นายกฯ เรียกฝ่ายความมั่นคงถกสถานการณ์เมียนมา​ พร้อมตั้งคณะทำงาน

Advertisement (9 เมษายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความระบุถึงสถานการณ์ในเมียนมาว่า มีความสำคัญต่อไทยเป็นอย่างมาก การทำงานด้านนโยบายเมียนมาก็เพื่อสันติภาพและเสถียรภาพของเมียนมา เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ การประชุมด่วนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกรณีชายแดนเมียนมาเช้านี้ ประเทศไทยพร้อมประสานและส่งเสริมความร่วมมือของทุกภาคส่วนเพื่อให้เกิดสันติภาพและเสถียรภาพในเมียนมาโดยเร็วที่สุด Advertisement ขณะเดียวกันให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมกับผู้ได้รับผลกระทบ และพร้อมดูแลผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประเทศไทยในด้านต่างๆ รวมถึงการค้าชายแดน และเพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จะมีการตั้งคณะทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศรับผิดชอบหลัก โดยมีเลขาธิการสำนักงานความมั่นคงทำงานร่วมด้วย เพื่อสนับสนุนการทำงานของกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งประเด็นการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ สุทินชี้ ยังไม่ถึงขั้นยกระดับเข้มข้น ขณะที่ สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา และเครื่องบินเมียนมาขอลงจอดที่สนามบินแม่สอด สรุปแล้วรับคนหรือรับสิ่งของ เพราะสังคมยังสงสัยว่าเรื่องนี้หน่วยงานหลักคือกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งดูแลสั่งการอยู่ ส่วนกระทรวงกลาโหมติดตามอย่างใกล้ชิดเท่านั้น เมื่อถามว่าจากที่รับรายงานเครื่องบินขนคนหรือสิ่งของกันแน่ สุทินบอกว่า ต้องไปดูรายละเอียดก่อน ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการขอเครื่องบินมาลงจอดต้องผ่านกระทรวงกลาโหมนั้นอาจจะผ่านในระดับอื่น ซึ่งวันนี้จะเรียกผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจง แต่เท่าที่ฟังแล้วไม่มีอะไรผิดปกติ เราแสดงจุดยืนไปว่าทั้งกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมต้องยึดมั่นในมติของอาเซียนอย่างเคร่งครัด เมื่อถามว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้การทำงานในระดับทหารในพื้นที่ลำบากมากขึ้นหรือไม่ สุทินกล่าวว่า ไม่น่าจะมีปัญหา เชื่อว่าทำความเข้าใจกันได้ว่าถ้าเรายังยืนอยู่ในกรอบมติอาเซียนก็ไม่น่ามีปัญหา เมื่อถามว่าเหตุใดนายกรัฐมนตรีเรียกหน่วยงานความมั่นคงประชุมรับมือสถานการณ์เมียนมา แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไม่ได้เข้าร่วม สุทินกล่าวว่า เป็นการประชุมอีกระดับ โดยเป็นระดับผู้ปฏิบัติงาน ไม่ใช่ประชุมสภากลาโหม Advertisement […]

นายกฯ ฟังความคืบหน้า แก้หนี้บุคลากรรัฐ ชี้ ปัญหาหนี้ สารตั้งต้นหายนะประเทศ

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 15 มี.ค. 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ร่วมรับฟังการแถลงความคืบหน้า การแก้ไขปัญหาหนี้สินเงินกู้ของแก่บุคลากรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ จำนวน 11 หน่วยงาน โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึง นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน (ประธานกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ), นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย (ประธานสมาคมธนาคารไทย) ร่วมแถลง นายเศรษฐา กล่าวมอบนโยบายว่า ขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และชื่นชมในการตั้งใจทำงาน ส่วนตัวเชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่ได้ประสบปัญหาเยอะแบบเดียวกับข้าราชการอีกหลายแสนคน ข้าราชการเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศชาติ แต่ยังมีหนี้สินชักหน้าไม่ถึงหลัง ทำงานเท่าไหร่ก็ไม่พอใช้ดอกเบี้ย ถือเป็นสารตั้งต้นหายนะของประเทศ ต้องขอใช้คำนี้ เพราะไม่ใช่แค่เพียงมีเงินไม่พอ แต่หันไปพึ่งสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด เพื่อทำให้จิตใจดีขึ้น […]

นายกฯ เศรษฐา สั่งด่วน งบปี 68 ลดบรรจุข้าราชการใหม่ ลดงบพีอาร์-ดูงานตปท.

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ขณะนี้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ทำหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 6 มีนาคม 2567 ถึงรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และทุกหน่วยงานราชการ โดยระบุถึงข้อสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แจ้งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ที่ผ่านมา ขอให้ทุกส่วนราชการลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น และซับซ้อนในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 สำหรับรายละเอียดสำคัญของข้อสั่งการ ระบุว่า ในคราวประชุมครม. เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2567 นายกรัฐมนตรี เสนอว่าได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 และคณะอนุกรรมาธิการด้านต่าง ๆ ว่า ยังมีการตั้งงบประมาณซ้ำซ้อนกันในหลายหน่วยงาน เนื่องจากขาดการบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งงบประมาณรายจ่ายประจำยังคงมีสัดส่วนค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับงบประมาณรายจ่ายลงทุน ดังนั้น ในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ในส่วนของงบประมาณรายจ่ายบูรณาการขอให้รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลแผนงานบูรณาการต่าง ให้ความสำคัญกับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายให้มีประสิทธิภาพ เกิดความคุ้มค่า ไม่ซ้ำช้อน และมีการบูรณาการกันอย่างจริงจัง สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำ […]

ซูเปอร์โพล ชี้ 6 เดือนแรก “เศรษฐา” ทำงานเข้าตา ประชาชน

3 มี.ค. สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล เปิดผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง ประเมินผลงานรัฐบาล 6 เดือน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ อายุ 18 ปีขึ้นไป ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) รวมจำนวน 1,289 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 28 ก.พ.-2 มี.ค. 67 ที่ผ่านมา เมื่อถามถึงรัฐมนตรีที่ประชาชนรับรู้และพอใจเรื่อง แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ เมื่อตอบได้มากกว่า 1 ท่าน พบว่า 5 อันดับแรก รัฐมนตรีที่ประชาชนรับรู้และพอใจเรื่อง แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ได้แก่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ร้อยละ 67.5 รองลงมา อันดับที่สอง ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร้อยละ 36.0 อันดับที่สาม […]

“นายกฯ” น้อมรับมติกนง. ไม่ลดดอกเบี้ย แต่ไม่เห็นด้วย

7 กุมภาพันธ์ 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการระดับระดับชาติเพื่อเตรียมการจัดประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศปี 2569 ถึงกรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ต่อปีว่า ก็ต้องน้อมรับเมื่อผลโหวตออกมาแบบนั้นรัฐบาลไปก้าวก่ายไม่ได้ “ถ้าถามว่าเห็นด้วยไหม ก็ต้องบอกว่า ไม่เห็นด้วยแต่ไม่มีสิทธิไปก้าวก่ายอยู่แล้ว ทาง กนง. มีความเป็นอิสระในการดำเนินนโยบายทางการเงิน อย่างที่ผมได้เรียนไปเมื่อวานนี้ว่า เราอยากเห็นนโยบายการเงินการคลังไปด้วยกันและตอนนี้ก็เงินเฟ้อติดลบ 4 เดือนแล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว อย่างไรก็ตาม ไม่มีธงว่าในการประชุม กนง.ครั้งหน้าจะต้องลดดอกเบี้ย แม้มติครั้งนี้ กนง. ยังไม่ลด โดยระบุว่าต้องดูตัวเลขไปเรื่อย ๆ ตัวเลขก็ทยอยออกมาตลอดเวลา ถ้าตัวเลขบ่งชี้ว่าไม่ต้องลดก็จะออกมาบอกว่าเห็นต่าง หรือเห็นด้วย หรือเห็นสมควร หรือว่าต้องมีการโน้มน้าว หรือต้องมีการพูดคุย ก็ต้องทำต่อไป สำหรับความเห็นต่างระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายปฏิบัติจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานร่วมกันหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความเห็นต่างเป็นเรื่องที่สังคมต้องยอมรับได้ ต้องบริหารจัดการกันไปภายใต้กรอบที่ไม่ก้าวร้าวซึ่งกันและกัน มีอุปสรรคก็ต้องแก้ไขกันไป ไม่ว่าจะเป็นปัญหายาเสพติด ปัญหาความปลอดภัยทางสังคม หรือปัญหาฝุ่นละออง […]

นายกฯ กระทุ้งแรงแบงก์ชาติ หั่นดอกเบี้ย ชี้กระทบค่าใช้จ่ายปชช.

6 กุมภาพันธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก่อนเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้สัมภาษณ์ถึงโอกาสที่จะนัดคุยกับนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลในมิติต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจว่า ขออนุญาตเรียนว่าจริงๆ แล้วเรื่องนโยบายการเงินการคลังเราคุยผ่านสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เรื่องตัวเลขเหล่านี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ได้อธิบายแล้ว เรื่องตรรกะเงินเฟ้อที่มาได้อย่างไรเรื่องที่เรามีมาตรการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนลดค่าใช้จ่ายมาอย่างไร นายเศรษฐากล่าวว่า ขออนุญาตเรียนว่าจริงๆ แล้วเรื่องเงินเฟ้อกับดอกเบี้ยเป็นเรื่องใหญ่ แต่เราอย่าลืมว่าจริงๆ แล้วเงินเฟ้อที่มันติดลบส่วนหนึ่งเกิดจากที่เรามีมาตรการรัฐออกไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนเพื่อลดรายจ่าย นั่นแสดงให้เห็นว่าจริงๆ แล้วตรงนี้ประเด็นเรื่องเงินเฟ้อไม่มี ถ้าจะมีเกิดจากรากปัญหา คือ ต้นทุนสินค้าที่สูงขึ้น แต่เมื่อเราไปคุมตรงนั้นได้เงินเฟ้อก็ไม่มี นายเศรษฐากล่าวอีกว่า ทั้งนี้มาตรการที่จะขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ลดต้องดูที่เงินเฟ้อที่เกิดจากความต้องการคือเกิดจากการใช้จ่าย แสดงว่าดีมานด์มันไม่มี เงินเฟ้อไม่มี ถ้าตรงนี้ไม่เกิดแสดงว่าปลอดภัยหรือเปล่า ที่จะเลิกลดดอกเบี้ยได้แล้วเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ถ้าเกิดลดดอกเบี้ยมาแล้วเกิดมีปัญหาเรื่องของดีมานซึ่งมันเยอะอยู่แล้วก็อาจจะก่อให้เกิดเงินเฟ้อได้ แต่อย่างนี้ตนคิดว่าดูจากตัวเลขทั้งสองฝ่ายแล้ว Cost-push หรือเงินเฟ้อที่เกิดจากราคาแพงที่เกิดขึ้นมาในอดีต จริ ๆ แล้วตรงนี้ เชื่อว่าพื้นที่ในการลดดอกเบี้ยมีอีกเยอะมาก ”ฉะนั้น เรื่องการพูดคุย เราได้มีการพูดคุยกันชัดเจนอยู่แล้ว คงเป็นเรื่องความเห็นต่างหรือเรื่องทิฐิผมไม่ทราบ แต่มันชัดเจนอยู่แล้วที่เงินเฟ้อติดลบติดต่อกันมา 4 […]

ครม.ลดภาษีสุราพื้นบ้านเหลือ 0% กระตุ้นท่องเที่ยวเศรษฐกิจชุมชน

วันที่ 2 มกราคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เพื่อเป็นการกระตุ้นเรื่องของการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในประเทศ จึงมีการปรับโครงสร้างภาษีสรรพาสามิตและภาษีอาการประเทศต่าง ๆ มากมาย เช่น ภาษีสุราพื้นบ้านปรับเป็น 0 % และให้กรมสรรพามิตทบทวนเรื่องกฎหมายที่ช่วยสนับสนุนสุราพื้นบ้าน รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง แจ้งว่า วันนี้เวลา 15.00 น. นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง จะแถลงข่าว “มาตรการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย” ซึ่งกระทรวงการคลัง จะเสนอมาตรการดังกล่าวต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้(2ม.ค.2567) โดยมาตรการดังกล่าว จะมีทั้งการปรับโครงสร้างภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงสุราชุมชน ตลอดจนการพิจารณายกเลิกการอนุญาตจัดตั้งร้านค้าปลอดภาษี (Duty free) ขาเข้าทุกสนามบิน เพื่อส่งเสริมให้คนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ใช้จ่ายและซื้อสินค้าภายในประเทศมากขึ้น แทนการซื้อสินค้าจากร้านค้าปลอดภาษี ทั้งนี้ในปีงบประมาณ 2566 กรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีสุรา ภาษีเบียร์ และภาษีเครื่องดื่ม 177,596 ล้านบาท แบ่งเป็นภาษีสุรา 64,168 ล้านบาท ภาษีเบียร์ […]

เร่งติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่าง “มอเตอร์เวย์โคราช” รวมระยะทาง 80 กม. เปิดวิ่งฟรี 28 ธ.ค.นี้

จากกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มีคำสั่ง ให้เปิดใช้ถนนมอเตอร์เวย์ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (21 ธ.ค. 2566)บรรดาช่างไฟฟ้าของบริษัทผู้รับเหมา ได้เร่งติดตั้ง ระบบ ไฟส่องสว่าง บนถนนมอเตอร์เวย์ จุดทางลงเชื่อมต่อกับถนนเลี่ยงเมืองนครราชสีมา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อเตรียมความพร้อม ที่จะเปิดให้บริการประชาชน ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ โดยจะเปิดใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หมายเลข 6 (M6) วิ่งฟรีตลอด จนกว่าการก่อสร้างทางหลวงพิเศษ ระหว่างเมืองหมายเลข 6 (M6) จะแล้วเสร็จสมบูรณ์ พร้อมสั่งการให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวง เปิดใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 ตอน 24 ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ถึง ตอน 40 อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา แบบไปกลับ 4 […]

จับตารัฐบาลบีบ ‘ปตท.’ ลดราคาก๊าซ อุ้มค่าไฟประชาชนทั่วไป 4.1 บาท

รายงานข่าวระบุว่า ภายหลังที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา ถึงกรณีที่สำนักงานกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติเห็นชอบให้ปรับค่าไฟฟ้าผันแปล (เอฟที) ขายปลีก สำหรับเรียกเก็บในงวดเดือน ม.ค. – เม.ย. 2567 เท่ากับ 89.55 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 69.07 สตางค์ต่อหน่วย ทั้งนี้ เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาทต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บของผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภทเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 4.68 บาทต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ส่งผลให้ฝ่ายรัฐบาลอยู่ระหว่างหาแนวทางเพื่อปรับลดค่าไฟฟ้าเพื่อคงให้อยู่ในระดับ 3.99 บาทต่อหน่วย เทียบเท่างวดที่เรียกเก็บปัจจุบัน (ก.ย.-ธ.ค. 2566) หรือไม่ควรเกิน 4.20 บาทต่อหน่วย อย่างไรก็ตาม นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน อยู่ระหว่างหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำให้ค่าไฟฟ้าอยู่ที่ระดับ 4.20 บาทต่อหน่วย ในขณะที่ นายกฯ ต้องการที่จะให้ลดค่าไฟฟ้าให้เหลือในระดับ […]

ครม. เห็นชอบหลักการ ขึ้นเงินเดือนข้าราชการบรรจุใหม่ 1.8 หมื่นบาท

28 พ.ย. นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เป็นประธาน เห็นชอบหลักการให้มีการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ตามข้อเสนอของสำนักงานคณะกรรมการพลเรือน (ก.พ.) โดยปรับขึ้นในส่วนของข้าราชการบรรจุใหม่ปีละ 10% ใน 2 ปีงบประมาณ ได้แก่ ปีงบประมาณ 2567 และปีงบประมาณ 2568 ซึ่งจะทำให้เงินเดือนของข้าราชการบรรจุใหม่อยู่ที่ 18,000 บาทต่อเดือน ในปีงบประมาณ 2568 จากปัจจุบันอยู่ที่ 15,000 บาทต่อเดือน โดยการเริ่มปรับฐานเงินเดือนข้าราชการจบใหม่ 10% จะเริ่มต้นในเดือน พ.ค. หน้า หลังจากที่ พ.ร.บ.งบประมาณ ประกาศใช้แล้ว สำหรับข้าราชการชั้นผู้น้อยอื่นๆ ที่เข้ามารับราชการก่อน และยังไม่ถึงระดับชำนาญการ (C8) และยังมีเงินเดือนไม่ถึง 18,000 บาทต่อเดือน จะมีการปรับฐานเงินเดือนขึ้นไปให้อยู่ในที่สูงกว่าข้าราชการบรรจุใหม่ โดยในช่วงเวลาที่ยังไม่ได้ปรับฐานเงินเดือนให้กับข้าราชการที่เข้ามารับราชการก่อนและเงินเดือนยังไม่ถึง 18,000 บาท […]

1 2 3 4
error: