แบงก์ชาติ รับสมัคร นศ.จบใหม่ ไม่มีประสบการณ์ TOEIC550 บัดนี้-31มี.ค.66

Advertisement Advertisement   ธปท. เปิดรับสมัครบุคคลภายนอก เพื่อปฏิบัติงานในตำแหน่งที่ต้องการผู้สำเร็จการศึกษา ทั้งมีและไม่มีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับงานด้านต่างๆ ดังนี้ 1) นโยบายการเงิน 2) ตลาดการเงิน​ 3) นโยบายและกำกับตรวจสอบสถาบันการเงิน​ 4) นโยบายระบบการชำระเงิน​ 5) เทคโนโลยีสารสนเทศ 6) Data Analytics​ 7) กฎหมาย​ Advertisement คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งงาน ● สัญชาติไทย ● สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป ในสาขาวิชาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงาน ธปท. ทักษะที่จำเป็นสำหรับตำแหน่งงาน ● ความสามารถด้านภาษาอังกฤษ คะแนน TOEIC 550 โดยผลการสอบภาษาอังกฤษจะต้องมีอายุไม่เกิน 2 ปี ณ วันที่ยื่นใบสมัคร สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Email: [email protected] รับสมัครบัดนี้-31มี.ค.66 ((คลิกที่นี่เพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม/ดาวน์โหลดเอกสารประกาศฉบับเต็ม))

แบงก์ชาติ ออกกฎเข้ม โอนเงินเกิน5หมื่น ต้องยืนยันตัวตน

9 มีนาคม 2566 น.ส.สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้กำหนดให้ยืนยันตัวตนด้วย biometric ผ่านหน้า Face Recognition โดยกำหนด 3 ธุรกรรมที่ต้องยืนยันตัวตนคือ 1.การโอนวงเงินเกิน 50,000 บาทต่อรายการ 2.โอนวงเงินเกิน 200,000 บาทต่อวัน และ 3.การปรับเพิ่มวงเงินเกิน 50,000 บาทต่อวัน โดยลูกค้าจะต้องมีการ Verify ตัวตนลูกค้า การทำทั้ง 3 ส่วนจะช่วยป้องกันภัยจากคนร้าย และช่วยแก้บัญชีม้าได้ หากมีการบังคับใช้สแกนใบหน้า” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธปท.ได้เชิญผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ เข้าประชุมร่วมกับสมาคมธนาคารไทย และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ในเรื่องเกี่ยวกับมาตรการจัดการภัยทุจริตทางการเงิน ภายหลังจาก ธปท. ออกแนวนโยบายเป็นชุดมาตรการจัดการภัยทุจริตทางการเงิน กำหนดเป็นแนวปฏิบัติขั้นต่ำให้ สถาบันการเงินทุกแห่งปฏิบัติตามเป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยการรักษาสมดุลระหว่างการบริหารจัดการความเสี่ยงกับการส่งเสริมบริการทางการเงินดิจิทัล รวมถึงช่วยให้สถาบันการเงินป้องกันความเสี่ยงและแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ชุดมาตรการได้เน้นการแก้ปัญหาใน 3 มาตรการหลัก อาทิ […]

แบงก์ชาติเพิ่มมาตรการโอนเงินผ่านมือถือ ต้องยืนยันเข้มก่อนโอน-ปรับวงเงิน

11 ก.พ.2566 น.ส.สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. และสถาบันการเงินอยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลการทุจริต และบัญชีม้าระหว่างกัน โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้หลังจาก ร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีผลบังคับใช้ “ร่าง พ.ร.ก. ดังกล่าว กำหนดให้สถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจ สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีและธุรกรรมของลูกค้าที่ต้องสงสัยได้ โดยไม่ขัดตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” นอกจากนี้ ธปท. ยังมีมาตรการป้องกันเพิ่มเติม โดยจะให้ธนาคารเพิ่มกระบวนการยืนยันตัวตนด้วย biometric comparison บน mobile banking เมื่อเข้าเงื่อนไขที่กำหนด เช่น การโอนเงินจำนวนมาก ทั้งจำนวนเงิน และความถี่ รวมถึงการปรับเพิ่มวงเงินต่อวัน โดยกำหนดตามพฤติกรรมหรือระดับความเสี่ยงของลูกค้าของธนาคาร รวมทั้งให้มีช่องทางติดต่อเร่งด่วน (Hotlines) อย่างเพียงพอ ตลอด 24 ชม. ให้ลูกค้าสามารถแจ้งเหตุหลอกลวงได้โดยตรง ทั้งนี้ ที่ผ่านมา มีสถิติการตรวจจับบัญชีม้าเพิ่มขึ้น จากการที่ตำรวจและสถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการตรวจจับและกวาดล้างบัญชีม้าอย่างต่อเนื่อง   […]

แบงก์ชาติ ขอแจง กรณีฝากเงินที่ตู้ ต้องใช้บัตรยืนยันตัวตน เริ่ม15พ.ย.นี้

17 ต.ค.2565 นางบุษกร ธีระปัญญาชัย ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายระบบการชำระเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้แจงกรณีข่าวที่ธนาคารจะปรับขั้นตอนการฝากเงินผ่านเครื่อง CDM ซึ่งต้องมีการยืนยันตัวตนผ่านบัตรเดบิต บัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเครดิต ทุกครั้ง โดยจะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. เป็นต้นไป ว่าเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตามที่ ปปง. ได้มีข้อชี้แจงวันนี้ ทั้งนี้การยืนยันตัวตนของผู้ทำรายการฝากเงินเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงินมากขึ้น โดยธนาคารให้มีการยืนยันตัวตนผ่านเครื่อง CDM ของแต่ละธนาคาร สำหรับประชาชนที่ไม่มีบัตรเดบิต บัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเครดิต ทำให้ไม่สามารถฝากเงินที่เครื่อง CDM ได้ จะยังคงสามารถฝากเงินโดยใช้บัตรประชาชนผ่านช่องทางอื่นนอกเหนือจากฝากที่สาขาธนาคารได้ ได้แก่ ตู้เติมเงิน เคาเตอร์ของร้านสะดวกซื้อ ไปรษณีย์ และตัวแทนรับฝากเงินอื่นของธนาคาร ทั้งนี้ ธปท. จะเร่งให้ธนาคารพาณิชย์ดำเนินการพัฒนาระบบให้สามารถรองรับการยืนยันตัวตนรูปแบบอื่น ๆ เช่น การใช้บัตรประชาชน หรือการยืนยันตัวตนในลักษณะ cardless เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนทุกกลุ่มโดยเร็วต่อไป   ข่าวจาก : ข่าวสด

แบงก์ชาติสั่งระงับจ่ายแบงก์20บาทชนิดใหม่ หลังพบเลขไทยและอารบิคไม่ตรงกัน

(29 ก.ย.) น.ส.วชิรา อารมย์ดี รองผู้ว่าการ ด้านบริหาร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ความบกพร่องในธนบัตรพอลิเมอร์ ชนิดราคา 20 บาท ที่เบื้องต้นพบว่า ธนบัตรเลขหมายไทยไม่ตรงกับเลขหมายอารบิก ซึ่งความผิดปกติดังกล่าว เกิดในธนบัตรล็อตที่จ้างบริษัท De La Rue International Limited (DLR) เป็นผู้ผลิต น.ส.วชิรา กล่าวว่า เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยพบ และยืนยันความผิดพลาดดังกล่าวแล้ว ได้ระงับการจ่ายธนบัตรที่ยังคงเหลืออยู่ทันที จากการตรวจสอบเบื้องต้นของ DLR พบว่า กระบวนการผลิตมีข้อผิดพลาด ทำให้กระบวนการตรวจสอบตามปกติไม่สามารถตรวจพบได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับธนบัตร ที่มีการนำออกมาใช้ก่อนหน้านี้ ประชาชนยังสามารถใช้ธนบัตรดังกล่าว ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย และสามารถนำธนบัตรดังกล่าว มาแลกกับธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจต่าง ๆ ได้ตามปกติ ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย กำลังเร่งดำเนินการนำธนบัตรเหล่านี้ออกจากระบบ และอยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียด และหาสาเหตุเพิ่มเติมร่วมกับ DLR ตลอดจนจะดำเนินการตามสัญญาต่อไป ทั้งนี้ DLR ยืนยันว่าจะให้ความร่วมมือกับ […]

เงินสำรองไทยฮวบ3.8หมื่นล้านเหรียญ แบงก์ชาติยันยังแข็งแกร่งติดอันดับโลก

14 ก.ย. 2565 น.ส.ดารณี แซ่จู ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินผันผวนสูงขึ้น จากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ส่งผลให้นักลงทุนคาดว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นกว่าเดิมในระยะถัดไป โดยนับแต่ต้นปี เงินดอลลาร์สหรัฐ ปรับแข็งค่าไปแล้วกว่า 14.6% และเป็นปัจจัยหลักที่กดดันให้สกุลเงินภูมิภาครวมทั้งเงินบาทปรับอ่อนค่าลงในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ ยังไม่พบสัญญาณการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่ผิดปกติ โดยนับตั้งแต่ต้นปี นักลงทุนต่างชาติยังมีฐานะซื้อสุทธิในสินทรัพย์ไทยประมาณ 1.6 แสนล้านบาท เป็นการซื้อสุทธิในตลาดหลักทรัพย์กว่า 1.6 แสนล้านบาท และขายสุทธิเล็กน้อยในตลาดพันธบัตร ที่ 700 ล้านบาท นอกจากนี้ การแข็งค่าอย่างต่อเนื่องของเงินดอลลาร์สหรัฐ ยังส่งผลให้มูลค่าเงินสำรองระหว่างประเทศ (เงินสำรองฯ) ของหลายประเทศปรับลดลงเช่นกัน โดยสำหรับไทย เงินสำรองฯ ปรับลดลงจาก 2.78 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงต้นปี มาอยู่ที่ระดับ 2.4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการลดลงดังกล่าว เป็นผลจากการตีมูลค่าเงินสำรองฯ ที่อยู่ในสินทรัพย์หลายสกุลเงินให้เป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐเป็นสำคัญ โดยเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้สินทรัพย์สกุลอื่นเมื่อตีเป็นรูปดอลลาร์สหรัฐมีมูลค่าลดลง ซึ่งปกติในช่วงที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวผันผวนสูง จะเห็นมูลค่าเงินสำรองฯ […]

ชาวจีนนับพันบุกประท้วงหน้าแบงก์ชาติ หลังโดนอายัดบัญชี เบิกถอนเงินไม่ได้

เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 65 ชาวจีนกว่า 1,000 คน บุกไปประท้วงที่บริเวณด้านหน้าธนาคารประชาชนจีน สำนักงานเมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน ด้วยความโกรธแค้น หลังจากที่เงินฝากของพวกเขาไม่สามารถเบิกถอนได้ตามปกติมาเป็นเวลานานกว่า 90 วันแล้ว นอกจากนี้แอปพลิเคชันโควิด-19 ของรัฐ ที่ประชาชนทุกคนต้องลงทะเบียนใช้งาน ยังถูกติดตามความเคลื่อนไหว และถูกสกัดไม่ให้พวกเขาเดินทางออกนอกพื้นที่พักอาศัยเพื่อมาชุมนุมกัน รายงานข่าวระบุว่า บรรดาผู้เสียหายคือกลุ่มลูกค้าหลายพันรายที่นำเงินไปเปิดบัญชีเงินฝากที่ธนาคารรายย่อย 6 แห่งในมณฑลเหอหนาน และมณฑลอันฮุย ซึ่งระบุว่ามีการให้ผลตอบแทนดอกเบี้ยสูงกว่าที่ธนาคารอื่น แต่เมื่อประมาณเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ลูกค้าหลายรายเริ่มไม่สามารถเบิกถอนเงินได้ ซึ่งทางธนาคารแจ้งว่าเป็นเพราะกำลังปรับปรุงระบบภายใน แต่จากนั้นก็ยังกดเงินไม่ได้ และไม่ได้รับการชี้แจงใดๆ จากธนาคาร นอกจากนี้ยังมีข่าวผู้จัดการธนาคารหมู่บ้านกำลังหลบหนีและถูกออกหมายจับในคดีอาชญากรรมฉ้อโกงทางการเงิน ส่งผลให้ลูกค้าจำนวนหนึ่งออกมารวมตัวประท้วง แต่ปรากฏว่าจู่ๆ แอปพลิเคชันโควิด-19 ของพวกเขาถูกนำข้อมูลไปปรับเปลี่ยนทำให้ไม่สามารถเดินทางข้ามพื้นที่เพื่อไปร่วมชุมนุมได้ สื่อท้องถิ่นของจีนระบุว่า ปกติแล้วธนาคารจะสามารถรับเงินฝากของลูกค้าที่มีภูมิลำเนาอาศัยในพื้นที่เดียวกับธนาคารเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีการเลี่ยงใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการเปิดบัญชีเงินฝากและโอนเงินเข้าบัญชี โดยประเมินว่ามูลค่าความเสียหายอาจอยู่ที่ประมาณ 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 54,000 ล้านบาท ขณะที่ทางการจีนกำลังสืบสวนธนาคารรายย่อย 3 แห่ง.   ข่าวจาก : ไทยรัฐออนไลน์

แบงก์ชาติอนุมัติ ต่ออายุมาตรการจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต5% จนถึงปี 66

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 65 ที่ผ่านมานายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. กล่าวว่า ว่า ตามที่ ธปท. ได้ออกมาตรการทางการเงินรูปแบบต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รวมถึงมีกลไกให้สถาบันการเงิน ส่งผ่านความช่วยเหลือไปยังลูกหนี้ได้ครอบคลุมมากขึ้นนั้น ล่าสุดวันนี้ ในวันนี้ คณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน หรือ กนส. เห็นว่า เศรษฐกิจในภาพรวมมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจนขึ้น แม้การฟื้นตัวยังไม่เท่าเทียมกันในแต่ละภาคเศรษฐกิจ แต่ก็เริ่มส่งผลดีต่อสถานะของลูกหนี้หลายกลุ่ม ขณะที่ระบบสถาบันการเงินมีความมั่นคงสะท้อนจากเงินกองทุน เงินสำรอง และสภาพคล่องที่อยู่ในระดับสูง ทำให้หลักเกณฑ์การกำกับดูแลที่ผ่อนปรนและมาตรการช่วยเหลือทางการเงินที่ส่งผลเป็นวงกว้าง หรือ broad-based มีความจำเป็นลดลง และสามารถทยอยปรับเข้าสู่ระดับปกติได้ (policy normalization) โดยยังเน้นมาตรการเฉพาะจุด (targeted) เพื่อดูแลลูกหนี้รายย่อยกลุ่มเปราะบาง ในการนี้ ธปท. จึงเห็นควรปรับปรุงแนวทางการกำกับดูแล ยกตัวอย่างเช่น การช่วยเหลือลูกหนี้ที่ยังได้รับผลกระทบต่อเนื่อง ด้วยมาตรการที่เฉพาะเจาะจง ทั้งการผลักดันผ่านมาตรการที่ยังมีผลอยู่ ประกอบด้วย การปรับโครงสร้างหนี้เดิม การเติมเงินใหม่ให้กับภาคธุรกิจ รวมถึงมีมาตรการใหม่เพิ่มเติมเพื่อดูแลลูกหนี้รายย่อยที่ยังเปราะบาง ดังนี้ 2.1 […]

คืนเงินครบแล้ว130ล้าน แบงก์ชาติวางแนวทางป้องกันดูดเงินซ้ำ

แบงก์ชาติชี้แจงคืนเงินบัตรถูกโกงครบแล้ว 130 ล้านบาท พร้อมวางแนวทางเข้มป้องกัน เร่งประสานงานใช้รหัส OTP ยืนยันชำระเงิน ตามที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย ได้ชี้แจงเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2564 กรณีการตัดเงินที่ผิดปกติผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตของลูกค้า โดยเกิดจากมิจฉาชีพสุ่มข้อมูลบัตรและนำไปสวมรอยทำธุรกรรม โดยพบว่าระหว่างวันที่ 1 – 17 ตุลาคม 2564 มีบัตรของธนาคารจำนวน 10,700 ใบ ถูกนำไปทำธุรกรรมลักษณะดังกล่าว มูลค่ารวมประมาณ 130 ล้านบาท ซึ่งแต่ละธนาคารมีระบบการตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติตามลักษณะประเภทร้านค้าและประเภทสินค้าอยู่แล้ว จากเหตุการณ์ดังกล่าว ธนาคารจึงได้เพิ่มมาตรการป้องกันและดำเนินการแก้ปัญหาไปแล้ว ธปท. และสมาคมธนาคารไทย ขอชี้แจงการดำเนินการเพิ่มเติมล่าสุดของธนาคาร ดังนี้ 1. วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ธนาคารได้คืนเงินให้แก่ลูกค้าบัตรเดบิตที่ได้รับความเสียหาย ในกรณีข้างต้นครบทุกรายแล้ว ในส่วนของบัตรเครดิตได้ดำเนินการตั้งพัก เร่งตรวจสอบ และยกเลิกรายการ โดยลูกค้าไม่ต้องชำระเงินตามยอดเรียกเก็บที่ผิดปกติและไม่มีการคิดดอกเบี้ย 2. ธนาคารได้ยกระดับการป้องกันและแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วนเรียบร้อยแล้ว ได้แก่ (1) ตรวจจับธุรกรรม ที่ผิดปกติ […]

แบงก์ชาติ แจงเหตุเงินหายจากบัญชีรัว ๆ ยันไม่ใช่เพราะแอปฯ ดูดเงิน

 แบงก์ชาติ แจงสาเหตุเงินหายจากบัญชีรัว ๆ ไม่ใช่แอปฯ ดูดเงินเผยธนาคารได้ดำเนินการระงับการใช้บัตรลูกค้าที่มีรายการผิดปกติ และกำลังดำเนินการตรวจสอบร้านค้า วันที่ 17 ตุลาคม 2564 ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้แถลงว่า ตามที่ปรากฏข่าวพบลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิตและบัตรเดบิตจำนวนมากประสบปัญหาการทำรายการชำระเงินโดยที่ไม่ได้ทำธุรกรรมด้วยตนเอง แบงก์ชาติและสมาคมธนาคารไทย ได้รับทราบปัญหาและได้ตรวจสอบสถานการณ์ดังกล่าว โดยเบื้องต้นพบว่า มิได้เกิดจากการรั่วไหลของข้อมูลจากธนาคาร แต่เป็นรายการที่เกิดจากการทำธุรกรรมชำระค่าสินค้าและบริการกับร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ และไม่ใช่แอปดูดเงินตามที่ปรากฏเป็นข่าว ขณะนี้ธนาคารเจ้าของบัตรได้ดำเนินการระงับการใช้บัตรของลูกค้าที่มีรายการผิดปกติ และติดต่อลูกค้า รวมทั้งอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบร้านค้าที่มีธุรกรรมที่ผิดปกติเหล่านี้ นอกจากนี้ ลูกค้าที่ตรวจสอบพบความผิดปกติของรายการธุรกรรมด้วยตนเอง สามารถติดต่อคอลเซ็นเตอร์หรือสาขาของธนาคารผู้ออกบัตรเพื่อแจ้งตรวจสอบและยืนยันการทำธุรกรรมในทันที โดยธนาคารจะดูแลแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และเร่งคืนเงินให้กับลูกค้าที่ได้รับความเสียหายตามขั้นตอนของธนาคารโดยเร็วต่อไป แบงก์ชาติและสมาคมธนาคารไทย ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า โดยธนาคารพาณิชย์มีระบบการรักษาความมั่นคงปลอดภัยและมีการตรวจสอบการทำธุรกรรมที่ผิดปกติอย่างต่อเนื่อง เมื่อพบรายการที่ผิดปกติ ธนาคารจะแจ้งลูกค้าเพื่อตรวจสอบและยืนยันรายการธุรกรรม และพร้อมจะดูแลลูกค้าด้วยความรับผิดชอบเสมอ   ข่าวจาก : kapook

1 2 3 10
error: