๆ ทั้งด้านผลผลิต และการเกษตร ซึ่งถือว่าเป็นโครงการที่ดีที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหาให้กับทุกหมู่เหล่า โดยจะเป็นการร่วมมือกันของส่วนราชการ เอกชน ในการรวมพลัง ช่วยเหลือผู้ขาดแคลนในประเทศ เพื่อยกระดับให้มีฐานะที่เท่าเทียมกัน ลดความเหลื่อมล้ำและลดช่องว่าง” พ.อ.หญิง ทักษดากล่าว ข่าวจาก : […]

  พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันทำหน้าที่ไปตามปกติไม่ได้กดดันใดๆ หลังมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ แต่ระมัดระวังไม่ทำให้ผิดกฎหมาย ถามกลับจะให้ไปดีเบตควรไหม พร้อมระบุ อย่าเชื่อพวกพูดเก่งแต่ปฏิบัติไม่ได้ วันที่ 12 ก.พ. เวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ตอบคำถามผู้สื่อข่าวหลังการประชุม (ครม.) ถึงประเด็นเรื่องการเมืองว่า หลังตอบรับมีชื่อในบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ตนได้ไม่ได้รู้สึกกดดันใดๆ เพราะทำงานเต็มที่ทุกวันอยู่แล้ว วันนี้ก็ทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีและ คสช.อย่างเต็มที่ส่วนเรื่องการเมืองก็เป็นเรื่องของพรรคการเมืองดำเนินการไป เรื่องการวางตัว บทบาทนายกรัฐมนตรีหลังมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ จะระมัดระวังให้มากที่สุดจะปฏิบัติทุกอย่างให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่กิจกรรมสำคัญของรัฐบาลที่ต้องขับเคลื่อนก็ต้องดำเนินการต่อไป อย่าเอามาเป็นประเด็นทางการเมือง คนละเรื่องกัน การเมืองและการเลือกตั้งเป็นเรื่องของอนาคต เราจะกำหนดบทบาทประเทศอย่างไรประชาชนก็ต้องเรียนรู้ตั้งแต่จุดนี้ เรื่องการหาเสียงของพรรคและการชูชื่อของตนก็เป็นเรื่องของพรรคพลังประชารัฐ ส่วนประชาชนจะมีโอกาสได้พบตัวหรือไม่ ทุกวันนี้ก็พบทุกช่องทางอยู่แล้วเพราะตนมาทำงานทุกวัน ไม่เคยหยุดราชการอยู่แล้ว อยู่บ้านก็ทำงาน อย่าให้ทุกอย่างเป็นประเด็นเลย ส่วนคำถามเรื่องการไปร่วมดีเบตกับตัวแทนพรรคอื่นๆ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การไปร่วมดีเบตหรือไม่เป็นเรื่องของพรรคการเมือง ต้องไปดูว่ากฎหมายให้ไปได้ไหมและควรหรือไม่ควร อยากจะฝากข้อคิดว่า การดีเบตใครจะพูดอะไร ขออย่าไปเชื่อพวกพูดเก่งอย่างเดียวแต่ปฏิบัติไม่ได้ หลายอย่างมีเรื่องงบประมาณเกี่ยวข้อง วิธีการทำงานก็ไม่ง่าย มีกฎหมายหลายอย่าง การรับปากให้โน่นให้นี่ตัวเลขคงไม่ได้จะอนุมัติได้อย่างไร ภาษีเป็นของคนทุกกลุ่มทุกฝ่าย อยากให้มองผลที่จะเกิดขึ้นได้จริงด้วย […]

  เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเอกภพ เหล่าลาภะ เลขาธิการศูนย์ประสานงานองค์กรชาวพุทธแห่งชาติ เข้ายื่นหนังสือถึงเลขาธิการ กกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบการกระทำความผิดและตัดสิทธิเลือกตั้งนายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป กรณีใช้คำว่า “น้อมนำคำสอนพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหาทุกข์ร้อนให้กับประชาชน คือ งานของพรรคประชาชนปฏิรูป” ซึ่งการระบุคำว่าพระพุทธเจ้าสื่อความหมายได้ว่า เป็นการนำเอาพระพุทธศาสนามาใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งอาจขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 ที่กำหนดป้องกันไม่ให้มีการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา และ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 14 เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ดังนั้นเพื่อระงับยับยั้งป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อพระพุทธศาสนาและพระสงฆ์ ตนและเครือข่ายขอให้ กกต.ตรวจสอบพรรคประชาชนปฏิรูปว่ากระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ หากพบว่ามีความผิดจริงขอให้ตัดสิทธิทางการเมือง และส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค ข่าวจาก : มติชนออนไลน์

  วันที่ 12 กุมภาพันธ์ ภายหลังการประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อพิจารณากรณีการกระทำของพรรคไทยรักษาชาติ ที่เสนอพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ว่าเข้าข่ายผิดมาตรา 92 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 หรือไม่ จากนั้นที่ประชุมได้มีมติเห็นว่าเข้าข่ายผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 (2) กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติหรือไม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุม กกต. มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งยุบพรรค ทษช.หลังพิจารณาคำร้องที่ขอให้ตรวจสอบว่าการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกของพรรคดังกล่าวเข้าข่าย ผิดพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา92 (2)กระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือไม่โดยที่ประชุมกกต.เห็นว่า ตามพระราชโองการ ประกาศสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกาศ ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2562 และหนังสือการแจ้งรายชื่อบุคคลที่พรรคการเมืองมีมติเสนอสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรค รวมถึงหนังสือยินยอมให้เสนอชื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกฯ ซึ่งพรรค ทษช. ยื่นต่อกกต.ถือเป็นพยานหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรค ทษช.กระทำการดังกล่าวเป็นเหตุให้ต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยสั่งยุบพรรค และขณะนี้ได้ให้ สำนักงานฯยกร่างคำร้อง เพื่อที่จะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในวันเดียวกันนี้ มีรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น.กรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติมีการหารือด่วน […]

  เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ผู้สมัคร สส.เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จ.พัทลุง แกนนำ ปชป.ในภาคใต้ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” ระบุว่า ปฏิญญาทุ่งสงคืนความเป็นธรรม สู่ความเท่าเทียม ความขัดแย้งทางการเมืองตลอดช่วงเวลา สิบกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้ภาคใต้ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการพัฒนาอย่างเท่าเทียม ทั้งที่ภาคใต้เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาสูง มีทะเลขนาบสองด้าน พื้นที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากร มีความสวยงาม ประชาชนมีความกระตือรือร้นในการพัฒนาสูง จะเห็นได้ว่าแม้ในช่วงเวลาที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการพัฒนา ภาคใต้ยังทำรายได้ให้ประเทศติดอันดับต้นๆพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองที่พี่น้องชาวภาคใต้เชื่อมั่นและให้การสนับสนุนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แต่กลับมีโอกาสบริหารประเทศไม่ต่อเนื่อง ประกอบกับมีรัฐบาลที่ขาดความเป็นธรรม กลั่นแกล้งในการจัดงบประมาณ ทอดทิ้งภาคใต้ แม้ในบางช่วงเวลาที่พรรคมีโอกาสเป็นรัฐบาล พรรคฯจะเร่งรัดจัดงบประมาณพัฒนาภาคใต้อย่างเต็มที่ แต่ยังคงมีช่องว่างการพัฒนาและความไม่เท่าเทียมสูง พรรคฯเห็นว่าถึงเวลาที่จะต้องคืนความเป็นธรรมให้ภาคใต้ ปฏิญญาทุ่งสง คือคำประกาศแสดงเจตจำนงของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะคืนความเป็นธรรมให้ภาคใต้ ด้วยการกำหนดโครงการพัฒนาพื้นที่ขนาดใหญ่ เพื่อฟื้นคืนความยิ่งยงของภาคใต้กลับมาสู่ความยิ่งใหญ่ของการเป็นเมืองท่าค้าขายในอดีต ปลดปล่อยพลังแห่งการพัฒนาด้วยการกระจายอำนาจให้กำหนด อนาคตของตนเอง ต้องยกระดับการดูแลทุกข์สุขของคนด้านสาธารณสุขให้ทันสมัย ทั่วถึง รองรับการพัฒนาอีกทั้งจะต้องกระจายผลของการพัฒนาให้คนทั้งภาคอย่างเท่าเทียม ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง พรรคฯเห็นว่าการเชื่อมโยงภาคใต้เป็นภูมิภาคหนึ่งเดียว ทั้งสองฝั่งทะเล มีเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงหลากหลายทั่วถึง สามารถเดินทางทั่วถึงได้ในวันเดียว จะเป็นการสร้างเสริมความเข้มแข็งของภูมิภาคที่สามารถยืนได้ด้วย […]

  วันที่ 11 ก.พ. คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยผลการประชุมเพื่อพิจารณาในประเด็นการแจ้งรายชื่อบุคคลเพื่อเสนอชื่อให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี และได้มีการประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง แจ้งรายชื่อบุคคลที่ผ่านการพิจารณาแล้ว โดยไม่รวมถึงพระนามของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ที่เสนอชื่อโดยพรรคไทยรักษาชาติ กกต.ให้เหตุผลว่า พระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์ทรงอยู่ในหลักการเกี่ยวกับการดำรงอยู่เหนือการเมือง และความเป็นกลางทางการเมืองของพระมหากษัตริย์ด้วยและไม่สามารถดำรงตำแหน่งใดๆ ทางการเมืองได้ เพราะจะเป็นการขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งนี้เป็นไปตามพระราชโองการ ประกาศสถาบันพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งประกาศ ณ วันที่ 8 ก.พ. 2562 ประกอบรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 สำหรับรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ตามประกาศ กกต. มี 69 คน จาก 45 พรรค ข่าวจาก : workpointnews

  เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 10 ก.พ. ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำโดย นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการบริหารพรรค พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 30 เขต ร่วมปล่อยขบวนรถแห่ในเขตกรุงเทพมหานครทั้ง 30 เขต โดยนายสนธิรัตน์ กล่าวให้แนวทางโยบายและการหาเสียงว่า วันนี้เป็นวันยิ่งใหญ่ของพวกเราที่อาสามารับใช้ชาวกทม. เป็นวันยิ่งใหญ่ของพรรคที่จะเคลื่อนพลไปยังบ้านของคนกรุงเทพมหานคร พปชร. พร้อมนำเสนอนโยบาย และว่าที่นายกรัฐมนตรีของพรรค เพื่อเปลี่ยนผ่านประเทศไทยให้ได้ พร้อมนำชัยชนะกลับมา ทั้งนี้พปชร.อาสาเป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย เรามาด้วยระบบประชาธิปไตยไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร เราอาสาทำงานเพื่อประชาชน และเคารพการตัดสินใจของพี่น้องประชาชน เราอาสามาต่อสู้ นำพาประเทศไทยกลับไปสู่วงจรเดิม พปชร. เกิดขึ้นเพราะจำเป็นจะต้องเกิดขึ้นมาเพื่อนำพาประเทศไทยเดินหน้า […]

  “บิ๊กจิ๋ว” เสนอ ตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล ทุกพรรคลืมอดีต จับมือกันเพื่ออนาคต ชี้ เลือกตั้งไปก็วุ่นวาย เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดบ้านพักส่วนตัวย่านเกษตร-นวมินทร์ แถลงข่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองว่า ด้วยสถานการณ์การเมืองปัจจุบันนี้ ขอให้ทุกพรรคการเมือง ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ พรรคไทยรักษาชาติ พรรคเพื่อไทย และทุกพรรคการเมือง ลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น แล้วหันหน้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหา จึงขอเสนอให้มีการจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล ที่จะมาแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเฉพาะหน้า โดยรัฐบาลเฉพาะกาลนี้ อาจเป็นการร่วมกันของหลายพรรคการเมืองและคนที่มีความรู้ความสามารถมาพูดคุยตกลงร่วมกัน โดยคนที่มาต้องมีเจตนาที่บริสุทธิ์ เพื่อประเทศชาติจริงๆ “ส่วนจะต้องรีเซตสิ่งที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ทำไว้ทั้งหมดเลยหรือไม่นั้น จะต้องดูเป็นเรื่องๆ ไป หากเป็นเรื่องดีก็จะต้องสนับสนุนและทำต่อไป แต่หากบางเรื่องไม่ดี ก็จะต้องได้รับการแก้ไข ซึ่งต้องไม่ลืมว่า คสช.เข้ามาเพราะประชาชนทะเลาะกัน ทั้งนี้ รัฐบาลเฉพาะกาลจะทำหน้าที่เป็นบางช่วงเวลา เช่น 8 เดือนถึง 1 ปี เข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก่อนเปิดให้มีการเลือกตั้ง โดยมีคณะกรรมการกลาง ที่มาจากหลายภาคส่วน เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลนี้” พล.อ.ชวลิตกล่าว […]